Avatar: The Way of Water อภิมหาโปรเจกต์ส่งท้ายปีนี้ ที่ใช้ทุนสร้างไปมหาศาลถึง 250 ล้านเหรียญ และเป็นหนังภาคต่อที่แฟน ๆ รอคอยมายาวนานถึง 13 ปี แต่นั่นก็คือการคาดการณ์ในทิศทางที่สวยงาม แต่สำหรับตัว เจมส์ คาเมรอน (James Cameron) ในฐานะผู้ให้กำเนิดโปรเจกต์นี้ ก็ได้ทำการเผื่อใจไว้แล้ว ถ้าผลลัพธ์ไมได้ออกมาสวยหรูเหมือนอย่างที่ภาคแรกได้สร้างปรากฏการณ์ไว้มากมาย แต่ภาคต่อนี้ก็ทิ้งช่วงห่างจากภาคแรกนานกว่าทศวรรษ นั่นก็เป็นปัญหาหลักอย่างหนึ่ง ที่ทำให้โปรเจกต์นี้มีความเสี่ยงสูงอยู่เหมือนกัน เพราะแฟน ๆ ที่รอคอยภาคต่อน่าจะน้อยลงไปมาก และบางคนก็ไม่สนใจภาคต่อ Avatar แล้ว และที่สำคัญ หลังจาก Avatar: The Way of Water แล้วยังจะมีภาคต่อตามมาอีกถึง 3 เรื่อง ซึ่งได้เตรียมการบางส่วนไปแล้วด้วย ซึ่งในกรณีที่ผลลัพธ์ของ Avatar: The Way of Water ไม่ออกมาสวยหรูตามคาด ตัวคาเมรอนก็มีแผนรับมือไว้ด้วยเช่นกัน
อ้างอิงจากบทสัมภาษณ์ของ Total Film เมื่อเร็ว ๆ นี้ ที่นักข่าวได้ถามเจาะตรงเลยว่า ถ้า Avatar: The Way of Water ออกมาเจ๊ง ตัวคาเมรอนมีแผนการอย่างไรเตรียมไว้ไหม คาเมรอนก็ตอบทันทีเลยว่าถ้าภาค 2 เจ๊ง เขาก็ยังจะเดินหน้าให้ต่อจบในภาค 3 แทนแผนการเดิมที่จะให้จบในภาคที่ 5
“ภายใน 3 เดือนหลังจากหนังเข้าฉาย รายได้จะเป็นตัวชี้วัดเราเองว่าเราจบเห่หรือไม่ หรือไม่ก็พอถูไถครึ่ง ๆ กลาง ๆ ถ้าเป็นแบบนี้ก็โอเคนะ งั้นทำให้มันจบในภาค 3 ไปเลย ไม่ต้องไปไกลกว่านี้แล้วถ้าหนังมันทำกำไรไม่ได้อ่ะนะ เพราะว่าตอนนี้ถือได้ว่าผมอยู่ในอีกโลกนึงแล้ว ไม่ใช่โลกยุคตอนที่ผมเขียนเรื่องนี้ขึ้นมาใหม่ ๆ แล้วสถานการณ์ช่วงนี้ยิ่งหนักเข้าไปใหญ่ เราโดนหมัดติดต่อกันถึง 2 หมัดเลย ทั้งปัญหาเรื่องโรคระบาด แล้วยังเรื่องกระแสสตรีมมิงอีก หรือถ้ามันออกมาในทิศทางที่ดี หนังเราสามารถเรียกคนดูกลับมาเข้าโรงหนังได้อีกครั้ง เพราะนี่คือจุดประสงค์ที่ผมทำเรื่องนี้ออกมา แต่คำถามหลัก ๆ เลยก็คือ ยังมีคนสนใจจะเข้าโรงหนังกันอยู่ซักแค่ไหนวะตอนนี้”
ทางฝั่งคนดูเองก็สงสัยเหมือนกับคาเมรอน ว่ายังจะมีคนสนใจเข้าโรงหนังกันมากขนาดไหนในวันนี้ กับตอนที่คาเมรอนประกาศกร้าวว่าเขาจะกลับมาสร้าง Avatar ต่อ หลังจากทิ้งช่วงห่างจากภาคแรกไปกว่าสิบปี
แล้วด้วยทุนสร้างมหาศาลที่ฟอกซ์ควักกระเป๋าลงไปแล้ว ทางสตูดิโอเองก็คาดหวังผลตอบแทนกลับมาอย่างมากเช่นกัน ตอนนี้ทางทีมการตลาดวางเป้าหมายไว้ว่า หนังควรจะทำเงินในประเทศได้อย่างน้อยที่ 650 ล้านเหรียญ นั่นเป็นตัวเลขที่สูงมากอยู่ดี แม้ว่าภาคแรกจะทำไว้ที่ 749 ล้านเหรียญก็ตาม แต่ถ้าพิจารณาตามอัตราส่วนความน่าจะเป็นแล้ว ถ้าหนังทำเงินในประเทศได้สูงถึง 600 ล้านแล้วล่ะก็ รายได้ทั่วโลกก็น่าจะพ้นหลักพันล้าน อย่างน้อย ๆ Avatar: The Way of Water ก็ต้องได้อันดับ 2 หนังทำเงินสูงสุดของปี 2022 เป็นรองแค่ Top Gun: Maverick เผลอ ๆ อาจจะแซงขึ้นอันดับ 1 ก็เป็นไปได้
คาเมรอนเล็งเห็นปัญหาดีว่าหนังภาคต่อของเขานั้น ทิ้งช่วงห่างจากภาคแรกยาวนานเกินไป แนวทางหนึ่งในการแก้ปัญหานี้ เขาก็เลยนำ Avatar ภาคแรกมาเข้าโรงฉายอีกครั้งเมื่อเดือนกันยายน เพื่อกระตุ้นความสนใจ เรียกแฟนเก่ามาเข้าโรงหนังรื้อฟื้นประสบการณ์อีกครั้ง และเป็นการแนะนำหนังกับคนรุ่นใหม่ด้วย หลังจากเข้าฉายหนังก็เข้าตารางบ็อกซ์ออฟฟิศได้สำเร็จใน 40 อันดับแรก ด้วยตัวเลขรายได้ 76 ล้านจากการฉายทั่วโลก และที่น่าสนใจก็คือ 30% ของรายได้มาจากในสหรัฐอเมริกา ก็นับว่าเป็นสัญญาณที่ดีว่าคนอเมริกันเองก็ยังอ้าแขนต้อนรับหนัง Avatar และรอคอยภาคต่อกันอยู่ ยิ่งเป็นความท้าทายว่า เจมส์ คาเมรอน จะกลับมาในตำแหน่งเจ้าของหนังทำเงินสูงที่สุดในโลกตลอดกาลอีกครั้งหนึ่ง
รอลุ้นไปพร้อมกันว่าหนังจะไปได้ถึงภาค 5 หรือจอดแค่ภาค 3 Avatar: The Way of Water กำหนดฉาย 16 ธันวาคม 2022 และ Avatar 3 มีกำหนดฉายในปี 2024