Release Date
18/11/2022
Runtime
119 Minutes
Genre
Fantasy Musical
Streaming Service
Disney+Hotstar
Director
Adam Shankman
Cast
Amy Adams Patrick Dempsey Idina Mensel James Marsden
Our score
5.9[รีวิว] Disenchanted – ภาคแรกคือดีย์..ภาคนี้คือของแถม (ที่ไม่จำเป็น)
จุดเด่น
- งานเพลงของอลัน เมนเคน ช่วยหนังไว้่ได้เยอะมาก
จุดสังเกต
- บทหนังมีช่องโหว่เยอะเกินไปมาก
- คาแรกเตอร์ที่เคยเป็นที่รักถูกความแย่ของบททำลายไปเสียสิ้น
-
การแสดง
6.0
-
โปรดักชัน
6.5
-
บทภาพยนตร์
5.0
-
ความบันเทิง
6.0
-
ความคุ้มค่าในการชม
6.0
15 ปีก่อน ‘Enchanted’ เคยกลายเป็นตำนานภาพยนตร์ไลฟ์แอ็กชันที่ยังคงกลิ่นอายของความเป็นดิสนีย์และยั่วล้อระหว่างโลกแฟนตาซีกับชีวิตจริงอย่างสนุกสนานโดยไม่ลืมใส่มรดกชิ้นสำคัญของหนังค่ายปราสาทพลุทั้งแอนิเมชันสองมิติอันเป็นตำนานและเรื่องราวเทพนิยายชวนฝันพร้อมข้อคิดดี ๆ ที่ช่วยให้มนต์ขลังของดิสนีย์ยังคงทำให้ผู้ชมเคลิ้มคล้อยตามพร้อมตอนจบแบบแล้วพวกเขาก็อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข และปี 2022 นี้ภาคต่ออย่าง ‘Disenchanted’ ที่เล่นหักอารมณ์กันตั้งแต่ชื่อเรื่องที่แปลว่า ‘มนต์เสื่อม’ ก็ชวนให้สงสัยว่าภาคต่อของหนังในดวงใจใครต่อใครคราวนี้จะน่าสนใจแค่ไหนกันเชียว
เรื่องราวจะต่อเนื่องจาก ‘Enchanted’ เมื่อ จีเซล (รับบทโดย เอมี่ อดัมส์ Amy Adams) เจ้าหญิงแห่งแอนดาเลเชีย ตัดสินใจอยู่กินกับ โรเบิร์ต (รับบทโดย แพทริก เดมป์ซีย์ Patrick Dempsey) ทนายหนุ่มธรรมดาและสร้างครอบครัวจนได้สมาชิกใหม่ และเมื่อรู้สึกว่านิวยอร์กไม่ตอบโจทย์พวกเขาเลยย้ายไปอยู่เมืองใหม่ชื่อ มอนโรวิลล์ ในปราสาทซอมซ่อ แต่ด้วยฮอร์โมนวัยรุ่นว้าวุ่นใจของ มอร์แกน (รับบทโดย กาเบรียล บัลดัคชิโน Gabriella Baldacchino) ที่ดูวีนเหวี่ยงไปทุกสิ่งอย่าง
จนกระทั่งจีเซลได้รับคฑาประทานพรจากสหายอย่าง เจ้าชายเอ็ดเวิร์ด (รับบทโดย เจมส์ มาร์สเดน James Marsden) และ เจ้าหญิงแนนซี่ (รับบทโดย อีดีนา เมนเซล Idina Menzel) และด้วยความมักง่ายของจีเซล เธอก็ได้เปลี่ยนทุกอย่างในมอนโรวิลล์ให้กลายเป็นเทพนิยาย ซึ่งทำให้จีเซลเปลี่ยนไปเป็นแม่เลี้ยงใจร้ายไม่รู้ตัวและยังทำให้แอนดาเลเชียใกล้สูญสลายไปในพริบตา งานนี้จีเซลต้องถอนคำขอพรก่อนเที่ยงคืนที่คำอธิษฐานจะคงอยู่อย่างถาวร
สิ่งที่ทำให้ ‘Disenchanted’ ดูมนต์ขลังเสื่อมลงตามชื่อเรื่องจริง ๆ คงหนีไม่พ้นบทภาพยนตร์ที่ดูสับสนไปหมด เริ่มจากจีเซล ที่ปรับตัวกับชีวิตในโลกความเป็นจริงไม่ได้จนต้องย้ายที่อยู่ และมอร์แกนไม่พอใจที่ต้องออกจากโรงเรียนเดิมและเผชิญการเปลี่ยนแปลงแบบวัยรุ่นที่เริ่มไม่อินกับเทพนิยาย ซึ่งบอกตามตรงว่าหากหนังเดินไปสู่การที่จีเซลเริ่มทำความเข้าใจกับโลกแห่งความเป็นจริงที่ไม่ได้ดั่งใจไปเสียทุกอย่าง คงทำให้หนังเดินเรื่องได้มีทิศทางมากกว่านี้
ประกอบกับการเปลี่ยนตัวผู้กำกับจาก เควิน ลิมา (Kevin Lima) ในภาคแรกมาเป็น อดัม แชงก์แมน (Adam Shankman) ที่ผ่านมาทั้งซีรีส์มิวสิคัลอย่าง Glee และ หนังดัดแปลงจากมิวสิคัลบรอดเวย์อย่าง ‘Hairspray’ แต่สิ่งที่แชงก์แมนยังไม่เข้าใจคือการปรุงมนต์แบบดิสนีย์ในงานภาพและการแสดง จนผลลัพธ์คือคนดูต้องอดทนกับแอ็กติ้งเหมือนเจ้าหญิงเมาน้ำกระท่อมของจีเซล และตัวแสบไฮสคูลขี้เหวี่ยงอย่างมอร์แกน ซึ่งเอาให้แฟร์จริง ๆ ก็เริ่มที่บทหนังมันแย่มาตั้งแต่ต้นนี่แหละทำให้ตัวละครที่คนดูเคยรักมากจากภาคแรกกลายเป็นน่ารำคาญไปเสียหมด รวมถึงแอ็กติ้งที่ดูเป็นหนังทีวีมาก ๆ ผิดกับภาคแรกโดยสิ้นเชิงด้วย
แต่ที่ถือว่าเลวร้ายสุด ๆ คงหนีไม่พ้นปมตัวละครที่หนังที่ละเลยไปในบทสรุปแบบเทพนิยายทั้งที่หนังอุตส่าห์ปูมาดีแต่ต้นดังที่เราบอกไป จนหนังออกมาดูเหมือนคนเป็นไบโพลาร์มาทำ ต้นเรื่องอย่างนึง กลางเรื่องไปอีกอย่างและจบลงด้วยท่าบังคับแบบ ‘แล้วพวกเขาก็อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขชั่วนิรันดร’ จนต้องยอมรับว่าการจะเข็นตัวเองให้ดูหนังจนจบกลายเป็นความทรมานอย่างไม่น่าเชื่อได้เลย
ส่วนการกลับมารับบทจีเซลของเอมี่ อดัมส์ บอกตามตรงว่าเธอไม่อาจทำให้เราหลงรักกับตัวละครของเธอได้อีกแล้วครับ เพราะพอบทหนังไม่ส่งเสริมเหมือนเคยคนดูไม่อาจเอาใจไปช่วยให้ตัวละครแก้คำอธิษฐานสำเร็จได้อีกแล้ว ประกอบกับคาแรกเตอร์ของมอร์แกนที่เปลี่ยนไป แม้จะได้ กาเบรียล บัลดัคชิโน ที่หน้าตาดีแค่ไหนแต่ความไร้เดียงสาที่คนดูเคยหลงรักในตัวมอร์แกนหายเกลี้ยงเหลือแค่วัยรุ่นขี้วีนไร้เหตุผลไปอย่างน่าเสียดาย
ยังดีที่ เจมส์ มาร์สเดน, แพทริก เดมป์ซีย์ และ อีดีนา เมนเซล ยังสามารถโฮลด์ตัวละครของพวกเขาไว้ได้และสร้างสีสันให้หนังไม่น่าเบื่อจนเกินไป
แต่กระนั้นหนังก็ยังคงมีจุดดีอีกหนึ่งจุดที่เราจะมองข้ามไม่ได้นั่นคือเพลงในหนังที่คราวนี้ อลัน เมนเคน (Alan Menken) ผู้เนรมิตรเพลงสุดฮิตให้แอนิเมชันดิสนีย์มารังสรรค์เพลงสไตล์บรอดเวย์มิวสิคัลแบบดิสนี้ ดิสนีย์ให้หนัง ซึ่งบอกตามตรงว่าพอองค์ประกอบอื่น ๆ ดูบ้งไปหมด งานเพลงเลยกลายเป็นตัวชูโรงที่ทำให้หนังไม่ได้แย่เกินไปนัก
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส