Release Date
24/11/2022
Runtime
102 Minutes
Genre
Animation Adventure
Director
Don Hall Qui Nguyen
Cast
Jake Gyllenhaal Dennis Quaid Lucy Lui
Our score
8.0[รีวิว] Strange World – แอนิเมชันน้ำดีที่คนรู้จักน้อยเกินไป
จุดเด่น
- เป็นแอนิเมชันที่มีตัวละครนำที่เป็น LGBTQIA+ เรื่องแรกของดิสนีย์
- งานภาพสวยมาก ยิ่งดูระบบ 3D ยิ่งสวยมาก
- เรื่องราวสนุกสนานย่อยง่าย ไม่ซับซ้อน
- มีข้อคิดดี ๆ แฝงอยู่เยอะ
จุดสังเกต
- พลอตเรื่องอาจไม่ได้แปลกใหม่มาก หากตัดเรื่องของจินตนาการออกไป
-
การพากย์เสียง
8.0
-
โปรดักชัน
8.0
-
บทภาพยนตร์
7.8
-
ความบันเทิง
8.0
-
ความคุ้มค่าในการรับชม
8.0
นอกจากภาพยนตร์ใต้ชายคามาร์เวล สตูดิโอ (Marvel Studio) และพิกซาร์ (Pixar) แล้ว ปีนี้ภาพยนตร์หรือแอนิเมชันที่พะยี่ห้อดิสนีย์ (Disney) กลับถูกขนไปลงบริการสตรีมมิงอย่างดิสนีย์พลัส ฮอตสตาร์ (Disney+Hotstar) ซะส่วนใหญ่ทั้งหนังไลฟ์แอ็กชันอย่าง ‘Pinocchio’ หรือแอนิเมชันพิกซาร์อย่าง ‘Turning Red’ และเมื่อถึงปลายปีแบบนี้ตามธรรมเนียมว่าดิสนีย์จะส่งภาพยนตร์แอนิเมชันมาเป็นของขวัญส่งท้ายปีเก่าซึ่ง ‘Strange World’ ถูกมอบหมายให้ทำหน้าที่มอบความสุขแก่ผู้ชมในโอกาสพิเศษนี้
โดยเรื่องราวของหนังเริ่มขึ้นเมื่อสองพ่อลูกนักสำรวจ เยเกอร์ และเสิร์ชเชอร์ออกเดินทางเพื่อค้นพบโลกใบใหม่ แต่เป็นพืชพันธุ์สีเขียวที่ชื่อว่าแพนโดทำให้เสิร์ชเชอร์เปลี่ยนใจนำมันกลับไปสร้างชื่อยังอวาโลเนีย ปล่อยให้เยเกอร์เดินทางออกสำรวจโลกตามลำพัง 25 ปีต่อมาเสิร์ชเชอร์ได้สร้างครอบครัวและมีลูกชายอย่างอีธาน ผู้กำลังค้นหาตัวตนและกำลังตกอยู่ในห้วงแห่งรักและเขินอายทุกครั้งเมื่อได้พบกับดีอาโซ่ หนุ่มแสนเท่ที่เขาแอบหมายปอง
แต่เมื่อเกิดวิกฤติพืชพันธุ์ในอวาโลเนียกำลังล้มตาย เสิร์ชเชอร์พร้อมด้วยครอบครัวของเขาจำต้องออกผจญภัยอีกครั้งเพื่อกอบกู้แหล่งพลังงานของแพนโดเพื่อให้พืชพันธุ์ของพวกเขากลับฟื้นคืนมาอีกครั้ง ในขณะเดียวกันการเดินทางครั้งนี้อาจทำให้อีธานค้นพบตัวเองและกล้าพอที่จะบอกความปรารถนาลึก ๆ ในใจกับพ่อของเขาเสียที
ส่วนผสมที่เพิ่มความสดใหม่มาก ๆ ได้แก่การกลับมาร่วมงานกันของ ดอน ฮอลล์ (Don Hall) และ คี เหงียน (Qui Nguyen) จาก ‘Raya and the Last Dragon’ ที่นำเสนอวัฒนธรรมร่วมของเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ได้น่าตื่นตาตื่นใจมาแล้ว ซึ่งคราวนี้เหงียนได้ก้าวมาทำหน้าที่กำกับร่วมอีกด้วย ซึ่งบทหนังยอมรับเลยว่าเหงียนเลือกแนวเรื่อง (Genre) ที่มีความดิสนีย์มาก ๆ อย่างการผจญภัยและครอบครัวมาสวมทับด้วยจินตนาการแสนบรรเจิดและความเคลื่อนไหวของสังคมโดยเฉพาะที่เราต้องเน้นย้ำว่านี่คือแอนิเมชันดิสนีย์เรื่องแรกเลยที่พูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างเด็กหนุ่มสองคนในเชิงโรแมนติก แม้จะยังไม่ใช่พลอตหลักแต่ก็ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี
แน่นอนครับว่าตัวหนังอาจจะได้รับการรับชมมากขึ้นเมื่อฉายทางสตรีมมิง และถึงวันนั้นไม่แน่เราอาจจะได้รับรู้ความเห็นของพ่อแม่ที่มีต่อประเด็นนี้ชัดเจนขึ้น แต่หากให้พูดถึงความดีงามของมันก็คงหนีไม่พ้นนี่จะเป็นอำนาจละมุน (Soft Power) ที่จะทำให้ทุกคนในครอบครัวได้ซึมซับถึงความหลากหลายทางเพศได้แบบแนบเนียนและไม่ก้าวร้าวเกินไป ด้วยการทำให้ความรักระหว่างเพศเดียวกันดูปกติมาก ๆ เลยทำให้ ‘Strange World’ ที่เป็นชื่อหนังกลายเป็นโลกในอุดมคติสำหรับการอยู่ร่วมกันก็เป็นได้ครับ
แต่เห็นเรายกประเด็นสังคมขึ้นมาอย่าคิดว่ามันจะไม่เหมาะกับคุณหนู ๆ นะครับเพราะมันยังมีเจ้าหมาน้อยแสนน่ารักผสมความกวนนิด ๆ รวมถึงเหล่าเอเลียนน่ารักน่ากอดปรากฎกายอยู่เต็มจอไปหมด พ่วงด้วยเรื่องราวที่ย่อยง่ายทั้งความสัมพันธ์ในครอบครัว ปัญหาช่องว่างระหว่างวัยที่ต้องร่วมสร้างความเข้าใจก็ทำให้มันยังสามารถพูดคุยกับเด็กในวันวานที่โตมาเป็นพ่อแม่คนได้อีกด้วย
อ่านมาถึงตรงนี้หลายคนคงคิดว่าก็ดีนะ แต่รอดูสตรีมมิงดีกว่า ทีนี้ผมจะบอกสิ่งที่คุณจะพลาดหากรอดูสตรีมมิงครับ ซึ่งแน่นอนว่าหมายถึงงานภาพและหากจะให้เจาะจงก็คงต้องบอกว่าการชมหนังในระบบสามมิติไม่เคยดูดีเท่านี้มาก่อนจริง ๆ ครับ ในส่วนของเนื้อเรื่องช่วงแรกไม่เท่าไหร่ แต่พอเหล่าครอบครัวคล้อดได้ย่างกรายเข้าไปยังดินแดนที่มีแต่สัตว์ประหลาดหลากสีสันงานภาพที่ถูกออกแบบมารองรับการชมในระบบสามมิติก็ทำหน้าที่ของมันได้เป็นอย่างดีจริง ๆ
เสียดายมากนะครับหากคุณจะพลาดชมในโรงเพราะหลายซีนมากที่มันออกแบบมาให้ดูบนจอใหญ่ ๆ รับรู้และร่วมผจญภัยไปกับเหล่าตัวละครหลากสีสัน เป็นความสนุกแบบดิสนีย์ที่เราเคยเอ็นจอยในโรงภาพยนตร์แต่ร้างรามานานแสนนาน หากมีโอกาสมาสัมผัส ‘Strange World’ ในโรงสักรอบก่อนเถอะครับ คุ้มค่าแน่นอน
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส