Edge of Tomorrow หนังแอ็กชันไซไฟสุดมันส์เมื่อปี 2014 ที่เป็นหนังในดวงใจของหลายคนทั่วโลก แม้ว่าในวันนี้ยังคงไม่มีวี่แววว่าจะมีภาคต่อมาให้ได้ชมกัน จึงทำให้นักแสดงนำและผู้กำกับต้องถูกถามถึงความเป็นไปได้ของหนังภาคต่ออยู่เนือง ๆ ทุกครั้งที่ให้สัมภาษณ์

ล่าสุดนี้ เอมิลี่ บลันต์ (Emily Blunt) ได้ไปให้สัมภาษณ์ในรายการพอดแคสต์ Smartless เนื้อหาตอนหนึ่งที่ได้พูดคุยกัน บลันต์ก็ย้อนเล่าถึงช่วงเวลาประทับใจระหว่างเธอกับครูซตอนที่ได้ถ่ายทำเรื่องนี้ร่วกัน และเป็นเพราะ ทอม ครูซ (Tom Cruise) นี่แหละ ที่เป็นแรงผลักดันสำคัญให้เธอถ่ายทำเรื่องนี้ได้สำเร็จเสร็จสิ้น

ปัญหาหลัก ๆ ที่บลันต์ต้องเผชิญและรู้สึกท้อแท้เป็นอย่างมาก มาจากชุดเกราะที่เราเห็น บลันต์ และ ครูซ ใส่ในหนังนั้น คือชุดเกราะซึ่งทำจากเหล็กจริง ทั้งเทอะทะและหนักมาก บลันต์ย้อนเล่าว่าตอนนั้นเธอรู้สึกอึดอัดมากทุกครั้งที่ต้องสวมชุดเกราะนี้ เธอบอกว่าเธอจำความรู้สึกตอนนั้นได้เป็นอย่างดีเลย ว่าตอนที่สวมชุดนั้นมันชวนอึดอัดขนาดไหน และมันหนักเพียงใด มันเป็นช่วงเวลาที่ไม่น่ารื่นรมย์เอาเสียเลย แค่วันแรกที่เธอได้ลองสวมชุดนี้ก็ทำเอาเธอน้ำตาแตกออกมาเสียแล้ว เพราะเธอนึกไม่ออกเลยว่าเธอจะสวมชุดนี้แล้วเข้าฉากทุกวันไปจนหนังจบได้อย่างไรกัน

“เราต้องรวมสวมชุดเกราะที่ใหญ่มากนี้กันจริง ๆ ตอนนั้นฉันก็นึกนะว่าทำไมเขาไม่เลือกใช้เทคนิค CGI มาทำชุดเกราะนี้แทน แต่พวกเขาก็เลือกที่จะใช้ชุดเกราะที่สวมใส่ได้จริง ๆ เพราะอยากได้ความรู้สึกว่ามันมีอยู่จริงสัมผัสได้จริงมากกว่า คุณพอนึกออกมั้ย ตอนที่เขาบอกว่า ‘สัมผัสได้จริง’ เนี่ย มันฟังดูง่าย ๆ สบายจัง แต่เอาเข้าจริงมันไม่มีตรงไหนที่สบายเลยตอนที่สวมชุดเกราะนี้ เฉพาะของฉันคนเดียวนี่ก็หนัก 38 กิโลกรัมแล้ว มันหนักมากกก พอฉันลองชุดครั้งแรกฉันก็เริ่มร้องไห้แล้ว”

สำหรับบลันต์การที่ต้องเผชิญกับโจทย์ยาก ๆ แบบนี้ จึงทำให้เธอต้องร้องไห้ออกมาโดยไม่สามารถควบคุมได้ เธอคิดจริง ๆ เลยว่าเธอไม่สามารถถ่ายทำหนังเรื่องนี้ได้แล้ว เธอเริ่มควบคุมสติไม่อยู่แล้วตอนนั้น ซึ่ง ทอม ครูซ ก็อยู่กับเธอในขณะนั้น เขาพยายามหาทางที่จะช่วยปลอบประโลมเธอ แต่เธอก็ร้องไห้ไม่ยอมหยุด จนครูซตัดสินใจใช้ถ้อยคำแรง ๆ เพื่อฉุดสติของบลันต์กลับมา ซึ่งบลันต์บอกว่ามันได้ผลทีเดียว ครูซทำให้เธอหัวเราะออกมาได้ แล้วก็ฮึดสู้ได้จนถ่ายทำเสร็จ

“ฉันร้องไห้อยู่ต่อหน้าทอม ซึ่งเขาก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงดีน่ะตอนนั้น เขาก็ได้แต่นั่งจ้องฉันแล้วก็พูดซ้ำ ‘ผมเข้าใจ ผมเข้าใจ ผมเข้าใจนะ’ ฉันก็ตอบเขากลับไปว่า ‘ทอมมี่ ฉันไม่คิดว่าฉันจะถ่ายทำเรื่องนี้ไปได้จนจนจบหรอกนะ’ แล้วฉันก็ร้องไห้ต่อ คือตอนนั้นฉันรู้สึกแบบว่าสติแตกไปหน่อยแล้วถ้าจะต้องสวมชุดนี้ถ่ายทำทั้งเรื่อง ส่วนทอมก็แบบว่า นั่งจ้องฉันอยู่อย่างนั้นนานแล้วล่ะ ซึ่งเขาก็ไม่รู้ว่าจะทำไงดี สุดท้ายเขาก็พูดออกมาว่า ‘เอาน่า หยุดทำตัวใจเสาะแบบนี้สักที โอเคมั้ย ? ‘ นั่นล่ะทำให้แนหัวเราะออกมาได้ แล้วเราก็ผ่านพ้นมันมาได้”

แต่สุดท้ายความพยายามทุ่มเทของเธอก็ส่งผลได้คุ้มค่าจริง หนังทำรายได้ทั่วโลกไป 370 ล้านเหรียญ จากทุนสร้างที่ 178 ล้านเหรียญ ซึ่งเป็นค่าตัวของครูซไปแล้ว 23 ล้านเหรียญ

ส่วนความคืบหน้าของภาคต่อนั้น บทภาพยนตร์เขียนเสร็จมาตั้งแต่ปี 2019 แล้ว เหลือแค่รอให้ผู้กำกับ ดั๊ก ไลแมน, ทอม ครูซ และ เอมิลี่ บลันต์ มีคิวว่างตรงกัน แต่โปรเจกต์ก็ต้องหยุดชะงักยาว ๆ ในช่วงโควิด-19 แพร่ระบาด ซึ่งในช่วงนี้ เอมิลี่ บลันต์ เองก็ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า ปัญหาหลักของภาคต่อ Edge of Tomorrow นั้น คือประมาณการแล้วหนังจะต้องใช้ทุนสร้างอย่างมหาศาลมาก เลยยังไม่ได้ไฟเขียวจากสตูดิโอ จนกระทั่งเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ วอร์เนอร์ จึงจับมือกับ วิลเลจ โรดโชว์ ดำเนินการสร้างซีรีส์ภาคแยกจาก Edge of Tomorrow เพื่อสตรีมมิงทาง HBO Max แทน

ที่มา