[รีวิว] Puss in Boots: The Last Wish – แอนิเมชันเหมียวน่ารักชวนให้รู้จักคุณค่าชีวิต
Our score
7.9

Release Date

29/12/2022

Runtime

100 Minutes

Genre

Animation Adventure Comedy

Cast (Voice)

Antonio Banderas Salma Hayek Harvey Guillén Florence Pugh John Mulaney Wagner Moura Olivier Colman

Director

Joel Crawford Januel Mercado

[รีวิว] Puss in Boots: The Last Wish – แอนิเมชันเหมียวน่ารักชวนให้รู้จักคุณค่าชีวิต
Our score
7.9

[รีวิว] Puss in Boots: The Last Wish – แอนิเมชันเหมียวน่ารักชวนให้รู้จักคุณค่าชีวิต

จุดเด่น

  1. เป็นแอนิเมชันภาคต่อที่มีเส้นเรื่องแข็งแรง
  2. คาแรกเตอร์น้องหมา เพอร์โร น่ารักชวนใจละลาย
  3. เรื่องราวในส่วนของ โกลดีล็อกส์ และครอบครัวหมี สามารถสอนใจผู้ใหญ่ให้เห็นคุณค่าของครอบครัวได้ดี
  4. เสียงพากย์มีเสน่ห์มาก โดยเฉพาะพากย์ไทยที่ทำให้หนังบันเทิงเข้ากับคนดูได้ดีมาก

จุดสังเกต

  1. มุกดาร์ก ๆ ที่มาของเพอร์โร ออกจะรุนแรงไปสักนิดและไม่ได้ผลกับเรื่องเท่าไหร่นัก
  • เสียงพากย์

    8.0

  • โปรดักช้น

    8.0

  • บทภาพยนตร์

    7.5

  • ความบันเทิง

    8.0

  • ความคุ้มค่าในการรับชม

    8.0

เว้นช่วง 11 ปีพอดีหลัง ‘Puss in Boots’ ภาคแรกเข้าฉายไปและทิ้งให้แอนิเมชันสร้างชื่อของดรีมเวิร์คส์ แอนิเมชัน (Dreamwork Animation) ในจักรวาลเชร็ค (Shrek) เงียบหายจากโรงภาพยนตร์ไปเป็นทศวรรษ จนมาถึงปี 2022 นี้ในที่สุดภาคต่ออย่าง ‘Puss in Boots: The Last Wish’ ก็ได้ฤกษ์ออกฉายหลังถูกเลื่อนกำหนดมานาน แต่ตัวหนังก็ไม่ต่างจากแมว 9 ชีวิตเพราะถึงเลื่อนยังไงเจ้าเหมียวพุซ ก็ยังนำพาตัวมันออกมาโปรยเสน่ห์ให้แฟน ๆ ได้ส่งท้ายปีเก่าอย่างหฤหรรษ์

Major Cineplex
สนับสนุนข้อมูลโดย Major Cineplex

หลังผจญภัยเสี่ยงตายมานานในที่สุด พุซ เจ้าเหมียวนักดาบทรงเสน่ห์ก็ต้องเผชิญหน้าความกลัวเป็นครั้งแรกเมื่อเขาได้พบกับ หมาป่ามัจจุราช ที่มาย้ำเตือนว่าต่อไปนี้ พุซ จะเหลือชีวิตสุดท้ายก่อนไปพบยมบาล พุซเลือกเนรเทศตัวเองไปพักพิงกับ มาม่าลูน่า ผู้ให้ที่พักพิงเหมียวจรจัด ที่นั่นพุซได้พบกับ เพอร์โร เจ้าหมาชิวาว่าจรจัดที่คิดว่าตัวเองเป็นแมว และผูกสัมพันธ์กัน แต่แล้วความสงบที่พุซฝันหาก็เป็นอันจบสิ้นหลังการมาเยือนของ โกลดีล็อกส์และครอบครัวหมีที่มาจ้างเขาให้ไปขโมยแผนที่สู่ดาวประทานพร

ซึ่งผู้ที่ครอบครองแผนที่ดังกล่าวคือ แจ็ก ออร์เนอร์ หนุ่มร่างท้วมเจ้าของโรงงานผลิตขนมปัง แต่ไม่ใช่พุซแค่คนเดียวที่ต้องการแผนที่ดังกล่าวเพราะเขาได้พบกับ คิตตี้ ซอฟต์พอวส์ เหมียวถ่านไฟเก่าที่ฝีมือเหนือกว่าเขาอย่างเห็นได้ชัด แต่เพื่อผลประโยชน์ร่วมกัน คิตตี้ พุซ และเพอร์โร จึงออกเดินทางตามหาดาวประทานพรเพื่อให้พุซขอพรให้เขากลับมามี 9 ชีวิตดังเดิม โดยมีคู่แข่งคือ แจ็ก ออร์เนอร์ และครอบครัวหมีของโกลดีล็อกส์

Beartai Buzz รีวิว 'Puss in Boots The Last Wish'
Beartai Buzz รีวิว 'Puss in Boots The Last Wish'

ก่อนอื่นคงต้องปรบมือให้ความกล้าของทีมงานดรีมเวิร์คส์ ที่เล่นธีมที่ดูผู้ใหญ่มาก ๆ อย่างอาการกลัวความตายมาเล่าในแอนิเมชันขวัญใจเด็ก ๆ อย่าง ‘Puss in Boots’ ในขณะที่แอนิเมชันอื่น ๆ ในท้องตลาดมักจะเอาการผจญภัยไปผูกกับครอบครัวหรือมิตรภาพ การที่พุซเจ้าเหมียวทรงเสน่ห์มีความตายเป็นแรงขับในการออกเดินทางอีกครั้งและเรียนรู้คุณค่าชีวิตก็ทำให้ผู้ชมได้เติบโตตามตัวละครไปอีกขั้นและที่เจ๋งมากคือผู้ชมแต่ละช่วงวัยจะได้สารจากหนังที่ไม่เหมือนกันซะทีเดียวอีกด้วย

สำหรับผู้ชมในวัยรุ่นเชื่อเลยว่าการก้าวจากเด็กมาเริ่มทดลองใช้ชีวิตผู้ใหญ่ ย่อมเป็นความกลัวลึก ๆ ที่หลายคนต้องเผชิญและมีประสบการณ์ร่วมดังนั้นการเห็นเจ้าพุซเข้ากระบะทรายแมวหรือปรับตัวเข้ากับเพื่อนใหม่อย่างเพอร์โรก็ทำให้ผู้ชมในวัยนี้รีเลต (Relate) ตัวเองเข้ากับตัวละครได้ไม่ยาก ยิ่งหนังมีฉากผจญภัยตื่นตามากเท่าไหร่ ผู้ชมก็จะได้เห็นว่าสิ่งเหล่านี้ไม่อาจพบได้จากการนั่งไถฟีดในโซเชียลแต่เป็นการออกไปใช้ชีวิตที่มีเวลาจำกัดต่างหาก

Beartai Buzz รีวิว 'Puss in Boots The Last Wish'
Beartai Buzz รีวิว 'Puss in Boots The Last Wish'

แต่ในฝั่งผู้ชมวัยผู้ใหญ่หน่อยอายุประมาณ 30 ปลาย ๆ ถึงต้น 40 ก็จะได้สารเรื่องความรับผิดชอบกับความสัมพันธ์ เพราะตัวละครอย่างพุซเองก็มีปมผิดบาปในอดีตที่รอแก้ไขหรือได้กล่าวขอโทษกับคนที่ตัวเองทำผิดด้วย ไปจนถึงการเห็นคุณค่าของครอบครัวสำหรับกรณีของโกลดีล็อกส์และครอบครัวหมีของเธอ ทำให้บทภาพยนตร์ของ พอล ฟิชเชอร์ (Paul Fisher) ไม่เพียงเป็นแค่หนังภาคต่อของ ‘Puss in Boots’ เท่านั้นแต่ยังเป็นหนังที่เติบโตมาพร้อมแฟนเชร็ค (Shrek) ที่เชื่อว่าตอนนี้ก็กลายมาเป็นพ่อแม่หรือมีครอบครัวกันแล้วให้ชมและได้ข้อคิดดี ๆ กลับไปอีกด้วย

แต่กระนั้นสิ่งที่ฟิชเชอร์ดูจะหนักมือพอสมควรก็เห็นจะเป็นมุกสุดดาร์กของตัวละครเพอร์โรที่กล่าวถึงที่มาว่าทำไมเขาถึงมาอยู่ในชุดที่เหมือนถุงกระสอบได้อย่างน่าสลดหดหู่แต่กลับเล่าไปหัวเราะไป ซี่งตรงนี้ขอเตือนไว้ก่อนนะครับว่าหากท่านมีเพื่อนหรือคนที่ท่านรักที่มีสภาพจิตใจอ่อนไหว บางทีมุกนี้อาจส่งผลต่อสภาพจิตใจได้ซึ่งตอนดูยอมรับเลยว่าแอบตกใจอยู่เหมือนกันว่าทำไมผู้สร้างเลือกใส่มุกนี้มา

Beartai Buzz รีวิว 'Puss in Boots The Last Wish'
Beartai Buzz รีวิว 'Puss in Boots The Last Wish'

ทิ้งท้ายอยากจะพูดถึงเสียงพากย์ เราคงเถียงไม่ได้ล่ะนะว่าต้นฉบับที่ได้ แอนโทนีโอ แบนเดอราส (Antonio Banderas) กับ ซาลมา ฮาเย็ก (Salma Hayek) มาพากย์เป็น พุซ อิน บูธส์ และ คิตตี้ ซอฟต์พอวส์ นั้นได้อารมณ์ไม่น้อยรวมถึงการได้ฟลอเรนซ์ พิวห์ (Florence Pugh) มาสมทบให้เสียงโกลดีล็อกส์นั้นย่อมต้องได้อารมณ์ความสนุกที่เต็มเปี่ยมแน่นอน

แต่สำหรับเสียงพากย์ภาษาไทยคราวนี้จัดว่าพิเศษมากนะครับ เพราะคราวนี้เนื่องจากตัว พุซ อิน บูธส์ มีบทร้องเพลงด้วยดังนั้นเสียงพระเอกของเราเลยเปลี่ยนจากพี่ ดอม เหตระกูล มาเป็น อรรคพล ทรัพย์อาจิณ หรือคุณเก๋ วงแฮงแมน ที่เคยฝากเสียงพากย์และร้องเพลงเป็นจีนี่ ใน ‘Aladdin’ มารับช่วงแทนซึ่งแน่นอนครับว่าคุณภาพเสียงพากย์และเสียงร้องหายห่วงเลย นอกจากนี้บทโกลดีล็อกส์ ยังปรับให้เสียงพากย์ไทยเป็นการพูดเสียงเหน่อแทนซึ่งก็สร้างคาแรกเตอร์ให้ตัวละครได้อย่างสร้างสรรค์ทีเดียวครับ

Beartai Buzz รีวิว 'Puss in Boots The Last Wish'
กดที่ภาพเพื่อเช็กรอบฉายและซื้อบัตรชมภาพยนตร์

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส