บทความสำหรับคนที่ดู ‘The Menu’ แล้วเท่านั้น

ถือว่าเป็นหนังที่ประสบความสำเร็จพอสมควร สำหรับ ‘The Menu’ หนังลึกลับ เขย่าขวัญ ที่ขายชื่อนักแสดงนำอย่าง อันยา เทเลอร์-จอย (Anya Taylor-Joy), นิโคลาส เฮาลต์ (Nicholas Hoult) และ เรล์ฟ ไฟนส์ (Ralph Fiennes) ที่กลับมารับบทตัวร้ายครั้งแรกในรอบหลายปี หนังออกฉายไปเมื่อเดือนพฤศจิกายน ผ่านไปแค่เดือนกว่า ๆ หนังก็มาสตรีมมิงให้เราได้ดูกันที่บ้านผ่านทาง Disney+ เสียแล้ว นับว่าเร็วมาก หนังใช้ทุนสร้างไปไม่มาก แค่ 35 ล้านเหรียญ แต่ก็ทำรายได้ไป 74 ล้านเหรียญ นับว่ามีกำไรพอให้สตูดิโอได้ยิ้มออกเล็กน้อย บวกกับหนังได้รับเสียงวิจารณ์ในแง่ดี ได้คะแนนจาก Rottentomatoes ไปที่ 89% จากนักวิจารณ์ 291 คน คะแนนจากฝั่งคนดูที่ 76% ก็นับว่าสมเหตุสมผลในฐานะที่เป็นหนังที่ครบถ้วนทั้งความบันเทิง และสาระที่หนังสอดแทรกมาในเนื้อหา แบบที่ว่าดูจบแล้วยังต้องใช้เวลามาคิดทบทวนต่ออีกสักหน่อย ถึงสารที่หนังต้องการสื่อ และหนึ่งในข้อสงสัยที่คนดูติดใจกันมาก ก็มาจากฉากระทึกฉากหนึ่ง ที่เชฟจูเลียนได้กระซิบบอกอะไรบางอย่างกับไทเลอร์ ลูกค้าที่เป็นแฟนตัวยงของเขา จนไทเลอร์เสียใจถึงขั้นไปแขวนคอตายในห้องเก็บวัตถุดิบ

เชฟสโลวิกกระซิบบอกอะไรกับไทเลอร์ ?

ก่อนจะเผยถึงใจความสำคัญในเสียงกระซิบนั้น ผู้เขียนจำเป็นต้องเกริ่นถึงที่มาของตัว ไทเลอร์ เลดฟอร์ด (Tyler Ledford) เสียก่อน เขาเป็นเศรษฐีคนหนึ่ง ที่ใช้เวลายาวนานในการสร้างภาพพจน์ตัวเองว่าเป็นนักชิม ซึ่งทำให้เขาตรงกับคุณสมบัติของมหาเศรษฐีลิ้นทองคำ ซึ่งจะได้รับเชิญจากเชฟ จูเลียน สโลวิก (Julian Slowik) ให้ไปชิมอาหารคอร์สพิเศษบนเกาะส่วนตัว แต่สิ่งหนึ่งที่ไทเลอร์แตกต่างไปจากลูกค้าคนอื่น ๆ ก็คือ เขาเป็นลูกค้าเพียงคนเดียวที่สโลวิกเผยแผนการสำคัญว่า คอร์สอาหารนี้จะเป็นคอร์สพิเศษที่ทุกคนจะต้องจบชีวิตลง รวมไปถึงตัวไทเลอร์เองด้วย แต่เขาก็ยินดีที่จะเข้าร่วมเพียงเพราะว่าภูมิใจที่ได้รับเลือกเป็นคนพิเศษจากเชฟสโลวิก

แต่จุดพลิกผันในชะตากรรมของไทเลอร์มาจาก ‘เอริน’ ลูกค้าสาวที่อยู่นอกรายชื่อของเชฟสโลวิก นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เราเห็นเชฟสโลวิกพยายามซักไซร้ไล่เรียงเอรินว่าเธอเป็นใครมาจากไหน ทำให้เชฟสโลวิกรู้ความจริงและผิดหวังในตัวไทเลอร์อย่างมาก เชฟจึงเผยความลับของไทเลอร์และตัวเขาต่อหน้าแขกทุกคนว่า เขามีแผนจะสังหารลูกค้าทุกคน พนักงานทุกคน รวมไปถึงตัวเขาเองด้วย และไทเลอร์เป็นลูกค้าเพียงคนเดียวที่รู้แผนการนี้ดี เขาสามารถช่วยชีวิตทุกคนได้ด้วยการเผยแผนการนี้แต่ก็เปล่า แถมยังหลอกพาเอรินมาร่วมทริปนี้ด้วย เพียงเพื่อให้เป็นไปตามกฏว่าต้องมีผู้ติดตามมาด้วย 1 คน เขามองเห็นชีวิตคนอื่นไม่มีค่า ขอเพียงเพื่อเขาได้ทำตามความฝันตัวเองให้ได้เป็นพอ

ตรงจุดนี้ละที่เชฟสโลวิกพยายามตัดไทเลอร์ออกจาก ‘ส่วนผสม’ ในเมนูสุดท้าย ‘Last Supper’ ตามแผนการณ์เขา เชฟสโลวิกจึงออกอุบายชักชวนให้ไทเลอร์เข้าครัวมาลองทำอาหารให้เขาชิมดูสักจาน พอเชฟสโลวิกชิมก็วิจารณ์ว่าอาหารฝีมือไทเลอร์นั้น ‘รสชาติแย่มาก’ ไม่แค่นั้นเขายังกระซิบบอกบางอย่างที่ข้างหูของไทเลอร์ ซึ่งคนดูไม่ได้ยินข้อความดังกล่าว ได้เห็นแต่เพียงสีหน้าที่ผิดหวังเสียใจอย่างแรง ไม่มีการเปิดเผยถึงเนื้อหาใจความนี้จากทางทีมงาน แต่วิเคราะห์จากบริบทของหนังในช่วงนี้ เชฟสโลวิกน่าจะบอกไทเลอร์ว่า ตลอดชีวิตของไทเลอร์เขาไม่เคยได้สัมผัสกับศิลปะแห่งรสชาติของอาหารที่แท้จริงหรอก เพราะเขาเป็นเพียงนักชิมที่เสแสร้งตลอดมา เขาน่าจะไปหาทางจบชีวิตตัวเองอย่างน่าสิ้นหวังซะ โดยไม่ต้องรอความเห็นชอบจากเชฟสโลวิก พอได้ฟังดังนี้ ไทเลอร์จึงคิดได้ว่าไม่มีประโยชน์ที่เขาจะรอเข้าร่วมมหกรรมตายหมู่ตามแผนการของเชฟสโลวิก เพราะเชฟสโลวิกมองเขาเป็นแค่สิ่งมีชีวิตที่ล้มเหลวและไร้ค่า บวกกับความอับอายขายหน้าที่เชฟสโลวิกตั้งใจกลั่นแกล้งเขาด้วยการบังคับให้เขาทำอาหารแล้ววิจารณ์อย่างรุนแรงเพื่อให้เขาได้รับความอับอาย

ทำไมเชฟสโลวิกถึงตั้งใจสังหารหมู่ลูกค้า ?

ส่วนความตั้งใจของเชฟที่จัดฉากสังหารหมู่นั้น มาจากความเก็บกดมาตั้งแต่ครั้งวัยหนุ่ม ที่เขายังเป็นเชฟในร้านอาหารฟาสต์ฟู้ด ได้ทำอาหารให้ลูกค้าประทับใจในรสชาติจากฝีมือของเขา แต่พอนานวันเข้า เมื่อเขากลายเป็นเชฟมีชื่อเสียง กลุ่มลูกค้าของเขากลับเปลี่ยนไปกลายเป็นเหล่ามหาเศรษฐี กลุ่มไฮโซ ที่มาร้านอาหารของเขาเพียงเพื่อจะคุยโตโอ้อวดถึงสถานะของตัวเองในสังคม แต่กลับไม่ได้สนใจในรสชาติอาหารของเขาอีกต่อไป บรรดาลูกค้าเหล่านี้มักจะเสแสร้งว่าเข้าถึงในรสชาติของคุณค่าของอาหารแต่ละเมนูของเชฟสโลวิก เพื่อเพื่อจะทำให้ตัวเองดูเป็นคนมีคลาสในสังคม แต่ไม่ได้สนใจใน ‘งานศิลป์’ ที่เชฟสโลวิกบรรจงทำด้วยใจอย่างแท้จริง ทำให้เชฟสโลวิกวางแผนการที่จะกำจัดกลุ่มคนประเภทนี้ออกไปจากสังคม

ทำไมเชฟสโลวิกถึงยอมปล่อยเอริน


เมื่อเชฟสโลวิกรู้สึกตัวว่าเหล่าคนรวยใช้ตัวเขาเป็นเครื่องมือในการวางโตโอ้อวดในสังคม เขาจึงอยากจะกำจัดพวกคนเหล่านี้ไปซะ แต่เอรินไม่ใช่คนในกลุ่มเหล่านี้ที่เขาอยากจะกำจัด เธอเป็นแค่สาวบริการคนหนึ่งที่ถูกไทเลอร์หลอกมาเท่านั้น เชฟสโลวิกมองว่าเอรินก็ตกอยู่ในสถานะใกล้เคียงกับเขา คือตกเป็นเครื่องมือของเหล่าคนรวยในสังคม และอีกเหตุผลหนึ่งก็คือ เชฟสโลวิกรู้สึกประทับใจในตัวเอริน เธอมองเห็นความเป็นเชฟในตัวเขาจริง ๆ จากการที่เธอตำหนิเชฟสโลวิกตรง ๆ ว่า เป็นเชฟภาษาอะไรถึงปล่อยให้ลูกค้าอย่างเธอหิวได้ และเมนูที่เธออยากทานก็คือ ‘ชีสเบอร์เกอร์’ ธรรมดา ๆ นี่แหละ พอได้ยินดังนั้น เชฟสโลวิกจึงบรรจงทำอาหารเมนูสุดท้ายด้วยตัวเขาเอง แล้วเขาก็มั่นใจอย่างมากว่าเอรินจะต้องพึงพอใจในชีสเบอร์เกอร์ที่เขาทำ

ส่วนเอรินนั้น ที่เธอขอให้เชฟสโลวิกทำชีสเบอร์เกอร์ให้เธอทานนั้น ก็มาจากตอนที่เธอได้เข้าไปในห้องประตูสีเงิน แล้วได้เห็นความลับของเชฟสโลวิก ได้เห็นภาพเชฟในวัยหนุ่ม เป็นเชฟในร้านฟาสต์ฟู้ด ยิ้มมีความสุขกับการได้ทำเบอร์เกอร์ ทำให้เอรินเข้าใจถึงความรู้สึกของเชฟสโลวิก ว่าเคยมีคืนวันดี ๆ ในอดีต ดูต่างไปเป็นคนละคนกับเชฟสโลวิกบนเกาะฮอว์ธอร์นแห่งนี้

พอเชฟสโลวิกได้ลงมือทำชีสเบอร์เกอร์ให้เอรินด้วยตัวเองนั้น ทำให้เขาได้ย้อนกลับไปสัมผัสความรู้สึกตื่นเต้นในการทำอาหารอีกครั้ง การได้ทำอาหารให้ลูกค้าที่รอคอยด้วยความหิวโหย ลูกค้าที่รอคอยอาหารจานธรรมดา ๆ จากเขา ไม่ใช่กลุ่มคนมีเงินที่เสแสร้งทำเป็นเข้าถึงอาหารจานหรูของเขา แต่การที่เอรินทำให้เขาได้กลับมาสัมผัสความเป็น ‘ศิลปิน’ ในการทำอาหารอีกครั้งนั้น ไม่ใช่เหตุผลหลักที่เชฟสโลวิกตัดสินใจปล่อยเธอไป แต่เธอไม่จัดอยู่ในกลุ่มผู้ที่สมควรตายแต่แรกอยู่แล้ว หลังจากเอรินพ้นจากเกาะฮอว์ธอร์นมาได้ เธอก็หยิบผลงานมาสเตอร์พีซชิ้นสุดท้ายของเชฟสโลวิกมาลิ้มรสด้วยความดื่มด่ำในรสชาติอีกครั้ง

ที่มา ที่มา