ยังจำความประทับใจกับการหารักแท้แสนแฟนตาซีของสาวโสดตุ้ยนุ้ยวัยใกล้ๆคานจากหนัง Bridget Jones’s Diary (2001) ได้ไหมครับ ผลงานจากนิยายขายดีระดับโลกจากประเทศอังกฤษของ เฮเลน ฟิลดิ้ง จากการกำกับของ ชารอน แม็กไกวร์ ที่กลายเป็นปรากฏการณ์ความดังไปทั่วโลกเช่นกัน ฉายแสงให้ เรเน่ เซลเวเกอร์ ในบทบริดเจ็ท โจนส์ โคลิน เฟิร์ธ ในบทหนุ่มแสนดี มาร์ค ดาร์ซี และ ฮิวจ์ แกรนท์ ในบทเจ้านายเจ้าเสน่ห์ แดเนียล คลีฟเวอร์ กลายเป็นดารารอมคอมที่มีความนิยมสูงขึ้นไปอีก แม้ภาคสองที่เปลี่ยนมือผู้กำกับมาเป็น บีบาน คิดรอน จะดรอปลงเล็กน้อย เพราะชีวิตบริดเจ็ทเริ่มดราม่าและจริงจังมากขึ้นกับการรักษาความสัมพันธ์ที่เพิ่งแฮปปี้เอนดิ้งไปในภาคก่อน
พอมาในภาค 3 ในปี 2016 นี้ หนังได้กลับไปอยู่ในมือของแม็กไกวร์อีกครั้ง พร้อมกับนักแสดงเจ้าเดิมที่ผูกขาดชื่อบริดเจ็ทไปแล้วอย่าง เรเน่ รวมถึง โคลิน ที่มารับบทเดิม พ่วงด้วยชายหนุ่มทรงเสน่ห์หน้าใหม่อย่าง แพทริก เดมพ์ซี่ ซึ่งมาแทนที่ ฮิวจ์ ที่บทแดเนียลของเขาไม่ได้ไปต่อในภาคนี้ได้อย่างไม่ด้อยไปกว่ากันเลย และหนังยังคงได้เจ้าของนิยายตัวจริงอย่างฟิลดิ้งมาช่วยในทีมเขียนบทเช่นเคยด้วย เรียกว่าน่าจะเป็นภาคที่แฟนๆหนังคาดหวังได้เลยล่ะ
แม้ในภาคสอง ตัวหนังจะเลือกวิธีเล่าเรื่องต่างจากหนังสือไปบ้าง แต่นั่นคงเทียบไม่ได้เลยกับภาคสามนี้ ที่หนังฉีกเนื้อหาออกจากจักรวาลหนังสือเล่ม 3 ของฟิลดิ้งอย่างชัดเจนไปเลย ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจครับถ้าใครได้อ่านหนังสือ Mad About the Boy ที่เป็นภาค 3 ของบริดเจ็ท โจนส์นั้น มันแทบจะเอามาทำหนังรอมคอมภาคต่อไม่ได้เลย ด้วยพล็อตที่แม้แต่แฟนหนังสือเองยังสาปส่งอย่างมาก (กำลังจะสปอยล์หนังสือไม่อยากอ่านข้ามไปย่อหน้าถัดไปตรงนี้เลยครับ)……………………………..ที่ฟิลดิ้งเขียนให้ชายหนุ่มแสนดีที่ผูกพันกับคนอ่านมาหลายปีอย่างดาร์ซีตาย และบริดเจ็ทในฐานะสาวหม้ายเรือพ่วงวัย 50 ปี ก็ได้พบรักครั้งใหม่กับหนุ่มวัย 30 ปีในอินเตอร์เน็ตแทน……ม่ายยยยยยยยยย
ก็ตามที่ว่ามาทำให้แฟนหนังสือบางคนคิดว่าตัวหนังในภาคนี้อาจจะเป็นคนละจักรวาลแยกกันไปเลย หรืออาจจะเป็นเนื้อเรื่องที่เรียกว่าอยู่ระหว่างหนังสือเล่ม 2 และ 3 ก็ได้ เพราะในหนังภาคใหม่นี้ตัวบริดเจ็ทก็อายุเพียง 43 ปี ซึ่งน้อยกว่าในหนังสืออยู่หลายปี ตรงนี้ก็คงต้องรอหนังสือเล่มใหม่ Bridget Jones’s Baby: The Diaries ของฟิลดิ้งที่จะตีพิมพ์ในช่วงตุลาคมนี้ใกล้ๆ กับหนังลงโรงดูครับว่าสรุปจะเป็นไปทางไหน
กลับมาที่ตัวหนังกัน ในภาคนี้หนังเล่าเรื่องของ บริดเจ็ท ในวัยที่สูงขึ้นมา แต่เธอก็ยังคงสาละวนอยู่กับความวุ่นวายของหัวใจ เมื่อต้องบังเอิญได้ไปพบกับ แจ๊ค ควอนท์ (เดมพ์ซี่) เศรษฐีหนุ่มเสน่ห์แรงแสนน่ารักที่ยิ้มทีทั้งเธอและคนดูต้องละลายไปเลย ในเทศกาลงานดนตรีแห่งหนึ่ง ซึ่งเธอก็ตกเผลอใจจนมีความสัมพันธ์กับเขาไปด้วย ทว่าอีกเพียงสัปดาห์เศษๆ เธอก็ต้องกลับมาพบเจอกับอดีตคนรักอย่าง ดาร์ซี ชายหนุ่มแสนดีสไตล์สุภาพบุรุษอังกฤษขนานแท้ที่ผ่านเรื่องราวต่างๆ ด้วยกันมามากมายถึงสองภาค ซึ่งการพบกันครั้งนี้ก็ทำให้ถ่านไฟเก่าครุกรุ่นขึ้นจนเธอพลาดใจไปอีกคืน และตามที่ได้เห็นในตัวอย่างหนังครับ ความอลเวงมันเริ่มเกิดเมื่อบริดเจ็ทพบว่าตัวเองตั้งครรภ์ในเวลาต่อมา ซึ่งเธอเองก็ไม่รู้ว่าใครเป็นพ่อเด็ก และดูทั้งสองคนก็ต่างจะพร้อมและอยากเป็นพ่อเด็กทั้งคู่ด้วยสิ งานนี้คงหนักใจทั้งบริดเจ็ททั้งคนดูเลยล่ะครับ เพราะทั้งแจ๊คทั้งดาร์ซีต่างเป็นคนดีที่ให้เลือกใครก็น่าจะเป็นคำตอบที่ดีทั้งหมด แต่นั่นล่ะครับตามนิสัยของบริดเจ็ทแล้ว ชายคนไหนล่ะที่จะเป็นหนุ่มแห่งโชคชะตาของเธอที่แท้จริง เรียกว่าหนังปูมาด้วยพล็อตที่สามารถใส่ความวุ่นวายและความตลกขบขันมาได้อย่างเต็มที่เลยจริงๆ
และแม้ว่าหน้าหนังตอนแรกที่ปล่อยมา ออกจะรับกับใบหน้าที่หย่อนลงของ เรเน่ ที่ทำเอาต้องต้องอุทานในใจว่า ยังจะสร้างภาคต่อมาอีกเรอะ!!ไม่ค่อยได้นักก็ตาม แต่พอหนังเดินเรื่องสักพักทั้งพลังการแสดงและความสนุกของหนังเริ่มเดินเต็มสูบ คนดูได้ปรับอารมณ์ให้คุ้นชินแล้ว ตัวเรื่องก็ทำออกมาได้อย่างสนุกสนาน เต็มไปด้วยสถานการณ์อลวนของหญิงหนึ่งชายสองได้อย่างสนุกมากๆ และทั้งยังได้ครอบครัวกับทีมเพื่อนๆของบริดเจ็ท รวมถึงคุณหมอมาสร้างสีสันตลอดเส้นทางการร่วมลุ้นถึงบทสรุปความรัก และการหาคำตอบว่าสุดท้ายเด็กจะเป็นลูกใคร แล้วหนังจะจบลงอย่างไรได้อย่างเฮฮาสุดๆ เรียกว่าเป็นหนังรอมคอมที่ใช้เหตุการณ์สร้างอารมณ์ขันได้อย่างกับหนังซิทคอมดีๆเรื่องหนึ่งเลยทีเดียวครับ บอกเลยว่าฮามาก โดยเฉพาะสาวๆน่าจะชอบเป็นพิเศษเพราะมุกในหนังโปรยให้เล่นได้อมยิ้มและเป็นผู้หญิงสุดๆไปเลย กราฟอารมณ์น่าจะสนุกและฟีลกู้ดที่สุดในหนังทั้ง 3 ภาคแล้วล่ะครับ
สรุป
หนังเป็นแฟนตาซีแบบผู้หญิงสุดๆครับ ชวนฝันมากมาครบ ทั้งชายหนุ่มแสนดีสองคนที่ต่างมายื้อแย่ง ท่าอุ้มเจ้าหญิง และปัญหาที่เกิดก็มาแบบไม่จริงจังขนาดเป็นตายและคลี่คลายลงได้ตามความคาดหวังของผู้หญิงส่วนใหญ่เลยล่ะ แม้ตัวหนังจะรีบใบ้ฉากจบไวไปนิดเลยไม่ได้ลุ้นแบบสุดๆก็ตาม แต่ก็เรียกว่าเอาใจผู้หญิงกันสุดๆ และสำหรับหนุ่มๆอาจจะไม่ได้ชอบมากเท่านะครับ เพราะหนังเอาใจสาวๆจริงๆ แต่หนังก็ยังดูเพลินๆสนุกๆไปด้วยได้ครับ เอาเป็นว่าคุณผู้ชายพาคุณแฟนไปดูหนังให้อารมณ์ดี แบบที่เราๆไม่หลับได้ล่ะนะ 555