ช่วงนี้ถือว่าผมได้มีโอกาสเจอหน้าน้อง แอล แฟนนิ่ง บ่อยขึ้น หลังจากที่ผ่านหูผ่านตาไปกับงานแนว Thriller อย่าง The Neon Demon ไปไม่นาน ก็มาพบเธออีกครั้งกับ About Ray อีกหนึ่งภาพยนตร์ในโครงการ The Little Big Films Project 11 ซึ่งเป็นมีหนังแนวทดลองที่น่าสนใจหลายเรื่องนำเข้ามาฉายในบ้านเราเริ่มตั้งแต่เดือนนี้ โดยแม้ว่า About Ray จะไม่ใช่หนังใหม่แกะกล่องแล้ว แต่พล็อตเรื่องของหนังข้ามเพศกับความเป็นดรามา ทำให้มันมีรายละเอียดที่น่าสนใจที่ผู้กำกับ แกบี เดลลาล จะมีทีเด็ดในการเล่าออกมาอย่างไร
หากพูดถึงช่วงเวลาที่ About Ray เข้าฉายนั้น เป็นช่วงที่ แอล แฟนนิ่ง เริ่มมีพัฒนาการในบทบาทการแสดง โดยเฉพาะภาพของเจ้าหญิงนิทราน่ารักน่าเอ็นดูใน Maleficent (2014) ถูกพลิกบทบาทมาเป็นทอมบอยแบบแมนๆ ในเรื่องนี้ ซึ่งชื่อมันก็บอกว่าเป็น ‘เรื่องของเรย์’ แต่จุดเริ่มต้นเธอคือ ‘ราโมนา’ เด็กสาววัยรุ่นที่รู้ตัวเองว่ามีหัวใจเป็นผู้ชาย และกำลังอยู่ในระหว่างการติดต่อเดินเรื่องเพื่อการแปลงเป็นเพศชาย ซึ่งการเดินทางข้ามเพศของราโมน่านั้นต้องผ่านสายตารอบข้าง และฝ่าด่านความรู้สึกของครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นแม่ของเธอ แม็กกี้ (นาโอมิ วัตต์ส) รวมทั้ง ดอลลี่ (ซูซาน ซาแรนดอน) ยายของเธอที่ก็เป็นเลสเบี้ยนด้วย
หากพูดถึงสังคมในยุคนี้ ต้องบอกว่ามันเปิดกว้างมากขึ้นแล้วสำหรับบุคคลข้ามเพศหรือนิยมชมชอบไม้ป่าเดียวกัน ตัวบทกฏหมายของหลายๆ ประเทศเริ่มให้สิทธิความเท่าเทียมกันกับคนกลุ่มนี้เหมือนๆ กับคนทั่วไป รวมทั้งตัว content ต่างๆ ที่ถูกนำเสนอออกมาทั้งตัวหนังหรือซีรีส์ก็จับต้องได้ง่ายขึ้น อย่างไรก็ตาม นั่นยังคงเป็นเพียงเปลือกนอก หากกระเทาะไปถึงใจของการรับรู้ของผู้คนส่วนใหญ่ แน่นอนว่ามันยังมีปมประเด็นของการต่อต้าน แบ่งแยก กีดกันอยู่ในที และหนังข้ามเพศในช่วงไม่กี่ปีหลังก็พยายามจะหยิบจับพลิกแพลงมิติการเล่าเรื่องให้ซับซ้อนน่าสนใจมากขึ้น มันไม่ได้เป็นเรื่องของคนคนหนึ่งที่แค่ต้องการหยิบเสื้อผ้ามาแต่งหญิงหรือชายเพียวๆ แล้ว
แน่นอนว่า บทบาทของ ‘ราโมน่า’ ไปสู่ ‘เรย์’ ของ แอล แฟนนิ่ง คือจุดโฟกัสของหนัง เพราะเป็นตัวเดินเรื่อง เรียกว่าบทบาทการแสดงที่สาวแอลได้รับมานั้น สามารถกำหนดทิศทางของหนังเรื่องนี้ได้เลย ซึ่งการที่ต้องเปลี่ยนลุคมาเป็นทอม ที่ชอบใส่หมวกไหมพรม เสื้อแขนยาวโคร่งๆ ไถสเก็ตบอร์ดไปโรงเรียน เคี้ยวหมากฝรั่ง ตัดผมสั้นๆ พยายามเล่นเวทเพิ่มน้ำหนัก แถมไว้ขนรักแร้ ก็ต้องบอกว่าทำออกมาได้โอเคเลย หลายๆ ฉาก ทำให้ผมรู้สึกว่าเธอเหมือนเด็กผู้ชายมากๆ ซึ่งปกติ แอล แฟนนิ่ง มีลุคแบบเด็กผู้หญิ๊ง..ผู้หญิงจริงๆ พอถูกมาจับเล่นบทบาทนี้ มันเลยค่อนข้างสร้างเซอร์ไพรส์ไม่น้อยที่พอเห็นแล้วเชื่อได้ว่าเป็นทอม
นอกจากเรย์แล้ว About Ray ยังมีจุดน่าสนใจโดยเฉพาะการวางตัวละครให้มีมิติทั้ง 3 รุ่น โดยบทของแม็กกี้ ผู้เป็นแม่ที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อลูกนั้นก็มีปมบางอย่างในตัวเธอเองจากเหตุหย่าร้างกับสามี รวมทั้งยายดอลลี่ที่ก็เป็นหญิงเลสเบี้ยนที่ไม่เข้าใจว่าทำไมหลานเรย์ถึงอยากข้ามเพศด้วยการแปลงเพศแทนที่จะเป็นเลสเบี้ยนเหมือนเธอ แก่นของหนังเรื่องนี้อยู่ที่พัฒนาการความรู้สึก การรับรู้ของตัวละครรอบๆ ตัวที่ค่อยๆ เปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อเรย์อย่างช้าๆ นี่เป็นจุดสำคัญเลยที่หนังทำได้ดี จากการเดินเรื่องที่ค่อนข้างไหลลื่น ทำให้จากช่วงแรกคนดูที่อาจรู้สึกหมั่นไส้ในความอยากเป็นผู้ชายนักหนาของสาวทอมคนนี้ แปรเปลี่ยนเป็นค่อยๆ ยอมรับและเชื่อว่า เด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารักน่าชังอย่าง ราโมน่า อยากจะก้าวข้ามไปมีชีวิตและตัวตนใหม่เป็นเด็กหนุ่มที่ชื่อ เรย์ จริงๆ
อีกหนึ่งจุดที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือ หากคุณได้ไปดู About Ray คุณจะรู้สึกสะดุดกับการใช้ภาพเล่าเรื่องในหลายๆ ฉากของ เรย์ ในแบบฉบับกล้อง GoPro จุดนี้มันอธิบายตัวตนของเรย์ มันใส่เมสเซสอีกชั้นที่เน้นย้ำบุคลิกแบบพังค์ๆ ลุยๆ และเลือกเส้นทางเดินของตัวเองที่แน่วแน่ของตัวละครนี้ รวมทั้ง การใส่มุขตลกโดยอาศัยความเป็นไม้เบื่อไม้เมาของ แม็กกี้และดอลลี่ ซึ่งอันนี้ต้องชมเลยว่าทั้ง นาโอมิ วัตตส์ และ ซูซาน ซาแรนดอน รับส่งกันได้ไหลลื่น ดูสมเป็นคู่กัดกันจริงๆ
จุดพีคของหนัง โดยเฉพาะในส่วนที่ความขัดแย้ง ความสมหวังที่เรย์ต้องการลายเซ็นของผู้ปกครองของเธอในการอนุมัติให้รับการแปลงเพศนั้น จัดว่าเข้าถึงความเป็นดราม่าอย่างแท้จริง รวมทั้งการหักมุมเล็กๆ ในช่วงท้ายที่ใส่เข้ามาเฉลยปมนั้นยิ่งทำให้หนังมีสีสันมากขึ้นอีก นั่นทำให้มันไม่ได้มีแค่ ‘เรื่องของเรย์’ อีกต่อไปแล้ว หนังเกลี่ยน้ำหนักปมของตัวละครสมทบได้ค่อนข้างดี ความรู้สึกผิดหวัง และสมหวัง ถูกร้อยเรียงอยู่ในแววตาและท่าทางของ เรย์ เด็กหนุ่มในร่างเด็กสาวสะโอดสะโอง ที่ถ่ายทอดออกมาได้เกินวัยของเธอไปแล้ว
About Ray เข้าฉายจริงในวันที่ 29 กันยายนนี้
ที่มา: nameofsong