แซม เรมี (Sam Raimi) ผู้กำกับหนังสยองขวัญมือระดับต้น ๆ ของโลก เขาสร้างชื่อจาก Evil Dead (1981) หนังสยองขวัญทุนต่ำ ที่กลายเป็นหนังคัลต์ ได้รับเสียงยกย่องว่าเป็นหนังที่สยองขวัญที่น่ากลัวที่สุดตลอดกาล และได้สานต่อมาถึง 3 ภาค รวมทั้งภาคแยก ทีวีซีรีส์ และกลายเป็นวิดีโอเกมได้อีก หลังจากขึ้นแท่นเป็นผู้กำกับเบอร์ต้น ๆ ของฮอลลีวูด เรมีก็ได้ไปกำกับ Spider-Man เวอร์ชัน โทบีย์ แมไกวร์ (Tobey Maguire) ต่อยอดให้เขากลายเป็นผู้กำกับระดับพันล้าน
แต่ถึงกระนั้นเรมีก็ไม่ลืมว่าเขาเกิดมาจากหนังสยองขวัญ แม้ว่าเขาจะเว้นช่วงไปกำกับหนังซูเปอร์ฮีโรอยู่นานหลายปี แต่เขาก็ไม่เคยทอดทิ้งแฟน ๆ ที่เฝ้ารอหนังสยองขวัญเรื่องใหม่จากเขา ปี 2009 ก็เป็นปีที่แฟน ๆ ได้รับข่าวดี เมื่อเรมีกลับมาเคาะฝุ่นด้วยการกำกับหนังสยองขวัญเรื่องใหม่ Drag Me To Hell (2009) ที่เขายังคงเขียนบทเองเช่นเคย และเป็นการกลับมาอย่างสมภาคภูมิ หนังทำได้น่ากลัวสมการรอคอย หนังประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้วน ทำเงินไป 90 ล้านเหรียญ จากทุนสร้างเพียง 30 ล้านเหรียญ และได้คะแนนจาก Rottentomatoes ไปสูงถึง 92%
แต่ในขณะที่หนังประสบความสำเร็จถึงเพียงนี้ Drag Me To Hell กลับไม่มีหนังภาคต่อออกมาเสียที เรมีก็พลิกแนวไปกำกับหนังใส ๆ สไตล์ดิสนีย์อย่าง Oz the Great and Powerful และล่าสุดก็กลับไปกำกับหนังซูเปอร์ฮีโรอีกครั้งกับ Doctor Strange in the Multiverse of Madness ในขณะที่แฟน ๆ เริ่มถอดใจแล้ว แต่แล้วจู่ ๆ เรมีก็ปล่อยข่าวดีมาว่า เขากำลังเริ่มงานภาคต่อ Drag Me To Hell แล้ว
ไม่กี่วันก่อนนี้ แซม เรมี กำลังเดินสายโปรโมต 65 หนังไซไฟที่ผลิตโดย Ghost House Pictures บริษัทสร้างหนังของเขาเอง และเขาอยู่ในตำแหน่งผู้อำนวยการสร้างร่วมของเรื่องนี้ ในการนี้ ก็มีนักข่าวผู้หนึ่งได้ถามความคืบหน้าของโปรเจกต์ Drag Me To Hell ภาคต่อ ว่ามีความเป็นไปได้หรือไม่ เหมือนว่าเป็นคำถามที่ถูกที่ถูกเวลา เพราะเรมีกำลังเดินหน้าโปรเจกต์นี้อยู่พอดี
“ตอนนี้ทีมงานที่ Ghost House Pictures กำลังเฟ้นหาเนื้อเรื่องที่น่าจะเข้าท่ากันอยู่ ซึ่งผมก็กังวลเหมือนกันนะ ถ้าเขาคิดเรื่องกันได้จริง”
ย้อนไปในปี 2019 ตอนนั้น แซม เรมี ก็เคยพูดถึงโปรเจกต์ภาคต่อของ Drag Me To Hell มาครั้งหนึ่งแล้ว เรมีบอกว่าเขาไม่เคยคิดจะทำภาคต่อ เพราะว่าภาคแรกนั้นจบอย่างสมบูรณ์แบบไปแล้ว มันยากไปที่จะดิ้นรนหาทางสานเรื่องราวภาคต่อ
“ในความคิดของผมน่ะ ตัวละครหลักในเรื่องนั้นโดนฆ่าไปแล้ว สำหรับผมน่ะ ผมเหลือตัวละครของ บรู๊ซ แคมป์เบล แค่ตัวเดียว ที่ผมสนใจ และมีแนวคิดให้สานเรื่องราวต่อไปได้เรื่อย ๆ แต่สำหรับ Drag Me To Hell ผมไม่รู้ว่าจะสานต่อไปได้อย่างไร”
ก็นับว่าเป็นงานยากสำหรับทีมเขียนบท ที่จะขบคิดหนทางให้เรื่องราวสานภาคต่อไปได้ เพราะในภาคแรกนั้น หนังก็จบได้ค่อนข้างสมบูรณ์แล้ว เมื่อสุดท้ายคริสตินนางเอกของเรื่องก็ถูกปีศาจลากลงสู่ขุมนรกไปแล้ว ถ้าทีมเขียนบทหาหนทางสวย ๆ ให้คริสตินกลับมาจากนรกไม่ได้ ภาคต่อก็คงจะเหลือแต่ เคลย์ตัน ดาลตัน คนรักของคริสตินที่รับโดย จัสติน ลอง ที่จะเป็นตัวละครเดียวที่สานต่อมาจากภาคแรก ซึ่งตัว จัสติน ลอง ก็เคยเปรย ๆ ไว้ว่าถ้าหนังมีภาคต่อเขาก็ยินดีจะกลับมาร่วมงาน