ผลจากหนัง Star Wars ไตรภาคล่าสุด ที่เป็นผลงานสร้างของดิสนีย์เอง หลังจากซื้อ Lucas Film ต่อมาจาก จอร์จ ลูคัส (George Lucas) แล้วผลตอบรับโดยรวมไม่ค่อยเป็นที่พอใจต่อสาวกดั้งเดิมนัก โดยเฉพาะภาคล่าสุด Star Wars: Episode IX – The Rise of Skywalker (2019) ที่ได้คะแนนจาก Rottentomatoes ต่ำสุดที่ 52% และรายได้ต่ำสุดในใตรภาคที่ 1,074 ล้่านเหรียญ จึงเป็นเหตุให้ โครงการภาคต่อต่าง ๆ ในแฟรนไชส์ต้องหยุดชะงักไป

บ๊อบ ไอเกอร์

มีการเปิดเผยว่า ลูคัสฟิล์มได้หยุดการพัฒนาโครงการหนัง 2 เรื่องในจักรวาลสตาร์วอร์สไว้ชั่วคราว หนัง 2 เรื่องดังกล่าวนั้น เรื่องแรกมีการตั้งชื่อเรื่องไว้แล้วว่า ‘Rogue Squadron’ ของผู้กำกับ แพตตี้ เจนกินส์ (Patty Jenkins) เดิมทีวางกำหนดฉายไว้แล้วด้วยว่าเป็นธันวาคม 2023 นี้ และอีกเรื่องนั้น อำนวยการสร้างโดย เควิน ไฟกี (Kevin Feige) บอสใหญ่ของมาร์เวล ที่ขอมาร่วมงานด้วย แต่แล้วทั้งสองเรื่องนี้ก็ถูกสั่งระงับ นั่นแปลว่าบรรดาสาวกสตาร์วอร์สจะต้องรอหนังเรื่องใหม่กันอีกยาวนาน แต่กลับกัน ในสายตาของผู้บริหารดิสนีย์ คิดว่านี่เป็นแนวทางที่ดีต่อจักรวาลสตาร์วอร์สซะมากกว่า และเป็นดำริของ บ๊อบ ไอเกอร์ (Bob Iger) CEO ของดิสนีย์เองเลยด้วย ที่เขากล่าวถึงเรื่องนี้ในที่ประชุมว่า “ถ้าเราทำหนังสตาร์วอร์สเรื่องใหม่ขึ้นมา เราอยากจะมั่นใจจริง ๆ ว่าเราเลือกเรื่องที่ถูกแล้ว ฉะนั้นก้าวต่อไปจากนี้เราจะระมัดระวังกันอย่างมาก”

เมื่อดิสนีย์สั่งระงับหนังไป 2 เรื่อง แปลว่าดิสนีย์มีแผนการอื่นแล้ว

เควิน ไฟกี

เดิมทีนั้น หนัง ‘Rogue Squadron’ ของผู้กำกับ แพตตี้ เจนกินส์ นั้น จะเล่าเหตุการณ์ต่อเนื่องจากหนัง ‘The Rise of Skywalker’ รวมถึงสานต่อตำนานสกายวอล์กเกอร์ด้วย นั่นคือหนัง Rogue Squadron รับภาระหน้าที่สำคัญในการเปิดตำนานบทใหม่ให้กับจักรวาลสตาร์วอร์ส เพื่อให้หนังเรื่องอื่น ๆ ในแฟรนไชส์ได้สานต่อเรื่องราวกันต่อไป การที่ดิสนีย์ตัดสินใจแขวนโปรเจกต์ Rogue Squadron นั้น แปลว่าทั้งดิสนีย์และลูคัสฟิล์มมีแผนการใหม่สำหรับจักรวาลสตาร์วอร์สเรียบร้อยแล้ว

แพตตี้ เจนกินส์

หลังจาก 2 โปรเจกต์ข้างต้นถูกแขวนไป ก็มีการประกาศอย่างไม่เป็นทางการออกมาจากดิสนีย์ว่า พวกเขามีหลายโปรเจกต์ใหม่หลายเรื่องในจักรวาลสตาร์วอร์สที่กำลังเดินหน้าไปแล้วในขณะนี้ และสองหัวเรือหลักที่มารับหน้าที่นี้ก็คือ เดมอน ลินเดลอฟ (Damon Lindelof) ผู้เขียนบท Lost, Worl War Z และ ไทกา ไวทีทิ (Taika Waititi) ทั้งคู่กำลังร่างเรื่องราว 2 หนังเรื่องใหม่ในจักรวาลสตาร์วอร์สกันอยู่ในขณะนี้ ซึ่งยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดใด ๆ ว่าจะกำหนดเรื่องราวให้อยู่ในช่วงเวลาใด และเป็นเรื่องราวเกียวกับอะไร แต่ที่แน่ ๆ ก็คือ หนัง 2 เรื่องใหม่นี้มีความสำคัญมาก ๆ กับอนาคตของแฟรนไชส์ เพราะเป็นหนังที่ทำหน้าที่กำหนดทิศทางให้กับเรื่องราวก้าวต่อไปของแฟรนไชส์

ดิสนีย์เชื่อว่าการให้เวลากับโปรเจกต์ให้มากขึ้นจะเป็นผลดีกว่า

Solo: A Story Wars Story

บทเรียนจากไตรภาคล่าสุด ที่แฟรนไชส์อันเป็นที่รักของสาวกทั่วโลกต้องตกมาอยู่ในมือของดิสนีย์มาตั้งแต่ปี 2012 แต่แล้วดิสนีย์ก็ทำหน้าที่สานต่อตำนานภาคใหม่ออกมาได้ผลลัพธ์โดยร่วมที่ไม่เป็นที่พอใจต่อบรรดาสาวกดั้งเดิม ไตรภาคล่าสุดประสบปัญหามากมาย และปัญหาใหญ่ ๆ ก็เป็นปัญหาเกี่ยวกับการวางตัวผู้กำกับ อย่างเช่นหนัง Solo: A Story Wars Story ที่ดิสนีย์เลือกใช้ผู้กำกับคู่หู ฟิล ลอร์ด (Phil Lord) และ คริสโตเฟอร์ มิลเลอร์ (Christopher Miller)ที่มาจากสายหนังแอนิเมชันและคอมเมดี้ แต่แล้วแนวทางการสร้างสรรค์ของทั้งคู่ก็ขัดแย้งกับแนวทางของลูคัสฟิล์ม ผลสุดท้ายทั้งคู่ก็โดนเด้งออกจากกองถ่าย ลูคัสฟิล์มดึงตัว รอน โฮเวิร์ด (Ron Howard) ผู้กำกับดีกรีออสการ์มารับหน้าที่แทน ทำให้กองถ่ายเสียเวลาไปอย่างมาก เหลือเวลาในการทำงานที่ค่อนข้างกระชั้น เพื่อให้ได้กำหนดฉายเดิมตามที่วางไว้ ผลก็คือหนังถ่ายทำกันอย่างเร่งด่วน หนังออกฉายโดยที่หลาย ๆ อย่างยังไม่สมบูรณ์พร้อมนัก ผลก็คือหนังล้มเหลวทั้งเสียงตอบรับจากนักวิจารณ์และคนดู รวมไปถึงรายได้ที่ไปไม่ถึงจุดคุ้มทุน

และนี่คือก็คืออีกเหตุผลใหญ่ ที่ดิสนีย์และลูคัสฟิล์มเลือกจะผ่อนคันเร่งแล้วใช้เวลาวางแผนทบทวนให้มาก ก่อนจะก้าวต่อไป และแผนการแรกที่ดิสนีย์และลูคัสฟิล์มเลือกที่จะก้าวต่อไปอย่างรอบคอบก็คือ คำสั่งแขวน 2 โปรเจกต์อย่างที่กล่าวไป เพื่อทางดิสนีย์อยากจะใช้เวลาทบทวนให้มากขึ้น แล้วเลือกเส้นทางข้างหน้าของแฟรนไชส์ให้ดีที่สุดเพื่อที่จะก้าวต่อไปอย่างถูกต้องมั่นคง ดิสนีย์เล็งเห็นความสำคัญว่าหนังทุกเรื่องที่ปล่อยออกไปนั้น ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของจักรวาลสตาร์วอร์สที่กว้างใหญ่ การได้แก้ไขปัญหาเสียแต่เนิ่น ๆ จะดีกว่า การที่เร่งรีบปล่อยหนังที่ไม่สมบูรณ์พร้อมออกไปอีก การที่หนัง 2 เรื่องดังกล่าวถูกระงับ แต่ยังไม่ได้ถูกยกเลิก นั่นแปลว่าทั้งสองเรื่องนั้นอาจจะถูกหยิบมาสร้างในภายหลัง แต่ยังไม่ใช่ในช่วงนี้ ซึ่งวันที่ 2 เรื่องนี้ถูกหยิบมาพิจารณาอีกครั้ง ผู้ที่อยู่เบื้องหลังก็คงไม่ใช่ เควิน ไฟกี และ แพตตี้ เจนกินส์ อีกต่อไปแล้ว

เรารู้อะไรบ้างเกี่ยวกับโปรเจกต์หนังสตาร์วอร์สเรื่องใหม่

ขณะนี้ยังไม่ทราบข้อมูลอะไรมากนัก เพราะยังอยู่ในช่วงเตรียมการขั้นต้นมาก ๆ และทางลูคัสฟิล์มก็ไม่แพร่งพรายข้อมูลอะไรมาว่า หนังจะเกี่ยวกับอะไร และกำหนดเรื่องราวในช่วงเวลาใด แต่ก็คาดการณ์ได้ว่า ทางลูคัสฟิล์มน่าจะเลือกใช้ไทม์ไลน์ใหม่ เหตุการณ์ใหม่ ตัวละครใหม่ทั้งหมด แล้วกำหนดช่วงเวลาให้ห่างจากเหตุการณ์ใน The Rise of Skywalker อย่างน้อยสัก 1 ปี

เราเชื่อว่าช่วงเวลาจากนี้ไป ถึงเวลาแล้วที่ลูคัสฟิล์มน่าจะหยิบเรื่องราวที่ดี ๆ บางส่วนจากในไตรภาคหลังมาสานต่อ มันจะเป็นก้าวต่อไปที่ชาญฉลาดกว่าที่จะยึดติดอยู่กับไทม์ไลน์เดิม ๆ ที่ลงลึกไปจนทะลุปรุโปร่งหมดแล้ว และยังเป็นการเลี่ยงปัญหาที่ต้องวนเวียนอยู่กับนักแสดงเดิม ๆ ที่นับวันก็อายุมากขึ้น แล้วต้องมาใช้เทคโนโลยี de-age มาลดอายุเรื่อย ๆ

Sharmeen Obaid-Chinoy

นอกเหนือจาก 2 ผู้เขียนบท เดมอน ลินเดลอฟ และ ไทก้า ไวทีที แล้ว ข้อมูลที่ทราบเพิ่มเติมในตอนนี้ก็คือ ชาร์มีน โอเบด-ชินอย (Sharmeen Obaid-Chinoy) ผู้กำกับหญิงชาวปากีสถาน ดีกรี 2 รางวัลออสการ์ สาขาภาพยนตร์สารคดียอดเยี่ยม และคาดว่าหนังจะเปิดกล้องได้อย่างเร็วก็ปี 2025 ส่วนอีกเรื่องที่ เดมอน ลินเดลอฟ เป็นผู้เขียนนั้น อาจจะได้ ไทก้า ไวทีทิ มารับหน้าที่กำกับ และอาจจะร่วมแสดงด้วย กำหนดการณ์คร่าว ๆ ไว้ว่าน่าจะได้ฉายภายในปี 2027 และอาจจะมีเซอร์ไพรส์ด้วยว่า เราอาจจะได้เห็นชื่อ ไรอัน จอห์นสัน (Rian Johnson) กลับมามีส่วนร่วมใน 2 โปรเจกต์นำร่องนี้ด้วย

ที่มา ที่มา ที่มา