แม้ว่าในวันนี้ แฟนหนังทั่วโลกจะรู้จัก คีอานู รีฟส์ (Keanu Reeves) ในบทบาทของ จอห์น วิค นักฆ่าระดับตำนาน ที่เดินทางมาถึงภาคที่ 4 แล้ว แต่แฟน ๆ ที่ติดตามผลงานของรีฟส์มาตั้งแต่ยุคแรก ก็น่าจะจำกันได้ว่าเขาแจ้งเกิดมาจากบท แจ็ก ทราเวน เจ้าหน้าที่หน่วยสวาท ใน Speed หนังแอ็กชันสุดมันส์เมื่อปี 1994 เรียกได้ว่าเป็นหนังม้ามืดที่ประสบความสำเร็จเกินคาด เพราะหนังใช้นักแสดงนำหน้าใหม่ที่ยังไม่เป็นที่รู้จัก และใช้ทุนสร้างไปแค่ 30 ล้านเหรียญเท่านั้น แต่ทำรายได้ทั่วโลกไปถึง 350 ล้านเหรียญ ส่งให้ชื่อของ คีอานู รีฟส์ และ แซนดรา บูลล็อก (Sandra Bullock) โด่งดังไปทั่วโลก ขึ้นแท่นนักแสดงแถวหน้าฮอลลีวูดจวบจนมาทุกวันนี้
ความสำเร็จของ Speed ส่วนหนึ่งนั้น ก็มาจากตัวของ คีอานู รีฟส์ ที่เขาไม่เพียงแค่แสดงนำเท่านั้น เขายังมีส่วนในการกำหนดภาพลักษณ์ตัวละคร แจ็ก ทราเวน บทบาทของเขาด้วย เพราะรีฟส์ได้อ่านบทภาพยนตร์ของ เกรแฮม ยอสต์ (Graham Yost) แล้ว เขาไม่ชอบภาพลักษณ์บุคลิกของทราเวนที่ยอสต์เขียนให้เป็น พระเอกที่เก่งสุด ๆ ถอดแบบ พีต “มาเวอริค” มิตเชลล์ จาก Top Gun มาเลย ในที่สุดรีฟส์ก็เลยดึงตัว จอส วีดอน (Joss Whedon) ให้มาแก้ไขบท เปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์ของทราเวนให้เป็น ตำรวจหนุ่มสุภาพ ใจเย็น นิสัยดี พยายามแก้ไขสถานการณ์โดยที่ไม่มีใครต้องเสียชีวิต ก็เลยออกมาเป็นหนัง Speed อย่างที่เราได้ชมกันไป แต่วีดอนก็ไม่ได้เครดิตในเรื่องนี้
จึงเห็นได้ว่า คีอานู รีฟส์ ให้ความสำคัญกับเรื่องบทภาพยนตร์ในหนังที่เขาจะแสดงอย่างมาก และเมื่อทางผู้สร้างเดินหน้าสร้างภาคต่อ Speed 2: Cruise Control แล้วบทภาพยนตร์ก็ตกเป็นหน้าที่ของ เจฟ นาธานสัน และ แรนดัลล์ แม็กคอร์มิก ซึ่งรีฟส์ได้อ่านบทแล้วไม่พอใจ เขาจึงบอกปฏิเสธไม่ขอกลับมารับบทในภาค 2 ทางทีมเขียนบทจึงต้องแก้ไขเนื้อหาด้วยการสร้างตัวละครใหม่อย่าง อล็ก ชอว์ ขึ้นมา แล้วให้ เจสัน แพตทริก (Jason Patrick) มารับบทนำในฐานะแฟนใหม่ของ แอนนี่ ที่ได้บูลล็อกกลับมารับบทเดิม เช่นเดียวกับ ยาน เดอ บองต์ (Jan De Bont) ที่ยังคงกลับมารับหน้าที่ผู้กำกับ แต่เมื่อหนัง Speed แต่ไม่มี คีอานู รีฟส์ และบทบาทของ แจ็ก แทรเวน หนังก็ล้มเหลว ทั้งด้านรายได้และเสียงวิจารณ์ แม้หนังจะใช้ทุนสร้างมากกว่าเดิมหลายเท่าที่ 160 ล้าน แต่หนังก็ทำรายได้ไปที่ 164 ล้านเหรียญเท่านั้้น ถ้าบวกกับงบประชาสัมพันธ์ ก็ต้องบอกว่าหนังขาดทุนเละเทะ แถมยังขึ้นแท่นหนังภาคต่อที่ห่วยที่สุดเรื่องหนึ่งตลอดกาล
นับถึงวันนี้หนัง Speed ก็มีอายุเกือบ 30 ปีเข้าไปแล้ว ประจวบกับเป็นช่วงเวลาที่ คีอานู รีฟส์ กลับมาครองตำแหน่งพระเอกแถวหน้าของฮอลลีวูดอีกครั้งในวัยเกือบ 60 ปี จึงทำให้แฟนเริ่มคิดถึงบทบาท แจ็ก แทรเวน และอยากให้รีฟส์กลับมาสวมบทบาทนี้อีกครั้ง ในวันที่ คีอานู รีฟส์ มางานฉายหนัง John Wick: Chapter 4 รอบปฐมทัศน์ เขาก็ให้สัมภาษณ์สั้น ๆ หลังจากถามคำถามทั่วไปแล้ว นักข่าวก็เลยได้ถามถึงความเป็นไปได้ว่า ถ้ามีหนัง Speed 3 เขายังจะสนใจกลับมารับบท แจ็ก แทรเวน เคียงข้างกับ แซนดรา บูลล็อก อีกไหม ซึ่งรีฟส์ก็ตอบโดยไม่ลังเลใจเลยว่า “แน่นอนสิ” แต่เขามีเงื่อนไขในการพิจารณาข้อเดียวเท่านั้นว่า “เรื่องราวจะต้องเยี่ยม บทภาพยนตร์จะต้องดี” แค่นั้น ลองดูบทสัมภาษณ์เต็มได้ ตามคลิปด้านล่าง เริ่มต้นประโยคสนทนาเรื่องนี้ที่ 2 นาที 40 วินาที ถ้าอ้างอิงจากประวัติศาสตร์ของ Speed 1 ที่รีฟส์ขอให้แก้ไขบท และไม่กลับมารับบทนำใน Speed 2 เพราะไม่ชอบบท จึงเห็นได้ชัดว่า คีอานู รีฟส์ ให้ความสำคัญกับเรื่องบทเป็นอันดับแรกมาตลอด
ถ้าพูดถึงความเป็นไปได้ของ Speed 3 ก็ยังมีตัวหลักอีก 2 ราย นั่นก็คือ ยาน เดอ บองต์ ผู้กำกับทั้งสองภาค และ แซนดรา บูลล็อก ผู้รับบทแอนนี่ทั้งสองภาคเช่นกัน เคยมีนักข่าวได้ถาม เดอ บองต์ ถึงความเป็นไปได้ของ Speed 3 มาแล้ว คำตอบของเขาก็ค่อนข้างใกล้เคียงกับรีฟส์ คือทั้งหมดทั้งหลาย สิ่งที่สำคัญก็คือคุณภาพของบทภาพยนตร์และคิวว่างของนักแสดงนำ ส่วนบูลล็อกก็ให้คำตอบคล้าย ๆ กันว่า ถ้าบทออกมาดีจริง คีอานู รีฟส์ ก็จะเคลียร์คิวให้ได้เอง มองถึงตรงนี้ ถ้าจะผลักดัน Speed 3 ให้เกิดขึ้นจริง ทางผู้สร้างต้องกลับไปใช้บริการ เกรแฮม ยอสต์ ผู้เขียนบทภาค 1 นั่นแหละ ให้หาทางออกของเรื่องราวว่าจะดึง แจ็ก แทรเวน ให้กลับมาเจอกับแอนนี่ได้อย่างไร ในสถานการณ์ใด แม้ว่า Speed 3 ในขณะนี้ยังเป็นแค่ความคิดเห็นของนักแสดงหลักและผู้กำกับเท่านั้น แต่ก็พอเห็นเค้าลางในทางที่ดีแล้วครับ
ที่มา : screenrant wikipedia imdb