Masterminds เป็นหนังเรื่องล่าสุดของ Jared Hess เจ้าของผลงานอินดี้ตลกแบบแปลกๆ ที่เคยได้รับคำชมมาหลายเวทีอย่าง หนังเด็กเนิร์ดสมัครประธานนักเรียนใน Napoleon Dynamite (2014) หรือหลวงพ่อที่ปลอมตัวเป็นนักมวยปล้ำหาเงินมาช่วยเด็กๆใน Nacho Libre (2006) มารอบนี้ เฮสส์จับเรื่องราวการปล้นรถขนเงินครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์อเมริกาที่ชื่อ Loomis Fargo robbery เมื่อเดือนตุลาคม ปี 1997 มาดัดแปลงเป็นหนังตลกอาชญากรรมโดยใช้ทั้งตัวละครและสถานการณ์จากเรื่องจริง
หนังเล่าเรื่องโดยมีศูนย์กลางอยู่ที่ เดวิด แกนท์ (แซค กาลิเฟียนนาคิส) พนักงานขับรถขนเงินของบริษัท ลูมิส ฟาร์โก ที่มีชีวิตแสนราบเรียบสวยงามในรัฐนอร์ธ แคโรไลน่า เขากำลังแต่งงานกับ แจนดีซ (เคท แมคคินนอน) ทุกอย่างดูดีไปหมด ถ้าเขาไม่ดันไปตกหลุมรักเพื่อนร่วมงานคนสวยอย่าง เคลลี่ แคมป์เบล (คริสเตน วิกก์) โชคร้ายของแกนท์ เมื่อเพื่อนสมัยเด็กของเคลลี่นามว่า สตีฟ แชมเบอร์ส (โอเว่น วิลสัน) เกิดไอเดียที่จะให้พวกเขาในฐานะคนในขโมยเงินใส่รถหนีออกมา โดยให้เคลลี่ไปกล่อมแกนท์ ซึ่งแกนท์เมื่อเจอสาวในฝันมาอ้อนเอาอย่างนี้ก็ถึงกับหน้ามืด ร่วมแผนการโดยเขาจะทำทุกอย่างตามที่สตีฟวางแผน และจะหลบหนีไปเม็กซิโกเพื่อรอให้เรื่องเงียบ และเมื่อเคลลี่บินไปหาพร้อมกับเงินส่วนแบ่งของเขา เขาก็จะได้ครองรักกับเคลลี่ตลอดไปเอฟเวอร์อาฟเตอร์
แต่ตัวสตีฟนั้นก็ตั้งใจเล่นไม่ซื่ออยู่แล้ว เขาวางแผนจะโยนความผิดทุกอย่างให้แกนท์รับไปลำพัง นอกจากนี้ยังจ้างนักฆ่าโรคจิตอย่าง ไมเคิล แมคคินนีย์ (เจสัน สูเดคิส) ไปเก็บแกนท์เพื่อตัดตอนก่อนตำรวจจะสืบมาถึงตัวเขาด้วย ความอลวนอลเวงจึงเริ่มขึ้นจากนั้น
ว่ากันตามตรงเลยนะครับ หนังเรื่องนี้เป็นหนังตลกโปกฮาบ้าบอมาก เรียกว่ายิงมุกแหลกลาญ ตัวละครก็ปัญญาอ่อน เพี้ยนและบ้าคลั่งกันแบบสุดๆ คือดูเอาเป็นหนังตลกไม่ต้องหาสาระนี่คือเมามันมาก แต่พอบอกว่าเอามาจากเรื่องจริงด้วย คือต้องบอกว่าหนังคงดัดแปลงจากความจริงไปเยอะเลยล่ะเพราะนึกแทบไม่ออกว่าตัวละครบ้าๆพวกนี้มันจะเป็นคนจริงๆได้ยังไง จบออกมาสงสัยมากจนต้องไปนั่งหาอ่านข่าวของคดีนี้ซึ่งก็ต้องบอกว่าถ้าไม่นับรายละเอียดทั้งหลาย และตัวละครบ้าๆบอๆทั้งหมด หนังก็เดินตามเรื่องจริงอยู่เหมือนกันแต่ก็เสริมเติมแต่งในรายละเอียด เหตุผลต่างๆไปมากกกกกกก (ก.ไก่ล้านตัว) ตรงนี้ผมมี 2 ทฤษฎีที่ทำให้หนังมันออกมาแบบนี้ คือ
1) ทีมงานเล่นกันเลยเถิด หรือไม่ก็ตั้งใจให้มันเพี้ยนสุดกู่แต่แรกโดยไม่คำนึงความสมจริงหรือความศักดิ์สิทธิ์ของคำว่า Based on True Story แม้แต่น้อย เรียกว่ากะขายคอมเมดี้แมสๆ กันสุดติ่งเลย
หรือ 2) ในตอนท้ายของหนังเราได้เห็นภาพแกนท์ตัวจริงที่เข้ามาให้คำแนะนำการถ่ายทำกับกองถ่าย คือถ้ามองว่าแกนท์ต้องการเล่าในมุมเข้าข้างตัวเขาเอง ก็สมเหตุสมผลเหมือนกัน เพราะถ้าสังเกตหนังดีๆนี่มันคือแฟนตาซีของตัวแกนท์แบบ 100% เลย ทั้งที่ว่าเขาเป็นคนดีแต่ถูกหลอกใช้ ทั้งเคลลี่ที่จริงๆก็เป็นสาวใสซื่อที่โดนหลอกอีกทีเช่นกัน (ที่สำคัญนักแสดงสวยกว่าตัวจริงมากด้วย) การที่แกนท์ได้รับโอกาสพิเศษเสมอไม่ว่าชีวิตตกต่ำอย่างไรก็ตาม หรือแม้แต่การถูกจ้องเอาชีวิตก็ไม่เว้น ยิ่งสุดท้ายที่เขาเปลี่ยนบทบาทมาเป็นฮีโร่ที่ช่วยเอฟบีไอจับคนร้ายที่แท้จริง คนร้ายจอมวางแผนที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมด ที่เรียกว่า Masterminds ตามชื่อเรื่องนี้ก็เช่นกัน คือถ้าถามใครได้อะไรจากหนังมากสุดก็คงเป็น แกนท์นี่ล่ะครับ
ไม่แปลกใจเลยถ้านักวิจารณ์ต่างๆจะให้คะแนนหนังเรื่องนี้ต่ำมากขนาดไหนก็ตาม เพราะเมื่อนึกถึงแท่นหิ้งของหนังจากเรื่องจริงต่างๆที่มักทรงคุณค่าบางเรื่องเป็นเจ้าของรางวี่รางวัลมากมายด้วยแล้ว การจะเอาเรื่องนี้ไปวางบนแท่นเดียวกับเรื่องพวกนั้น เป็นการลบหลู่อย่างมากทีเดียว แต่ถ้ามองว่ามันคือหนังบันเทิงที่ได้แรงบันดาลใจมาจากเรื่องจริง ก็ต้องบอกว่าหนังดูสนุกมาก นักแสดงก็ล้นๆ บ้าๆ แต่ก็ถือสาไม่ได้ถ้าจะมองว่าหนังมันควรเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว แถมหนังยังล้อเล่นกับหนังแนวคอมเมดี้แอ๊กชั่นเดิมๆ ได้เด็ดขาดหลายมุก เช่นในตัวอย่าง ที่เรามักคุ้นชินกับการขับรถทะลุประตูเหล็กสบายๆ แต่เรื่องนี้ชนแล้วรถยับซะเอง คือมันขัดธรรมเนียมหนังเดิมๆ จนตลกได้มาก แม้มุกปัญญาอ่อนก็มีมากตามไปด้วยก็ตาม
สรุป
ตรงนี้ช่างน้ำหนักก็คงบอกได้ว่าหนังยังอยู่ในเกณฑ์ที่ผลาญเวลาเบื่อๆเครียดๆของเราได้ดีอยู่ อย่าไปหวังอะไรจากหนังบันเทิงแบบนี้เลยครับ ดูเอามัน เฮกับเพื่อนๆ ฮาป่ากันไป ถ้าไม่มีตังค์ก็ไม่ต้องรีบดูในโรงครับ วันใดเบื่อเครียดค่อยหามาชมก็ยังไม่สาย ถ้าอยากดูหนังคุณภาพสูงแล้วมาดูหนังสไตล์หลุดโลกแบบนี้ จะพาลเครียดเอาแทนเสียเปล่าๆครับ 555