สคาร์เลตต์ โจแฮนส์สัน (Scarlett Johansson) หนึ่งในนักแสดงหญิงที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในฮอลลีวูด เธอเริ่มต้นอาชีพในวงการแสดงมาตั้งแต่ปี 1994 ปัจจุบันเธออายุ 38 ปี มีผลงานการแสดงและพากย์เสียงมาแล้ว 80 เรื่อง และมีผลงานในอนาคตอีก 7 เรื่อง มีทรัพย์สินกว่า 160 ล้านเหรียญ นับถึงวันนี้โจแฮนส์สันก็ผ่านงานแสดงมาแล้วทุกบทบาท ทั้งแอ็กชัน ดราม่า ไซไฟ แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีงานที่เธอต้องพลาดไป เป็นบทนำในหนัง Gravity (2013) ที่ทีมงานตกลงใจเลือก แซนดรา บูลล็อก (Sandra Bullock) แทนเธอ ซึ่งทำให้เธอเสียใจมากที่พลาดงานนี้และยังจดจำมาจนทุกวันนี้ แม้ว่าจะผ่านมา 10 ปีแล้วก็ตาม
โจแฮนส์สันเผยเรื่องราวนี้ระหว่างให้สัมภาษณ์กับ Variety เธอเล่าว่า เธอรู้สึกว่าในช่วงต้นยุค 2010’s นั้นเปรียบเสมือนช่วงเวลามืดมนในอาชีพการงานของเธอ เมื่อเธอต้องสูญเสียบทนำใน Gravity หนังของ อัลฟองโซ คัวรอน ที่จะได้ประกบคู่กับ จอร์จ คลูนีย์ ทำให้เธอคิดว่างานของเธอหยุดนิ่ง รู้สึกผิดหวังกับโอกาสที่จะได้คว้าบทที่โดดเด่นที่จะส่งผลให้เธอได้เติบโตก้าวหน้าในเส้นทางการแสดงนี้
“ในช่วงนั้น ฉันถูกปฏิเสธไป 2 งาน งานแรกคือ ‘Iron Man 2’ และอีกงานก็คือ ‘Gravity’ ของ อัลฟองโซ คัวรอน ฉันต้องการบทนี้อย่างมาก มันเปรียบเสมือนฟางเส้นสุดท้ายของฉัน มันทำให้ฉันรู้สึกท้อแท้และสิ้นหวังมาก ฉันก็คิดไปแบบว่า ‘นี่ฉันเลือกงานถูกหรือไม่เนี่ย ?’ งานที่ฉันได้รับเสนอมาแต่ละงานมันไม่สามารถเติมเต็มความต้องการฉันได้เลย ฉันได้รับเสนอแต่งานที่ขายรูปร่างหน้าตา นี่ฉันมาถึงจุดสิ้นสุดของอาชีพการแสดงแล้วหรือนี่ ?”
Gravity ประสบความสำเร็จอย่างมาก กวาดรายได้ทั่วโลกไป 748 ล้านเหรียญ จากทุนสร้าง 100 ล้านเหรียญ ด้านรางวัล ก็สามารถคว้าออสการ์ไปได้ถึง 7 สาขา รวมไปถึงสาขาผู้กำกับยอดเยี่ยมด้วย ยิ่งทำให้โจแฮนส์สันรู้สึกผิดหวังมากขึ้นไปอีก แต่ประตูบนเส้นทางการแสดงก็ไม่ได้ปิดใส่เธอเสียทุกบาน เมื่อสุดท้ายเธอก็ได้รับการคัดเลือกให้รับบท นาตาชา โรมานอฟ ใน Iron Man 2 นับเป็นก้าวแรกในเส้นทางอันยาวนานในจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวล ในฐานะซูเปอร์ฮีโรฝ่ายหญิง แล้วเธอก็เป็นเจ้าของคาแรกเตอร์หญิงรายแรกในจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวล ที่สามารถมีหนังภาคแยกของตัวเองออกมาได้ แม้ว่าตัวละคร Black Widow ของเธอจะจบชีวิตลงไปแล้วใน Avengers: Endgame ก็ตาม แต่สุดท้ายก็ตามมาด้วย ข้อพิพาทระหว่างเธอกับดิสนีย์
เมื่อดิสนีย์ตัดสินใจปล่อยสตรีมมิง Black Widow ทาง Disney+ พร้อม ๆ กับที่ออกฉายในโรงภาพยนตร์ เพราะยังอยู่ในช่วงที่โควิด-19 แพร่ระบาด แล้วดิสนีย์คิดว่าการออกฉายแค่ในโรงภาพยนตร์จะเป็นการเสี่่ยงเกินไป แล้วแผนการดียวกันนี้ก็เคยใช้กับหนัง Mulan มาแล้ว แต่กลยุทธ์นี้ก็ไม่ได้รับความเห็นชอบจาก สคาร์เลตต์ โจแฮนส์สัน เพราะนอกจากเธอจะรับบทนำแล้ว โจแฮนส์สันยังควบตำแหน่งผู้อำนวยการสร้างอีกด้วย ซึ่งในที่สุดเธอก็ตัดสินใจฟ้องร้องดิสนีย์ ให้จ่ายส่วนแบ่งจากกำไรของหนัง Black Widow ให้กับเธอ โจแฮนส์สันเรียกร้องตัวเลขไปที่ 80 ล้านเหรียญ นอกเหนือจากค่าตัว 20 ล้านที่เธอได้รับในการแสดง ในข้อหาที่ผิดข้อตกลงจากเดิม ที่จะปล่อยหนังทางสตรีมมิงหลังจากเข้าฉายในโรงภาพยนตร์แล้วไม่ต่ำกว่า 60 วัน
โจแฮนส์สันกล่าวว่า จนถึงทุกวันนี้เธอก็ยังจดจำช่วงเวลานั้นได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่เธอโศกเศร้ามาก แต่ก็ยังดีที่เธอเป็นช่วงที่เธอตั้งท้องแล้วให้กำเนิดลูกชายที่น่ารักก็เลยช่วยเรื่องสภาพจิตเธอไว้ได้มาก
ในท้ายที่สุด โจแฮนส์สันก็ชนะคดีความที่เธอฟ้องร้องดิสนีย์ นับเป็นนักแสดงหญิงน้อยคนมากที่สามารถเรียกร้องผลกำไรจากสตูดิโอใหญ่ได้สำเร็จ ซึ่งทั้งสองฝ่ายบรรลุข้อตกลงที่ ดิสนีย์ยอมจ่ายให้เธอ 40 ล้านเหรียญ
ที่มา : movieweb