อย่างที่หลายคนทราบกันดีว่า ในหนังภาคนี้นั้น เจมส์ กันน์ (James Gunn) ในฐานะผู้เขียนเรื่องและกำกับได้พาเราย้อนไปหาจุดกำเนิดของ ร็อกเก็ต และได้กลายเป็นเรื่องราวที่ทำให้ผู้ชมประทับใจเป็นอย่างมาก ทั้งตัวร็อกเก็ตเอง และที่สำคัญสุด ๆ คือก็เหล่าเพื่อน ๆ ทั้งสามของร็อกเก็ต ที่ล้วนแต่เป็นสัตว์ทดลองของ High Evolutionary วายร้ายของภาคนี้ ที่จับสัตว์หลากหลายสายพันธุ์มาตัดต่อพันธุกรรม มีอวัยวะเป็นจักรกลแล้วตั้งชื่อให้พวกมันเป็นรหัส
จนนากสาวเป็นรายแรกที่เธอเอ่ยขึ้นว่า เธอไม่พอใจกับการที่มีชื่อเป็นรหัสเช่นนี้ แล้วขอตั้งชื่อใหม่ให้ตัวเองว่า Lylla เพราะเธอคิดว่าเป็นชื่อที่ไพเราะแล้วเหมาะกับบุคลิกของตัวเธอเอง จากนั้นเจ้าวอลรัสร่างใหญ่ที่มีขาเป็นล้อก็ขอตั้งชื่อตัวเองว่า Teefs ด้วยเหตุผลว่าเหมาะกับงาอันโดดเด่นของเขา ตามมาด้วยเจ้ากระต่ายน้อยสีขาว ที่เลือกชื่อ “Floor” ให้ตัวเองที่แปลว่า พื้น เพราะเจ้าต่ายน้อยชอบนอนหงายบนพื้น และสุดท้ายก็คือ Rocket ที่มีความฝันว่า สักวันหนึ่งเขาอยากจะสร้างยานอวกาศที่พาเพื่อน ๆ บินไปพร้อมกับเขาให้ทั่วแกแล็กซี่ แล้วสุดท้าย กันน์ก็ทำได้สำเร็จจริง ๆ ในการพาผู้ชมให้อินไปกับความรักความผูกพันของเพื่อนสัตว์ต่างสายพันธุ์ทั้งสี่ตัวนี้ แล้วกันน์ยังเสริมอีกว่า
“แม้ว่าเขาทั้งสี่นี้อาจจะไม่ใช่เหตุผลหลัก แต่ก็เป็นเหตุผลหนึ่ง ที่ทำให้ผมอยากสร้างหนังเรื่องนี้ขึ้นมา ผมรักพวกเขาทั้งสี่ตัว”
อีสเตอร์เอ้กของ Lylla จาก Guardians of the Galaxy 1
การปรากฎตัวของไลลาในภาคนี้ ก็นับว่าเป็นอีสเตอร์เอ็กจุดหนึ่งของหนัง เพราะชื่อ “Lylla” นั้นเคยถูกเอ่ยถึงมาตั้งแต่หนังภาคแรกแล้ว ในฉากที่ร็อกเก็ตโดนแซนดาร์จับกุมตัว แล้วถูกส่งตัวไปยังคลิน ดาวเรือนจำที่มีระบบคุ้มกันสูง ที่อยู่ภายใต้ความควบคุมของหน่วยโนวาคอร์ป ที่สร้างขึ้นมาเพื่อกักขังนักโทษอันตรายที่ก่อความวุ่นวายในแกแล็กซี่นี้ เมื่อร็อกเก็ตมาถึง เขาก็ถูกนำตัวเข้าห้องสแกนเพื่อตรวจสอบสถานะตัวตน ตรงนี้ล่ะ พอร็อกเก็ตถูกสแกนข้อมูลส่วนตัวเขาก็โผล่ขึ้นมาในฉากหลัง และมีหนึ่งบรรทัดที่เผยข้อมูลว่า เพื่อนร่วมแก๊งของเขาคือ : กรูท และ ไลลา
ตัวตนของ Lylla ในเวอร์ชันคอมิก
ไลลานั้นไม่ใช่ตัวละครที่ถูกเขียนขึ้นมาใหม่ แต่เป็นหนึ่งในตัวละครจากหนังสือการ์ตูน ไลลาปรากฎตัวครั้งแรกใน หนังสือการ์ตูน Incredible Hulk #271 ออกมาเมื่อปี 1982 เขียนโดย บิล แมนต์โล และ ซาล บัสซีมา ไลลาเป็นนากที่ผ่านกระบวนการตัดแต่งด้วยวิศวพันธุกรรมเหมือนอย่างที่เราเห็นในหนังนี่แหละ
ไลลาอาศัยอยู่ในนิคมที่ชื่อว่า Halfworld เป็นที่อยู่ของเหล่าสัตว์ที่ผ่านกระบวนการดัดแปลงทางวิศวพันธุกรรมจำนวนมาก พ่อแม่ของไลลาเป็นเจ้าของบริษัทผลิตของเล่นที่ใหญ่ที่สุดใน Halfworld แต่แล้วพ่อแม่ของเธอก็ถูก จัดสัน เจคส์ คู่อริของพ่อแม่เธอฆ่าตาย แล้วเจคส์ก็เข้ามาครอบครองบริษัท ตอนนี้ล่ะ ที่ร็อกเก็ตได้เข้ามาช่วยเหลือไลลา ทั้งคู่ร่วมมือกันกำจัดเจคส์ หลังจากนั้นไลลาและร็อกเก็ตก็กลายเป็นคู่รักกัน เมื่อปฏิบัติภารกิจสำเร็จแล้ว ร็อกเก็ตและไลลาก็ตัดสินใจออกท่องแกแล็กซี่ด้วยกัน จะเห็นได้ว่า ที่มาของไลลาในจุดที่ว่าเธอคือนากที่ผ่านกระบวนการดัดแปลงให้มีร่างกายส่วนหนึ่งเป็นจักรกลนั้นเหมือนในหนังสือการ์ตูน แต่หลังจากนั้นก็เป็นเรื่องราวที่เขียนขึ้นใหม่โดย เจมส์ กันน์
ผู้ให้เสียงพากย์ Lylla ก็เป็นนักแสดงในจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวล
ในการให้เสียงพากย์นั้น ก็มีเรื่องน่าสนใจ เจ้าวอลรัสทีฟส์ (Teefs) นั้นพากย์โดย อาซิม เชาดรีย์ (Asim Chaudhry) นักแสดงตลก, เจ้ากระต่ายฟลอร์ (Floors) นั้นพากย์เสียงโดย มิเคลา ฮูเวอร์ (Mikaela Hoover) นักแสดงที่เคยร่วมแสดงใน The Suicide Squad (2021) มาแล้ว ส่วนร็อกเก็ต (Rocket) นั้นทราบดีกันอยู่แล้วว่าพากย์เสียงโดย แบรดลีย์ คูเปอร์ (Bradley Cooper) แต่ที่น่าสนใจก็คือ ลินดา คาร์เดลลินี (Linda Cardellini) ผู้พากย์เสียงให้ ไลลา นี่แหละ เพราะเธอก็ไม่ใช่สมาชิกใหม่ในจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวล แต่อย่างใด แฟน ๆ มาร์เวลเคยเห็นหน้าตาเธอกันมาแล้วหลายเรื่อง
ลินดา คาร์เดลลินี ในจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวลนั้น เธอรับบทเป็น ลอรา บาร์ทัน (Laura Barton) ปรากฏตัวครั้งแรกในหนัง Avengers: Age of Ultron และกลับมารับบทเดิมอีกครั้งใน Avengers: Endgame และซีรีส์ Hawkeye ที่สตรีมมิงทาง Disney+ ซึ่งในซีรีส์นี้ล่ะ ที่มีการเปิดเผยอดีตของเธอว่าเธอเคยทำงานในหน่วย S.H.I.E.L.D. มีชื่อฉายาว่า Agent 19 คาร์เดลลินีนั้นเข้าวงการแสดงมาตั้งแต่ปี 1996 ผ่านงานแสดงและพากย์เสียงมาแล้วกว่า 70 เรื่อง มีผลงานดัง ๆ ก็อย่างเช่น ER, Bloodline, Scooby-Doo movies
ที่มา : screenrant IMDB joblo dexerto collider