จากความสำเร็จของ Top Gun : Maverick ที่ทิ้งช่วงห่างจากภาคแรกนานถึง 36 ปีแล้วยังประสบความสำเร็จอย่างมหาศาล ทำให้ปลุกกระแสหนังภาคต่อ จากหนังที่เคยประสบความสำเร็จในอดีต และหนึ่งในนั้นก็คือ Cliffhanger 2 ภาคต่อของหนังแอ็กชันสุดฮิตเมื่อปี 1993 โดย ซิลเวสเตอร์ สตอลโลน (Sylvester Stallone) ในวัย 76 ปี จะกลับมารับบทเดิม แกเบรียล “เกบ” วอล์กเกอร์ ขณะนี้โปรเจกต์มีความคืบหน้าไปบ้างแล้ว หนังได้ผู้เขียนบทเป็น มาร์ก บิอันคูลลิ (Mark Bianculli)ผู้เคยมีผลงานเขียนบทให้กับทีวีซีรีส์ Hunter และ Doomsday และ ริก โรมัน วอห์ก (Ric Roman Waugh) จาก Angel Has Fallen มารับหน้าที่กำกับภาพยนตร์
ผู้กำกับวอห์กให้สัมภาษณ์กับ Screenrant ว่าเขาได้เซ็นสัญญาเป็นผู้กำกับ Cliffhanger 2 เรียบร้อยแล้ว วอห์กเผยว่า เกบ วอล์กเกอร์ ตัวละครของสตอลโลนนั้นในภาคนี้เขาแก่ตัวขึ้นมาก และมีลูกสาวที่เจริญรอยตามเป็นนักปีนเขาเหมือนพ่อ วอห์กเผยอีกว่าเหตุการณ์ในภาคนี้จะเกิดขึ้นบนเทือกเขาแอลป์ในอิตาลี เป็นที่ที่ เป็นสถานที่พ่อลูกต้องเผชิญกับ “ความวายป่วงครั้งใหญ่”
“ตอนนี้ผมได้เข้ามาร่วมทีมด้วยแล้ว ซึ่งผมตื่นเต้นมาก เพราะนี่คือหนังแอ็กชันเรื่องใหญ่ในช่วงต้นยุค 90’s มันทำให้ผมหวนคิดถึงอาชีพสตันท์แมนของผมเลย แม้ว่าผมจะไม่ได้ทำอาชีพสตันท์แล้ว แต่ผมก็ยังมีความเชี่ยวชาญในเรื่องนี้อยู่ ผมจะทำให้ Cliffhanger มีพัฒนาการที่ก้าวขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งร่วมกับสตอลโลน ผมจะคอยเฝ้ามองตัวละครของเขามีพัฒนาการต่อไปข้างหน้า และภาคนี้เขามีลูกสาวด้วยที่เป็นนักปีนเขาเหมือนกับพ่อ และภาคนี้ล่ะ ที่เราจะได้เห็นความวุ่นวายครั้งใหญ่บนเทือกเขาแอลป์ในอิตาลี ว่าแล้วไปกันเลยเหอะ”
ผู้กำกับวอห์กยังเปรียบเทียบ Cliffhanger กับ Top Gun: Maverick และ Creed โดยวอห์กมองว่าหนังภาคต่อเหล่านี้มีแนวทางหลักในการพัฒนาภาคต่อที่คล้ายกันอยู่อย่าง คือ การนำตัวละครเดิมมาร่วมกับทีมนักแสดงรุ่นใหม่ ทำให้แฟรนไชส์มีความสดใหม่ แต่ก็มีนักแสดงดั้งเดิมไว้คอยเรียกความสนใจจากแฟนรุ่นเก่า
“Top Gun: Maverick เดินหน้าเรื่องราวภาคต่อจากภาพยนตร์ต้นฉบับ ส่วน Creed ก็เป็นพัฒนาการจากแฟรนไชส์ Rocky มาสู่เรื่องราวใหม่ ๆ แนวทางพวกนี้ล่ะ ที่เราจะนำมาใช้กับ Cliffhanger ผมว่ามันน่าสนุกออกนะ ผมรู้สึกสนุกที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการเริ่มต้นใหม่ของแฟรนไชส์เรื่องดัง หรือเป็นพัฒนาการของแฟรนไชส์อะไรทำนองนั้น่ะ แต่สิ่งที่ผมให้ความสำคัญที่สุดก็คือความต่อเนื่องของเรื่องราว และอีกเรื่องหนึ่งที่ผมมองว่าน่าจะเป็นเรื่องสนุกก็คือการที่พัฒนาการแฟรนไชส์เรื่องนี้ไปในทิศทางที่ยอดเยี่ยมและมีความหมาย”
ที่จริงแล้ว Cliffhanger 2 นี่ก็ไม่ใช่ความพยายามรีบูต Cliffhanger เป็นครั้งแรก เมื่อปี 2019 เคยมีการเดินหน้าโปรเจกต์รีบูตมาแล้วครั้งหนึ่ง โดยมอบหมายให้ อนา ลิลี อาเมอร์พัวร์ (Ana Lily Amirpour) ผู้กำกับหญิงที่สร้างชื่อจากหนังสายรางวัล A Girl Walks Home Alone at Night (2014) มารับหน้าที่รีบูต Cliffhanger ในเวอร์ชันที่ใช้นักแสดงนำหญิง แต่แล้วโปรเจกต์นี้ก็เงียบหายไป แต่มีโปรเจกต์ของ ริก โรมัน วอห์ก เกิดขึ้นแทน เมื่อปีที่แล้ว อาเมอร์พัวร์ได้เผยถึงเหตุที่โปรเจกต์ของเธอหยุดนิ่งไป เพราะเธอรู้สึกว่ามันเป็นงานที่ค่อนข้าง “เสี่ยง”
“ฉันคิดว่างานรีเมกอาจจะผิดพลาดได้มาก เพราะว่าหนังที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในอดีตเหล่านี้ ในความคิดฉันนะ คือหนังเหล่านี้สมบูรณ์แบบมากแล้ว ทำให้ฉันหวนคิดว่า ถ้าฉันทำมันต่างออกไปจากต้นฉบับล่ะ ยกตัวอย่าง Prey นี่ฉันก็ชอบนะ มันเป็นหนัง Predator ภาคใหม่ หนัง Predator ต้นฉบับนี่เป็นหนังเรื่องโปรดตลอดกาลของฉันเลย มันยิ่งใหญ่มาก และในบรรดาภาคต่อทั้งหมดที่เคยสร้างออกมา ก็มี Prey นี่ล่ะ เป็นภาคที่ฉันชอบ เหมือนว่าหนังได้ทำสิ่งแตกต่างจากต้นฉบับแต่มีส่วนที่เชื่อมโยงกัน เหมือนกับ Top Gun: Maverick ซึ่งสำหรับฉันแล้วมองว่านี่มันเป็นภาคต่อที่สร้างออกมาได้อย่างอัจฉริยะมาก ดังนั้นมันควรจะเป็นการทำอะไรที่มากกว่าการรีเมก ควรเป็นการคิดอะไรที่แปลกใหม่ ให้มันต่างออกไปจากเดิม”
ตอนนี้ยังไม่เป็นการแน่ชัดว่า ภาคต่อเวอร์ชันหญิงของอาเมอร์พัวร์นั้นถูกยกเลิกไปแล้วหรือยัง แต่ตอนนี้ภาคต่อที่ได้สตอลโลนกลับมารับบทนำก็ขอเดินหน้าไปก่อนล่ะ ไม่แน่ว่าถ้าภาคนี้ประสบความสำเร็จ โปรเจกจ์ภาคนักแสดงหญิงของอาเมอร์พัวร์อาจจะได้รับการผลักดันให้เดินหน้าอีกครั้ง
ที่มา : movieweb