บทความเปิดเผยเนื้อหาสำคัญของหนัง SISU
‘SISU’ หรือชื่อไทย ‘เฒ่ามหากาฬ’ หนังสัญชาติฟินแลนด์ ที่กำลังลงโรงฉายในบ้านเราอยู่ขณะนี้ เป็นหนังฟอร์มเล็กที่กลายเป็นหนังฮิตแบบม้ามืด ผลงานของ จาลมารี ฮีแลนเดอร์ (Jalmari Helander) ที่เหมาทั้งหน้าที่ผู้กำกับและเขียนบทภาพยนตร์
หนังเล่าเรื่องของ อาทามิ กอร์พี อดีตหน่วยคอมมานโดของฟินแลนด์ ผู้เชี่ยวกรากในสงครามจนมีชื่อเสียงกระฉ่อนเป็นตำนาน กอร์พีออกจากกองทัพมาใช้ชีวิตแบบสันโดษและขุดหาทองใน Lapland (ดินแดนทางตอนเหนือของฟินแลนด์ที่เชื่อมต่อกับรัสเซียและสวีเดน) แล้วเขาก็โชคดีเจอทองก้อนมหึมา กอร์พีขนทองขึ้นม้าเข้าเมืองเพื่อหวังแลกเปลี่ยนเป็นเงิน แต่ระหว่างทางต้องเจอกับกองร้อยนาซี ที่กำลังถอนทัพจากฟินแลนด์ ทหารนาซีชิงทองไปจากเขา กอร์พีจึงต้องสวมวิญญาณนักรบเก่าออกตามล่ากองร้อยนาซีเพื่อชิงทองคืน กลายเป็นหนังแอ็กชันสุดโหด ที่เล่าเรื่องราวผ่านตัวเอกสูงวัยลุยเดี่ยวชนกับทหารนาซีหลายสิบนาย ด้วยความโหดระดับตับไตไส้พุงกระเด็นกันเกลื่อนจอนี่เอง ทำให้ผู้ชมมักจะหยิบ SISU ไปเปรียบเทียบกับหนังของ เควนทิน ทาแรนทิโน (Quentin Tarantino) ที่อัดแน่นไปด้วยความโหดแต่ก็ดำเนินบนเรื่องราวที่สนุกและแม่นยำ
SISU เปิดตัวในเทศกาลภาพยนตร์โตรอนโตเมื่อกันยายนปีที่แล้ว จากนั้นก็ทยอยเปิดตัวในหลายประเทศ ด้วยเสียงร่ำลือแบบปากต่อปาก ทำให้กวาดรายได้ทั่วโลกไป 13 ล้านเหรียญ จากทุนสร้างที่ 6.6 ล้านเหรียญ แม้จะดูเหมือนน้อยนิด แต่สำหรับหนังฟอร์มเล็กที่ไม่ต้องใช้งบทางการตลาดมากนัก เท่านี้ก็ถือว่าเป็นกำไรที่น่าพอใจแล้ว
เมื่อหนังประสบความสำเร็จทั้งรายได้และเสียงชื่นชมจากนักวิจารณ์ทั่วโลกเช่นนี้ จึงทำให้มีเสียงเรียกร้องจากผู้ชมว่าอยากเห็นหนังภาคต่อ ที่เล่าภารกิจครั้งต่อไปของตาเฒ่านักรบ และหนังก็จบไว้แบบปลายเปิดที่สามารถสานภาคต่อได้อีกหลายทิศทาง
SISU ควรมีภาคต่อไหม ?
ด้วยความบันเทิงที่หนังมอบให้และความสำเร็จที่หนังได้รับ SISU เป็นที่ชื่นชอบของผู้ที่ได้ชม อาจจะมีกลุ่มคนที่ไม่ชอบบ้างก็เป็นพวกนักประวัติศาสตร์ที่ชี้ว่าหนังเล่าเรื่องราวไม่ตรงตามความเป็นจริง แต่ SISU ก็เป็นหนังที่มุ่งเน้นความบันเทิง จึงไม่ใช่เรื่องผิดแต่อย่างใดที่หนังจะหยิบยกเรื่องราวในประวัติศาสตร์มาปรุงแต่งเล็กน้อยเพื่อความบันเทิง ถ้าผู้สร้างต่างยึดถือความถูกต้องตามประวัติศาสตร์เป๊ะ ๆ กันหมด เราคงไม่ได้ดูหนังอย่าง ‘Inglorious Basterds’
ถึงแม้ว่า ‘SISU’ จะไม่ได้มาพร้อมกับบทภาพยนตร์ที่น่าทึ่งนัก แต่นั่นก็ไม่ใช่ประเด็นหลักที่พาให้หนังประสบความสำเร็จอยู่แล้ว หนังมาพร้อมกับพื้นฐานเรื่องที่ธรรมดามาก ๆ กับชายคนหนึ่งที่ต้องการปกป้องทองคำของเขา และต้องเจอกับกลุ่มผู้รายที่ชิงทองไปจากเขา พร้อมกับวางให้เรื่องราวเกิดขึ้นท่ามกลางสงครามโลกครั้งที่ 2 ทำให้ตาเฒ่าอาทามิต้องกลับมาสวมบทบาทคอมมานโดอีกครั้ง และเปิดศึกกับเหล่านาซี ที่กลายเป็นฉากที่ส่งมอบความบันเทิงที่ทั้งยุ่งเหยิงและนองเลือด และที่สำคัญหนังไม่ได้ใจร้ายกับคนดูด้วยการเขียนให้เจ้าหมาน้อยตาย แม้มีฉากให้ลุ้นช่วยเจ้าหมาน้อยกันใจหายใจคว่ำอยู่หลายครั้ง
แม้หนังจะอยู่ต่างยุคกับ John Wick แต่ SISU ก็มีส่วนที่ละม้ายกับ John Wick และเป็นส่วนที่ส่งให้หนังต่างประสบความสำเร็จด้วยกันทั้งคู่ ทั้ง จอห์น วิค และ กอร์พี ต่างก็เป็นนักฆ่าที่มีชื่อเสียงเป็นที่กล่าวขวัญ และเขาเพียงคนเดียวต่างก็รับมือกับศัตรูได้นับสิบที่เข้ามาพร้อม ๆ กัน เราสามารถสนุกไปกับฉากที่ตัวเอกเหล่านี้จัดการกับศัตรู แม้ในใจลึก ๆ เราก็รู้อยู่แล้วว่าเขาจะต้องชนะอยู่ดี โดยเฉพาะ จอห์น วิค ที่เราเห็นเขาผ่านศึกมาแล้วกับหนังถึง 4 ภาค แต่กับกอร์พีนั้นอาจจะต้องเอาใจช่วยมากกว่า เพราะนี่คือหนังภาคแรกที่เราได้ทำความรู้จักกับเขา บวกกับวัยที่เรียกว่า ‘คนแก่’ ได้เต็มปากเต็มคำ แต่ถึงอย่างนั้น กอร์พีก็ทำอะไรได้เกินคาดอย่างมาก แม้กระทั่งการเอาพลั่วหวดเครื่องบินที่กำลังเทคออฟ
จะมีอะไรให้เราได้เห็นใน SISU ภาคต่อ ?
หนังจบลงตรงที่ กอร์พีได้ทองของเขาคืนมา และนำไปแลกเป็นเงินที่ธนาคารได้สำเร็จ ตรงนี้ล่ะ ที่หนังสานเรื่องราวภาคต่อไปได้อีกหลายทิศทาง อย่างแรกเลยที่ผู้สร้างนิยมสร้างกัน คือการเล่าเรื่องราวก่อนหน้า ย้อนอดีตไปตอนที่เขายังเป็นทหารอยู่ ซึ่งผู้ชมต่างก็ “ไม่รู้” ว่าเขาผ่านอะไรมาบ้างในสนามรบ ถึงทำให้เขาได้กลายเป็นนักรบในตำนาน เรารู้แค่ว่าแม้แต่ทหารนาซียังตัวสั่นเมื่อได้ยินชื่อของเขา ซึ่งช่องว่างตรงนี้เหมาะแก่การหยิบมาขยายเป็นเรื่องราวในภาคต่อได้
อีกทางเลือกหนึ่งก็ไปในทิศทางคล้าย ๆ กับ John Wick คือขยายความจากการที่เขารักและผูกพันกับเจ้าหมาน้อยมาก ชวนให้คิดต่อได้ว่า แล้วครอบครัวของเขาที่สูญเสียไปนั้น กอร์พีจะเผชิญกับความเสียใจรุนแรงมากขนาดไหน ถึงกับปลีกตัวเองมาอยู่ในพื้นที่รกร้างห่างไกลเช่นนี้ 2 แนวทางนี้เป็นการคาดเดาจากเนื้อหาในภาคแรก
แต่ขณะเดียวกัน จาลมารี ฮีแลนเดอร์ ผู้กำกับและเจ้าของเรื่อง ก็ได้เผยในบทสัมภาษณ์กับ GamesRadar+ แล้วว่าเขามีไอเดียสำหรับภาคต่อเรียบร้อยแล้ว แต่เขายังไม่เผยอะไรมากมายนัก บอกมาเพียงว่าจะเกี่ยวข้องกับความมั่งคั่งของตัวกอร์พีเองหลังจากที่เขาเปลี่ยนทองเป็นเงินได้สำเร็จ และอาจจะมีวายร้ายกลุ่มใหม่มาระรานเขาอีก บวกกับการที่กำหนดให้เรื่องราวเกิดขึ้นในช่วงกลางสงครามโลกครั้งที่ 2 เรื่องราวในภาคต่อนั้นก็ยังคงดำเนินอยู่ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งเปิดโอกาสให้เขาได้พะบู๊กับพวกนาซีได้อีก
SISU ยังมีรอบฉายอยู่ในโรงภาพยนตร์นะครับ