เควนทิน ทาแรนทิโน (Quentin Tarantino) ไม่เพียงแค่เป็นผู้กำกับมากฝีมือที่ทั้งแฟนหนังและผู้คนในวงการต่างยอมรับเท่านั้น เขายังเป็นผู้สร้างสรรค์เรื่องราวที่น่าทึ่งและถ่ายทอดออกมาเป็นบทภาพยนตร์ได้อย่างยอดเยี่ยม นี่จึงเป็นเหตุผลที่เขาเป็นเจ้าของ 2 รางวัลออสการ์ สาขาบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม จาก ‘Django Unchained’ และ ‘Pulp Fiction’
ตลอดผลงานกำกับที่ผ่านมาทั้ง 9 เรื่องนั้น ทาแรนทิโนได้สร้างสรรค์ตัวละครที่น่าสนใจนับร้อย แล้วก็มีหลาย ๆ ตัวละครที่เป็นที่จดจำต่อคนดูไปตลอดกาลอย่างเช่น The Bride ใน ‘Kill Bill’ , คาลวิน แคนดี้ บบทของ ลีโอนาร์โด ดิคาพริโอ ใน ‘Django Unchained’ หรือ จูลส์ วินฟิลด์ บทของ จอห์น ทราโวลตา ใน ‘Pulp Fiction’แต่ตัวละครที่ทาแรนทิโนเผยว่าเป็นตัวที่เขาชอบมากที่สุด นั่นก็คือ ฮานส์ แลนดา จาก ‘Inglourious Basterds’ผลงานกำกับเรื่องที่ 6 ของเขา
ทาแรนทิโนเผยถึงเรื่องนี้ระหว่างไปร่วมเทศกาลภาพยนตร์เยรูซาเลมฟรีดาเมื่อปี 2016 ในงานนี้เขาได้เข้าร่วมสนทนาและได้เอ่ยถึงความหลงใหลในงานภาพยนตร์และผลงานที่เขาประทับใจ จากนั้นบทสนทนาก็พาไปถึงเรื่อง ‘Inglourious Basterds’ภาพยนตร์ปี 2010 ที่ทาแรนทิโนเขียนเรื่องราวย้อนประวัติศาสตร์ไปในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่สร้างเหตุการณ์สมมติขึ้นมาเกี่ยวกับแผนการลอบสังหารผู้นำนาซีเยอรมัน ที่มี 2 แผนการเกิดขึ้นในเวลาเดียวกันขึ้นมาทับซ้อนกัน แผนการแรกดำเนินการโดย โซซานนา เดรย์ฟัส (เมลานี โลรองต์ – Melanie Laurent) เจ้าของโรงภาพยนตร์ผู้เป็นสาวฝรั่งเศสเชื้อสายยิว และอีกแผนการดำเนินโดยร้อยโท อัลโด เรน (แบรด พิตต์ – Brad Pitt) ผู้นำกลุ่มทหารอเมริกันที่มีภารกิจล่าสังหารทหารนาซีในฝรั่งเศส
ส่วนบทบาท ฮานส์ แลนดา ผู้พันแห่งหน่วย SS มีภารกิจในการตามสังหารชาวยิวที่ตกค้างอยู่ในฝรั่งเศส และคอยตามล้างตามเช็ดกับหน่วยของ ร้อยโท อัลโด เรน ซึ่งทาแรนทิโนปลาบปลื้มมากที่เขาได้ คริสทอฟ วอลตซ์ (Christoph Waltz) มารับบทนี้
“แลนดา เป็นตัวละครที่ดีที่สุดที่ผมเขียนขึ้นมา และนาจะเป็นตัวละครที่ดีที่สุดในจำนวนทั้งหมดที่ผมเคยสร้างสรรค์มาเลยด้วย”
“ตอนที่ผมเขียนเขาขึ้นมาครั้งแรก ผมยังไม่ได้เขียนให้เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านภาษาเลยด้วย”
“เขาน่าจะเป็นเพียงคนเดียวเลยในกองทัพนาซีที่สามารถพูดภาษายิดดิชได้สมบูรณ์แบบแบบนั้น”
นอกจากนั้น ทาแรนทิโนยังย้อนเล่าเรื่องราวเบื้องหลังงานสร้าง ‘Inglourious Basterds’ ที่น่าสนใจอีกด้วยว่า เขารู้สึกหมดหวังกับการออดิชันหานักแสดงที่เหมาะสมกับบท ฮานส์ แลนดา จนเขาคิดว่าเขาอาจจะยุติงานสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้กันเลย จนกระทั่ง คริสทอฟ วอลตซ์ เดินเข้ามาในห้องออดิชัน
“ตอนนั้นผมรู้สึกกังวลมาก นอกเสียจากว่าผมจะพบแลนดาที่สมบูรณ์แบบเสียที ตอนนั้นผมเกือบจะยกเลิกงานสร้างเรื่องนี้แล้วด้วย แต่แล้วผมก็บอกตัวเองว่า ผมจะให้เวลาตัวเองอีก 1 สัปดาห์ในการหาแลนดาที่เหมาะสมให้ได้ ถ้าไม่เช่นนั้นผมก็จะถอดปลั๊กเรื่องนี้แล้ว”
“จากนั้น คริสทอฟ วอลตซ์ ก็เข้ามา และเขาก็แสดงให้เห็นชัดเจนว่าเขาคือ ฮานส์ แลนดา ตัวจริง เขาสามารถทำได้ทุกอย่างตามที่ผมต้องการ เขาน่าทึ่งมาก เขาทำให้เราเดินหน้าต่อได้แล้ว”
วอลตซ์ไม่เพียงแค่สร้างความประทับใจให้กับทาแรนทิโนเท่านั้น แต่เขาสามารถสร้างความประทับใจตราตรึงให้กับผู้ชมแทบทุกคนที่ได้ดู ‘Inglourious Basterds’ รวมไปถึงคณะกรรมการออสการ์ จนเขาสามารถคว้าออสการ์สาขา ‘นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม’ ปี 2010 ไปครองได้สำเร็จ แม้ว่านี่จะเป็นงานแสดงภาพยนตร์ฮอลลีวูดเรื่องแรกของเขา
ทาแรนทิโนเล่าต่อว่า เขาพยายามกันวอลตซ์ให้อยู่ห่าง ๆ จากนักแสดงคนอื่น ๆ ในช่วงก่อนการถ่ายทำจริง ทำเอาบรรดานักแสดงในเรื่องหลายคนเริ่มสงสัย ว่านักแสดงชาวออสเตรียที่จะมารับบท ฮานส์ แลนดา ผู้นี้คือใครกัน ซึ่งทาแรนทิโนนั้นมั่นอกมั่นใจในฝีมือของวอลตซ์และเชื่อว่าเพื่อน ๆ นักแสดงน่าจะตกใจเมื่อได้เห็นฝีไม้ลายมือของเขา เขายังกำชับกับวอลตซ์ว่า ตอนที่นั่งอ่านบทรอบวงกันให้กั๊ก ๆ ไว้อย่าเพิ่งปล่อยของออกมาจนหมด
“ถ้าให้คะแนนตัวเองเต็มสิบ ให้ปล่อยออกมาแค่หกพอ เอานิดหน่อยพอ เอาแค่พอถูไถ ผมไมม่อยากให้คุณไปแข่งกับใคร ถ้าใครจะมาแข่งกับคุณให้ยอมแพ้ซะ ผมไม่อยากให้พวกเขารู้ว่าคุณเอาบทแลนดาได้อยู่หมัดแล้ว”
“แล้วผมก็ไม่อยากให้คุณไปร่วมซ้อมกับนักแสดงคนอื่น ๆ ก่อนถ่ายทำจริงด้วย ผมไม่อยากให้ ไดแอน ครูเกอร์ หรือ แบรด พิตต์ รู้ว่าคุณเป็นสิงปืนไวจนกว่าจะถ่ายทำกันจริง ๆ “
เชื่อว่าใครที่ได้ดู ‘Inglourious Basterds’ ต่างก็ต้องทึ่งกับฝีมือการแสดงของ คริสทอฟ วอลตซ์ ที่สามารถถ่ายทอดภาพลักษณ์ตัวตนของ ฮานส์ แลนดา ออกมาได้อย่างน่าเกรงขาม สัมผัสได้ถึงความน่ากลัวของเขาที่ซุกซ่อนอยู่ใต้รอยยิ้มและท่าทีของความเป็นมิตร ฉากที่เขาสนทนากับคุณพ่อชาวไร่ในบ้านขณะที่มีครอบครัวชาวยิวแอบซ่อนอยู่ห้องใต้ดินนั้น ก็ทำเอาผู้ชมเสียวสันหลังไปตาม ๆ กัน
คริสทอฟ วอลตซ์ ตอกย้ำความสามารถการแสดงของเขาให้เป็นที่ประจักษ์อีกครั้ง เมื่อเขากลับมาร่วมงานกับทาแรนทิโนใน ‘Django Unchained’ แม้ว่ารอบนี้เขาจะพลิกบทบาทจากวายร้ายเป็นตัวละครนำฝ่ายดี แล้วสุดท้ายวอลตซ์ก็สามารถคว้าออสการ์สาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมตัวที่ 2 ไปครองได้สำเร็จ เป็นการยืนยันถึงความสามารถทางการแสดงที่ได้ขีดจำกัด ให้เขารับบทเป็นตัวละครอะไร วอลตซ์ก็สามารถแสดงได้หมด
ปี 2024 เราจะได้ดูผลงานของเขาใน ‘Old Guy’ วอลตซ์รับบทเป็นมือปืนรุ่นเก๋าที่อยากจะวางมือ แต่องค์กรก็รั้งเขาไว้ให้ช่วยฝึกฝนเด็กรุ่นใหม่ขึ้นมาแทน ผลงานกำกับของ ไซมอน เวสต์ จาก ‘Con Air’