นักแสดงฮอลลีวูดหลายต่อหลายคนที่ทุ่มเททั้งสภาพร่างกายและจิตใจเพื่อให้เข้าถึงจิตวิญญาณของบทบาทที่เขาได้รับ เพื่อให้ถ่ายทอดการแสดงออกมาได้สมจริงที่สุด บางคนก็เพิ่มน้ำหนักขึ้นเป็นสิบกิโลกรัม บางคนก็ลดน้ำหนักจนผอมติดกระดูก และ ทอม ฮาร์ดี (Tom Hardy) ก็เป็นหนึ่งในนั้น ตลอดหลายปีในฐานะนักแสดงแถวหน้าของฮอลลีวูด ฮาร์ดีเคยต้องเพิ่มน้ำหนักเพื่อบทบาทอยู่หลายครั้งเพื่อการแสดง พอจบการแสดงก็ลดน้ำหนักลงมาในระดับที่เหมาะสม แต่เมื่อทำแบบนี้ซ้ำ ๆ อยู่หลายครั้ง นานเข้าก็จะเริ่มส่งผลเสียต่อสุขภาพ
และการเพิ่มน้ำหนักที่เด่นชัดที่สุดของฮาร์ดี ก็คือตอนที่เขารับบทเป็น ‘เบน’ วายร้ายหลักใน ‘The Dark Knight Rises’ ปี 2012 ผลงานกำกับของ คริสโตเฟอร์ โนแลน (Christopher Nolan) ที่เขาสามารถทำให้แฟน ๆ อึ้งได้ กับภาพลักษณ์ที่ใหญ่โตบึกบึนของเขา ฮาร์ดีในวัย 45 ปี ในวันนั้น ต้องเพิ่มน้ำหนักตัวเพื่อบทนี้ถึง 13.6 กิโลกรัม เพื่อให้ตรงตามภาพลักษณ์ของ เบน วายร้ายโรคจิตที่ร่างกายเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อมัดใหญ่
ในอดีต ฮาร์ดีเคยให้สัมภาษณ์ถึงกระบวนการเพิ่มน้ำหนักตัวของเขา เขายอมรัรบว่าเขารู้สึกไม่ดีเลยที่ต้องเพิ่มน้ำหนักตัวเองขึ้นไปมากกว่าปกติเช่นนี้ แต่ประเด็นก็ไม่ได้อยู่ที่ ‘ความรู้สึก’ หรอกที่เป็นปัญหา
“ถ้าลองสังเกตกันจริงแล้ว ลองดูที่ภาพนิ่งเอาก็ได้ จะเห็นว่าผมมีน้ำหนักตัวที่เกินไปมากจริง ๆ เพราะผมกินเยอะมาก ผมกินพิซซาเข้าไปเยอะมาก”
“ผมใช้เวลาไปประมาณ 3 – 4 เดือน กับการฝึก ยกน้ำหนัก แล้วก็กินพิซซาเข้าไปเยอะ ๆ ซึ่งมันไม่ดีต่อหัวใจของผมเลย”
นักข่าวถามฮาร์ดีต่อไปว่า เขารู้สึกดีไหมกับการทำแบบนี้ เขาตอบว่า “ไม่เลยครับ ไม่เลย แต่ประเด็นมันไม่ได้อยู่ที่ความรู้สึกผม ประเด็นหลักคือผมต้องทำให้ตัวเองดูตัวใหญ่ที่สุดเท่าที่จะทำได้”
แล้วภาพลักษณ์ใหม่ของที่กลายเป็นชายร่างยักษ์ ก็สามารถเรียกความสนใจจากแฟน ๆ ได้จริง เพราะแฟน ๆ ดีซีต่างเฝ้าคอยว่าเขาจะถ่ายทอดภาพลักษณ์ของ เบน อีกหนึ่งวายร้ายตัวฉกาจของแบทแมนออกมาได้อย่างไร
แต่เขาก็รู้สึกผิดหวังที่ยังมีแฟน ๆ บางคนไม่พอใจเพราะคาดหวังว่าเขาน่าจะเป็นเบนที่ตัวใหญ่กว่านี้
ฮาร์ดีเล่าว่า “ตอนนั้นผมอยู่ที่ 86 กก. แต่แฟน ๆ Batman อยากเห็นผมหนักกว่า 90 กก. ขึ้นไป ผมนี่แบบ ห๊ะ!! “
“แบทแมนก็เหมือนกับซูเปอร์แมน หรือ สไปเดอร์-แมน นั่นแหละ เขามีแฟนคลับจำนวนมาก มีคนมากมายรักเขา เขาเปรียบเหมือนสมบัติของคนเหล่านี้ และเมื่อผมต้องก้าวไปเป็นหนึ่งตัวละครในเรื่องนั้น ผมก็อาจจะพลาด และถูกตัดสิน”
“ผมก็เป็นปุถุชนธรรมดาคนหนึ่งนะ ผมก็อ่านนู่นอ่านนี่บ้างเหมือนกัน พอผมเห็นคอมเมนต์ที่วิจารณ์ผมมา ผมก็ร้องไห้ แต่ผมก็ไม่สามารถร้องได้ให้ใครเห็นได้ ผมแค่ต้องมอบการแสดงให้พวกเขา และผมก็พยายามทำหน้าที่ให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ เชื่อผมเถอะ เชื่อโนแลนเถอะ”
จนในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมานี่เอง ที่ฮาร์ดีเริ่มตระหนักถึงอายุของเขาที่มากขึ้น และเริ่มกังวลต่อความเครียดที่สะสมมาจะส่งผลเสียต่อสุขภาพของเขา
“ผมคิดว่าถึงเวลาที่ผมต้องชดใช้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพร่างกายตัวเองใหญ่ ๆ หลายครั้งที่ผ่านมา”
“ตอนที่ยังหนุ่มอยู่มันก็ไม่เป็นไรหรอกที่จะกดดันตัวเองให้ทำอะไรแบบนั้น แต่พอเข้าวัย 40 แล้ว ผมต้องใส่ใจกับการออกกำลังกายแบบเร่งด่วน เพิ่มน้ำหนักตัวให้มากขึ้น แต่ก็ต้องมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง แต่แล้วผมก็ไม่มีเวลาที่จะออกกำลังกายเพราะผมติดถ่ายหนัง ร่างกายผมก็เลยสับสนว่าจะไปทางไหนดีในเวลาเดียวกัน”
สำหรับแฟน ๆ ที่คิดถึงบทบาทการแสดงของ ทอม ฮาร์ดี เพราะปีที่แล้วเขาไม่มีผลงานออกสู่สายตาแฟน ๆ เลย แต่ปีนี้จะมีออกมาถึง 2 เรื่อง ตุลาคมนี้จะมี ‘Havoc’ ฮาร์ดีรับบทตำรวจที่ต้องเสี่ยงชีวิตไปลุยกับแก๊งค้ายาเพื่อช่วยลูกชายนักการเมืองที่ถูกจับเป็นตัวประกัน และในเดือนธันวาคมกับเรื่อง ‘The Bikeriders” เล่าถึงยุครุ่งเรืองของแก๊งมอเตอร์ไซค์อเมริกัน