ว่ากันว่า หนังรักช่วยเติมเต็มให้โลกนี้สวยงาม เพราะความรักแสนหวานช่วยบันดาลโลกให้สดใส! ยิ่งฟังยิ่งดูดีใช่มั้ยคะ แต่จะว่าไป ยังมีหนังหลายๆ เรื่องที่เกี่ยวข้องกับความรัก แต่ก็ไม่ได้สวยงามหมดจดชนิดที่จะเรียกว่าเป็น “หนังรัก” ได้ แต่ก็ให้ข้อคิดต่างๆ มากมาย จนเรียกได้ว่า ถ้าคุณพลาดหนังรักพวกนี้ไป คุณอาจนอนตายตาไม่หลับเลย ว่าแต่มีเรื่องไหนน่าดูบ้างนะ
About time
เป็นหนังรักอีกเรื่องที่มัน The best มากค่ะ!! บีชอบการผูกเรื่อง เป็นอะไรที่เจ๋งมากจริงๆ ซับซ้อนแต่ก็สมเหตุสมผลในตัวเอง บีแอบตกใจทันทีหลังดูจบว่า “ไอย๊าาา ต้องเขียนบทกี่ร้อยปีกันนะ ถึงจะแยบยลได้ขนาดนี้”
ไม่ใช่แค่การผูกเรื่องที่เจ๋งเท่านั้น แต่หนังเรื่องนี้ยังให้ข้อคิดเกี่ยวกับความรัก ครอบครัว และการใช้ชีวิตด้วย โดยเนื้อเรื่องเป็นเรื่องราวของตัวเอกที่สามารถกลั้นหายใจแล้วว๊าปกลับไปในอดีตได้ แค่เปิดเรื่องมาก็สนุกแล้วเนอะ แต่การดำเนินเรื่องนั้นสนุกกว่ามาก!!
ว่าแต่ ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ เราจะยังอยากแก้ไขเรื่องราวในอดีตมั้ยนะ ?
500 day of summer
ตั้งแต่เปิดเรื่องมาก็น่าสนใจแล้ว เพราะได้มีการบอกไว้ตั้งแต่ต้นเรื่องแล้วว่าหนังเรื่องนี้ไม่ใช่หนังรัก !!
ขอชมเลยว่าหนังเรื่องนี้ เป็นหนังที่นำเสนอเรื่องราวที่สุดแสนจะเศร้า ออกมาได้อย่างสนุกที่สุด!! บีชอบการตัดภาพไปมาระหว่างเหตุการณ์ต่างๆ ที่ช่วยให้เข้าใจเนื้อเรื่องได้อย่างชัดเจน และแอบเห็นใจพระเอกผู้น่าสงสารได้ไปในตัว
แม้หนังจะดำเนินเรื่องได้อย่างน่ารัก น่าชัง แต่หลายคนดูหนังเรื่องนี้ แล้วรู้อินจนเกลียดนางเอกเข้าไส้ (อยากรู้ล่ะสิ ว่านางเอกของเรื่องเป็นยังไง ไม่สปอยหรอก :p ) ซึ่งบีว่ามันเป็นอะไรที่เจ๋งมาก ที่จะทำให้หนังดราม่ากลายมาเป็นหนังน่ารักๆได้
เอาเป็นว่า ใครอกหัก แล้วไม่อยากดูหนังที่ทำให้ช้ำรักจนตาย แต่อยากหาหนังที่มาทิ่มหัวใจแบบเบาๆ มีขอแนะนำเรื่องนี้ค่ะ หนังอกหักในตำนาน!!
Celeste & Jesse Forever
จะเรียกว่าเป็นหนังรัก ก็ไม่เชิง เป็นหนังที่ดำเนินไปเพราะความรักเป็นเหตุซะมากกว่า สำหรับบีหนังเรื่องนี้นับเป็นหนังรักที่ดูสมจริงมากที่สุด!! แถมยังเป็นหนังรักที่เปิดมุมมองความรักที่เพิ่งจบลงได้อย่างลึกซึ้ง
โดยทั่วไปเวลาเราดูหนังรักสักเรื่องเราจะเห็นเรื่องราวของคู่รักก่อนจะตกลงปลงใจกัน ว่าเริ่มต้นยังไง ต้องเจออุปสรรคอะไรบ้าง ก่อนจะลงเอยกันด้วยดี แต่สำหรับหนังเรื่องนี้ จะพาคุณไปเจอกับเบื้องหลังความรักที่เพิ่งจบลง ที่ไม่ใช่มีเพียงเหตุการณ์นอนร้องไห้ข้ามคืนจนตาบวมเท่านั้น แต่ยังมีเรื่องราวที่เจ็บแบบซึมลึกอยู่ข้างหลังอีกมาก ฟังดูเศร้าใช่มั้ยคะ …
คุณจะได้เห็นเบื้องหลังของความเสียใจของเซเลส แม้ว่าจะเป็นฝ่ายเดินออกมา เป็นฝ่ายบอกเลิกซะเอง แต่กลับทุกข์ทนอย่างยาวนาน จนคุณจะรู้สึกเจ็บปวดไปด้วย (หรืออาจจะอยากสมน้ำหน้าก็ได้)
แม้พล็อตเรื่องจะเศร้าซึมลึก แต่หนังเรื่องนี้กลับไม่ได้สะท้อนออกมาในมุมมองที่ว่าดูไป น้ำตาไหลพรากไป แต่จะเป็นเชิงน้ำตาค่อยๆปริ่มออกมาหลังดูจบไปแล้ว 2-3 ชั่วโมงมากกว่า
เอาเป็นว่า ถ้าคู่รักคู่ไหนเพิ่งแยกทางกัน ด้วยเหตุผลว่า “อีกฝ่ายยังไม่ดีพอ” หรือ “เราเข้ากันไม่ได้” บีแนะนำว่าควรไปหามาดูโดยด่วนเลยค่ะ
her
เรื่องนี้ก็เคยเป็นกระแสอยู่สักพัก ด้วยภาพ เสียง และสีหน้าของตัวแสดงที่หม่นหมองไปหมด แต่หนังเรื่องนี้ก็มีความอบอุ่นแฝงอยู่ แถมยังมีกระแสมาว่าเป็นหนังที่โจนส์ (ผู้กำกับและผู้เขียนบท) เขียนถึงอดีตภรรยา เพื่อเป็นการแสดงถึงความเศร้าและความคิดถึงภรรยา (หนังง้อภรรยานั่นเอง แป่ว) จะว่าไป จะเรียกว่าเป็นหนังรักก็คงเรียกไม่ได้เต็มปาก แต่ก็มีมุมอ่อนหวานน่ารัก ตามสไตล์หนังรักแฝงอยู่มาก
หนังเรื่องนี้ พาให้จินตนาการไปถึงยุคในอนาคต ที่เทคโนโลยีมีบทบาทกับมนุษย์ในทุกส่วนของชีวิต แม้กระทั่ง “ความรัก”
ไม่อยากเล่าสักเท่าไหร่เลย เพราะหนังรักเรื่องนี้จัดว่าพีคพอสมควร บีว่าควรไปดูเองค่ะ ให้ฟิลกระแทกใจ เศร้าลึกแปลกๆ แถมรายละเอียดในหนังยังเยอะมากกก มีประเด็นยิบย่อยเยอะไปหมด ลึกซึ้งทั้งนั้นเลยด้วย ต้องสังเกตดีๆล่ะ
แอบเตือนหน่อยว่าหนังเรื่องนี้นานพอสควร และเนื้อเรื่องค่อนข้างจะเอื่อยเฉื่อยไปนิด (ดูแล้วระวังหลับล่ะ) แต่ถ้าดูจบก็ได้ข้อคิดเยอะทีเดียว
One day
เป็นหนังอีกเรื่อง ที่ทำให้หลายคนน้ำตาซึมตอนจบ
เนื้อเรื่องดำเนินมาอย่างเรียบๆ ง่ายๆ ตามสไตล์หนังรักทั่วไป โดยเผยให้เห็นถึงเรื่องราวความรักฉบับวัยรุ่น ตั้งแต่ความรักน่ารักๆ แอบรักแอบปิ๊งใครสักคน แต่เนื้อเรื่องก็ดำเนินไปถึงช่วยวัยกลางวัน อุปสรรคความรักต่างๆที่คู่รักสามารถพบเจอได้ ไปจนถึงวัยที่เฉียดๆ 40
หนังเรื่องนี้ทำให้เราเห็นการเปลี่ยนแปลงในช่วงวัยต่างๆ ทัศนคติและการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไปตามวัยของตัวละครและยังแอบมีข้อคิดให้เราเข้าใจอีกว่า “ชีวิตก็เป็นแบบนี้ ไม่มีอะไรแน่นอน และไม่มีอะไรอยู่กับเราไปตลอดกาล”
นี่ก็เป็นหนังรัก หรือหนังที่เกี่ยวข้องกับความรัก ที่โดยส่วนตัวบีชอบมาก และไม่ว่าจะดูกี่ครั้งก็ไม่เคยรู้สึกเบื่อเลย
และคิดว่าน่าจะเป็นหนังรักในดวงใจของใครหลายๆคน เพราะแม้ว่าตอนจบจะไม่ได้แฮ้ปปี้ ดูแล้วยิ้มจนแก้มปริไปซะหมด แต่ก็ทำให้เราได้ข้อคิดเกี่ยวกับความรัก และการใช้ชีวิตเยอะพอสมควรเลย