ทุกครั้งที่คนดูหนังเห็นตัวอย่างจากหน้าหนังในโรงภาพยนตร์แล้วเกิดความรู้สึก ‘ตัดสิน’ หรือ ‘มุมมอง’ ต่อหนังเรื่องนั้นๆ อย่างเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งก็มีหนังเยอะแยะที่เมื่อเข้าไปดูจริงๆ แล้ว อาจเสียดายเงินเพราะทีเซอร์ล่อตาล่อใจที่เราเห็นตอนนั้นคือเสน่ห์ ‘ทั้งหมด’ ของหนังทั้งเรื่องแล้ว และนั่นคือความรู้สึกแรกที่ผม ‘มอง’ The Warrior’s Gate ด้วยเครื่องหมายคำถามหลังจากดูทีเซอร์ผ่านๆ ในโรงมาครั้งสองครั้ง
The Warrior’s Gate จัดเป็นอีกหนึ่งโปรเจ็กต์หนังแอ็คชันแฟนตาซีฟอร์มใหญ่ช่วงปลายปีนี้ที่เกิดจากการจับมือกันของค่ายหนังฝั่งจีนและฝรั่งเศสมาลงทุนสร้าง โดยมีไอเดียของการที่ตัวละครหลุดเข้าไปในโลกอีกมิติหนึ่งและพิชิตภารกิจ ซึ่งเรื่องราวนั้นเริ่มต้นจาก แจ็ค บรอนด์สัน (ยูไรอาห์ เชลตัน) หนุ่มเกมเมอร์ที่อยู่ในช่วงมรสุมในชีวิต ไม่ว่าจะไปโรงเรียนหรือว่าออกไปปั่นจักรยาน BMX ที่เขาชอบก็มักจะโดนเพื่อนเขม่นเสมอ ทำให้เขาเลือกขลุกตัวอยู่กับเกมออนไลน์ พร้อมกับปัญหาที่ แอนนี่ (เซียร์นา เกลออรี่) แม่ของเขากำลังดิ้นรนอย่างหนักในการหมุนเงินมาผ่อนบ้านที่กำลังจะถูกยึด ขณะที่ แจ็ค ออกไปทำงานพิเศษกับร้านขายของเก่าของมิสเตอร์จาง จนวันหนึ่งเถ้าแก่จางก็ได้มอบไหโบราณปริศนาในร้านนี้ให้กับเขามาไว้ที่บ้าน และเจ้าไหหน้าตาประหลาดนั้น คือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวผจญภัยของหนุ่มน้อยแจ็คกับการกระโจนข้ามมิติไปยังอดีตของอาณาจักรจีน ซึ่งในไทม์ไลน์นั้นมีชนเผ่าบาร์บาเรียน ที่มีผู้นำสุดเถือนรับบทโดย เดฟ บาติสต้า อดีตนักมวยปล้ำดังของ WWE มารุกรานอาณาจักร
ตัวหนังดูง่ายไม่มีอะไรให้เราต้องตีความมาก (และอย่าไปคิดมากเรื่องความสมเหตุสมผล-ฮา) ด้วยความหนังสไตล์แอ็คชันไซไฟที่ใส่ความแฟนตาซีมาแบบจัดเต็ม แต่ส่วนหนึ่งที่ทำให้ The Warrior’s Gate ปลดล็อคคนดูให้เริ่มรู้สึก ‘อิน’ ไปกับหนังเลยคือ มุขตลกและพฤติกรรมฮาๆ ย้อนแย้งกับตัวละครจอมยุทธจีนผู้เขร่งขรึมจริงจัง (องครักษ์จ้าว-เจ้าโหย่วถิง) เจ้าหญิงซูหลิน (หนีหนี่) ผู้สูงศักดิ์ที่มีกฏเกณฑ์อยู่ว่าหากชั้นผู้น้อยสัมผัสตัวจะถูกตัดคอ หรือแม้แต่ตัวร้ายอย่าง บาติสต้า ก็ยังมีบทฮาๆ แบบลั่นโรงที่เราคาดไม่ถึง ต้องขอชมว่ามันถูกใส่มาไม่ขาดไม่เกินเลย เป็นส่วนที่ทำให้คนสลายอคติที่ติดภาพจำมาจากหนังตระกูลเดียวกันอย่าง The Forbidden Kingdom (2008) ไปได้มาก ขณะที่ในความไหลลื่นและเนียนตาของภาควิชวล เอฟเฟ็กต์ นั้นก็ทำได้โดดเด่นและดูตื่นตาตื่นใจ ซึ่งตรงนี้อาจไม่แปลกใจเท่าไหร่เพราะหนังผ่านมาตรฐานของ ลุค เบสซง มือเขียนบทที่สร้างชื่อกับ Tekken ทั้ง 3 ภาคมาแล้ว
The Warrior’s Gate ผสมผสานความต่างของวัฒนธรรมตะวันออก-ตกได้กลมกล่อมใช้ได้ ดึงตัวตนภาพลักษณ์อะไรที่เขาว่าขึ้นหิ้งหรือแตะต้องไม่ได้ มาทำให้เข้าถึงง่ายและกลายเป็นความน่ารักของตัวละคร เช่น การจับจอมยุทธ์มาเต้น B-Boy หรือจับเจ้าหญิงมาเป็นฮิปสเตอร์ ถึงตัวหนังจะมาสะดุดตรงช่วงพีคที่ค่อนข้างห้วน ลุ้นระทึกน้อยไปนิดหนึ่ง แต่ภาพรวมก็ถือว่าหากใครที่เป็นคอหนังสไตล์นี้อยู่แล้ว ก็ดูสบายๆ เพราะมันไม่มีช่วงเนือยใดๆ ให้เผลอหลับ รวมทั้ง performance ของตัวแสดงหลักทุกตัวทำได้ดีเกินคาด โดยเฉพาะ เจ้าโหย่วถิง ที่เด่นมากๆ ส่วนเด็กหนุ่ม ยูไรอาห์ เชลตัน ถือว่าเป็นหนึ่งในหนังที่บอกกับคนทั้งโลกว่า เขากำลังก้าวเข้าสู่การเปลี่ยนผ่านจากภาพนักแสดงเด็กน้อยมาเป็นหนุ่มหล่อเต็มตัว
The Warrior’s Gate เข้าฉายจริง 17 พฤศจิกายนนี้