สนุกมากกกกก จนอยากตั้งชื่อให้ Fantastic Beasts and Where to Find Them หรือชื่อไทยว่า สัตว์มหัศจรรย์และถิ่นที่อยู่ เสียใหม่ว่า Fantasy Beat and Everywhere is too fun เสียจริงเชียว
โดย แฟนทาสติกบีสต์ เป็นหนังภาคแยกในโลกเวทย์มนต์ของแฮร์รี่ พอตเตอร์ เรื่องล่าสุด เดิมทีแฟนๆ แฮร์รี่คงคุ้นชื่อหนังมาดีอยู่แล้วเพราะเป็นชื่อตำราเรียนเกี่ยวกับสัตว์ต่างๆในโลกเวทมนตร์ที่นักเรียนชั้นปี 1 ของออกวอตส์ทุกคนต้องเรียน และเฮอร์ไมโอนี่หนึ่งในตัวละครสำคัญมักยกมาอ้างอยู่บ่อยครั้งตั้งแต่นิยายเล่มแรกกันเลยทีเดียว ด้วยความที่ปรากฏบ่อยครั้ง J.K. Rowling เจ้าของนิยายแฮร์รี่จึงได้เขียนหนังสือชุดพิเศษในชื่อเดียวกันนี้ออกมาจริงๆ ในปี 2001 เพื่อมอบรายได้ 80% จากการขายให้แก่เด็กยากไร้ทั่วโลก โดยใช้นามปากกาว่า Newt Scamander ซึ่งในนิยายก็ปรากฏชื่อว่าเป็นพ่อมดที่เขียนหนังสือเล่มนี้ด้วย เหตุผลที่เจ.เค.เลือกเรื่องนี้มาเขียนก็ด้วยเพราะ มันน่าสนุก เท่านั้นเอง
และพอมาทำเป็นหนัง มันก็น่าสนุกจริงๆเสียด้วยสิ
โดยในฉบับหนังนี้ได้เล่าถึง นิวท์ สคาแมนเดอร์ (Newt Scamander) (แสดงโดยดารามากฝีมืออย่าง Eddie Redmayne ที่เพิ่งคว้าออสการ์นำชายจาก The Theory of Everything (2014) มา) พ่อมดนักเขียนหนังสือและนักสัตว์วิเศษวิทยา ผู้ออกตามหาเหล่าสัตว์หายากในโลกเวทมนตร์ต่างๆ เพื่อนำมาดูแลไม่ให้สูญพันธุ์จากการฆ่าของพวกพ่อมดแม่มด และนำสิ่งที่เขาศึกษาเกี่ยวกับธรรมชาติของพวกมันมาบันทึกเป็นตำราให้คนอ่านเข้าใจพวกมันมากขึ้น โดยนิวท์เดินทางมาถึงนิวยอร์กซึ่งเป็นเรื่องราวในหนังที่เราจะได้ชมในปี 1926 และในแฮร์รี่ระบุว่านิวท์ได้วางขายหนังสือของเขาในปี 1927 หนึ่งปีให้หลัง และกลายเป็นหนังสือขายดีสุดๆ ในโลกเวทมนตร์ จนได้รับการรับรองให้เป็นตำราเรียนของฮอกวอตส์ด้วย ซึ่งในเรื่องแฮร์รี่นั้น แฮร์รี่ได้อ่านหนังสือเรื่องนี้ตอนเข้าเรียนปีหนึ่งก็เป็นฉบับตีพิมพ์ใหม่ครั้งที่ 52 เข้าไปแล้วด้วย เรียกว่านิวท์นั้นเป็นพ่อมดคนสำคัญของโลกเวทมนตร์คนหนึ่งถึงขนาดว่าได้มีชื่ออยู่บนการ์ดกบช็อกโกแลตที่รวบรวมชื่อพ่อมดแม่มดที่มีชื่อเสียงด้วย ส่วนในฉบับหนังนั้น ชื่อของนิวท์ปรากฏครั้งแรกบนแผนที่ของมารอเดอร์ หรือแก๊งสี่สหายของพ่อแฮร์รี่ ใน Harry Potter and the Prisoner of Azkaban (2004) นั่นเองครับ เรียกว่าเป็นชื่อที่มีความสำคัญมาแต่ไหนแต่ไรแล้วนั่นล่ะ
หนังได้ David Yates ที่กุมบังเหียนหนังแฮร์รี่นับตั้งแต่ Harry Potter and the Order of the Phoenix จนถึงภาคสุดท้าย มากำกับซึ่งน่าจะเชื่อมือได้เช่นเดิม ทั้งยังได้ เจ.เค ผู้เขียนหนังสือแฮร์รี่ พอตเตอร์มาเขียนบทภาพยนตร์เองเป็นครั้งแรกของเธอด้วย ก็นับว่าน่าสนใจมากๆกับการรวมพลทีมผู้สร้างระดับนี้ ที่สำคัญวอร์เนอร์น่าจะมั่นใจในความสำเร็จของหนังมาก เพราะจากเดิมที่ เจ.เค. ได้มีข่าวว่าถูกจ้างให้เขียนบทหนังเรื่องนี้ไว้แล้วถึง 3 ภาคด้วยกัน โดยมีกำหนดฉายภาคต่อไปในปี 2018 และ 2020 ต่อมาก็ได้มีการประกาศเพิ่มจากค่ายหนังเมื่อช่วงตุลาคมที่ผ่านมานี้ว่า มันจะกลายเป็นโปรเจคที่ยาวถึง 5 ภาคด้วยกัน คงได้ดูกันยาวๆ แน่
การที่ได้ เจ.เค. มาเขียนเองนี่เป็นข้อได้เปรียบมากๆ เลยตรง หนังสามารถเชื่อมกับบางจุดในหนังแฮร์รี่ได้ทำให้แฟนๆเดิมๆ ดูหนังได้สนุกขึ้นมาก ทั้งการนำ เกลเลิร์ต กรินเดลวัลด์ (Gellert Grindelwald) มาเป็นตัวร้ายหลักของหนังชุดใหม่นี้ด้วย ใครเป็นแฟนนิยายแฮร์รี่คงคุ้นชื่อเขาดีล่ะ ว่าเป็นพ่อมดสุดชั่วร้ายในยุคก่อนหน้า โวลเดอมอร์ ทั้งยังเป็นเพื่อนรักและคู่ปรับสุดแค้นร่วมรุ่นของ อัลบัส ดัมเบิลดอร์ และเป็นผู้ครอบครองไม้กายสิทธิ์เอลเดอร์ในช่วงเวลาหนึ่งด้วย รวมถึงตัวละครต่างๆ ที่เคยปรากฏชื่อแบบผ่านในชุดหนังสือแฮร์รี่ก็ดูจะมีบทบาทสำคัญขึ้นในหนังใหม่นี้ ตรงนี้แฟนๆ ได้ว้าวมากๆ ครับ
แล้วสำหรับคนไม่ได้เป็นแฟนพันธุ์เทพล่ะ
หนังยังดูสนุกมากๆ ส่วนตัวผมชอบมากกว่าแฮร์รี่นะ ด้วยเพราะในแฮร์รี่ต้องพาผู้ชมจากมักเกิ้ลธรรมดาไปสู่โลกเวทมนตร์ ในขณะที่แฟนทาสติกบีสต์ผู้สร้างต้องคิดเยอะกว่ามากๆ เพราะมักเกิ้ลอย่างเราๆ คุ้นเคยกับโลกเวทมนตร์มาถึง 8 ภาคเต็มๆ แล้ว ผู้สร้างเลยต้องจัดความว้าวขั้นสุดให้กับโลกเดิมในมุมมองใหม่นี้แทน ทั้งสัตว์หลากดีไซน์หลายคาแรกเตอร์ ที่เชื่อเหลือเกินว่าทำเป็นสินค้าแบบโปเกมอนก็มีศักยภาพสร้างความนิยมได้ไม่แพ้กัน โดยเฉพาะเจ้าสัตว์นักสะสมเหรียญเงินที่ออกมาได้ป่วนตลอด
ด้านความบันเทิงก็มาแบบสุดๆ ด้วยมุกตลกที่มีตัวนำคู่หูพระเอกอย่าง เจค็อบ โควัลสกี้ คอยส่งมุกตบมุกให้ได้อมยิ้มตลอดเวลาทั้งเรื่อง แล้วพวกตัวละครอื่นๆ ก็มีสีสันพอกันทั้ง ควินนี่ น้องสาวสุดเซ็กซี่ของ ทิน่า นางเอกที่ในประวัติฟันธงไปเรียบร้อยว่าเธอคือคนที่แต่งงานกับนิวท์ด้วย ข้อด้อยจริงๆ ผมว่าตกไปที่พระเอกนางเอกของเรื่องมากกว่า ไม่เชิงว่าแสดงไม่ดี แต่ตัวคาแรกเตอร์นั้นออกจะไม่ชัดเจนจนดูจับต้องยากเข้าใจยากไปสักนิด ทั้งความเขินอายประหม่าที่ไม่มีที่มาที่ไปของทิน่า ซึ่งบางฉากเธอก็ดันไม่มีอาการนั้นจนยากจะบอกว่าเป็นนิสัยส่วนตัว ส่วนพระเอกก็แสดงความเนิร์ดแบบมนุษยสัมพันธ์ต่ำจนมากๆ เข้ากลายเป็นไร้เสน่ห์ไปเสียเฉยๆ แต่วางไว้แบบนี้ ก็เชื่อว่าเจ.เค.คงมีเหตุผลในใจไว้แล้วเพียงแต่ต้องรอเวลาให้เฉลยในภาคถัดๆไป แต่เอาเฉพาะภาคนี้ตรงนี้ผมให้ตกในแง่ความน่าติดตามเฉพาะตัวละครแล้วกัน
แม้หนังจะดูการ์ตูนมากๆ แฟนตาซีตื่นตาตื่นใจด้วยซีจีและดีไซน์อันน่าจดจำ แต่ในอีกด้านก็แฝงความหม่นและความน่าสนใจอันลึกลับ สไตล์เจ.เค.ไว้ด้วย ทั้งปริศนาของสิ่งที่ไล่ฆ่าชาวเมืองนิวยอร์ก ตลอดจนตัวละครหลายต่อหลายตัวที่ยังไม่แน่ชัดว่าจะเดินไปในทิศทางไหนระหว่างความดีและความชั่ว และเรื่องของการล่าแม่มดที่เป็นธีมของเรื่องก็มีความดราม่าและทำให้เนื้อเรื่องพลิกผันไปมาอย่างสนุกสนานด้วย ไม่ใช่แค่ไล่จับโปเกมอน เอ๊ยสัตว์วิเศษนะเออ ผมว่าหนังเรื่องนี้น่าจะต่อยอดแฟนๆของเจ.เค.และจักรวาลเวทมนตร์ของเธอได้เข้าถึงง่ายและกว้างขวางขึ้นด้วยครับ
สรุป
สนุกมากๆครับ ชอบมากกว่าแฮร์รี่นะ และคงตามดูจนครบ 5 ภาคแน่ๆ เป็นหนังใสๆที่ดูได้ทั้งครอบครัว แต่ก็ไม่ได้อ่อนเบาจนตื้นเขินเกินไปครับ แนะนำๆ