‘The Boys’ ซีรีส์สุดฮิตที่สตรีมมิงทาง Prime Video เป็นซีรีส์ที่เล่าเรื่องราวของวงการซูเปอร์ฮีโรที่ยังคงประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง จนทำภาคแยกออกไปหลายเรื่องแล้ว ในขณะเดียวกันหนังซูเปอร์ฮีโรที่ฉายทางโรงภาพยนตร์ระยะหลังเริ่มคว่ำต่อ ๆ กันหลายเรื่องแล้ว

ความสำเร็จของ The Boys

หนังสือการ์ตูนต้นฉบับ

‘The Boys’ดัดแปลงมาจากหนังสือการ์ตูนของ การ์ธ เอนนิส (Garth Ennis) และ ดาริก โรเบิร์ตสัน (Darick Robertson) เล่าเรื่องของมนุษย์เดินดินกลุ่มหนึ่งที่แต่ละคนต่างมีความแค้นกับเหล่าซูปส์ (Supes) หรือซูเปอร์ฮีโร แล้วรวมตัวก็เป็นศาลเตี้ยเพื่อหาทางโค่นล้มเหล่าซูปส์ บรรดาซูเปอร์ฮีโรในเรื่องนี้ ต่างทำงานให้กับ Vought International องค์กรยักใหญ่ที่หารายได้จากเหล่าซูปส์ ซึ่งสร้างภาพลักษณ์ให้เหล่าซูปส์เป็นวีรบุรุษ วีรสตรี ได้รับการสรรเสริญจากสาธารณชน แต่เขาเหล่านี้กลับมีเบื้องหลังที่สปกปรก ต่างกับภาพเบื้องหน้าอย่างลิบลับ ความยอดเยี่ยมของ ‘The Boys’ คือการเผยภาพเบื้องหลังวงการซูเปอร์ฮีโรว่าเต็มไปด้วยการคอร์รัปชันและความเห็นแก่ตัวทั้งคนธรรมดาและเหล่าซูปส์ที่แก่งแย่งชิงผลประโยชน์กัน ซีรีส์นำแสดงโดย แอนโธนี สตาร์ (Antony Starr), คาร์ล เออร์บัน (Karl Urban), เอริน มอริอาร์ตี (Erin Moriarty) และ แจ็ก เควด (Jack Quiad) เป็นซีรีส์ที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก ได้รับความนิยมจากผู้ชมอย่างล้นหลาม

ซีรีส์เปิดตัวเมื่อปี 2019 ที่มาพร้อมกับเนื้อหาที่แปลกใหม่และน่าสนใจ ทำให้ขึ้นแท่นเป็นซีรีส์ที่ดัดแปลงจากหนังสือการ์ตูนที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่ง จากข้อมูลของ Nielson ระบุว่า ‘The Boys’ อยู่ใน 15 อันดับแรกของรายการที่สตรีมมิงในปี 2022 และสะสมเวลารับชมรวมแล้วสูงถึง 10,600 ล้านนาที และเป็นซีรีส์ที่เกี่ยวกับซูเปอร์ฮีโรที่มีการสตรีมสูงที่สุดเป็นอันดับ 1 ของปี 2022

ได้รับเสียงชื่นชมในทิศทางการเล่าเรื่องที่ต่างจากแฟรนไชส์ซูเปอร์ฮีโรเรื่องอื่น ๆ ทั้งมาร์เวล และ ดีซี เสียงจากผู้ชมและนักวิจารณ์กล่าวชื่นชมซีรีส์ไปในทิศทางเดียวกันว่า ‘The Boys’ เลือกที่จะเล่าเรื่องในแง่ของความเป็นจริง ปัจจุบันซีรีส์ต่อยอดความสำเร็จด้วยการสร้างภาคแยก ‘The Boys Presents: Diabolical’ และ ‘Gen V’ ออกมาแล้ว ซึ่งเรื่องราวก็อยู่ในจักรวาลเดียวกัน ส่วนซีรีส์หลักนั้นกำลังจะสตรีมมิงซีซันที่ 4 ในปี 2024 นี้

เพราะเหตุใด คนดูถึงชอบ ‘The Boys’ กัน ?

อีริก คริปเก้ ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของ ‘The Boys’

การที่ ‘The Boys’ ประสบความสำเร็จนั้น ก็ต้องขอบคุณความสำเร็จของวงการหนังซูเปอร์ฮีโร เพราะ ‘The Boys’ เลือกที่จะทำลายรูปแบบทั้งหมดของหนังและซีรีส์ซูเปอร์ฮีโรเรื่องอื่น ๆ

‘The Boys’ สร้างโดย อีริก คริปเก้ (Eric Kripke) ดัดแปลงมาจากหนังสือการ์ตูน ที่เขียนเรื่องโดย การ์ธ เอนนิส ที่ตั้งสมมติฐานขึ้นมาว่า “ถ้าโลกเรานี้มีซูเปอร์ฮีโรขึ้นมาจริง ๆ ล่ะ ? ” แล้วคริปเก้ก็นำแนวคิดนี้ไปขยายต่ออกมาเป็นเรื่องราวว่า ซูเปอร์ฮีโรมีตัวตนจริง เป็นคนมีเนื้อหนังมังสา แล้วก็มีปัญหาของตัวเอง อีกจุดหนึ่งที่ทำให้ ‘The Boys’ ประสบความสำเร็จอย่างมาก ก็คือซีรีส์นำเสนอภาพความรุนแรงอย่างโจ่งแจ้ง ทั้งเลือด และฉากเซ็กส์ที่โจ๋งครึ่ม

การ์ธ เอนนิส ผู้เขียนเนื้อเรื่องให้กับการ์ตูน The Boys

บรรดาซูปส์ใน ‘The Boys’ ไม่ได้ผ่านการนำเสนอให้มีภาพลักษณ์ของวีรบุรุษแต่อย่างใด แต่ส่วนใหญ่กลับมีความเห็นแก่ตัว แย่งชิงตำแหน่งที่จะสร้างศรัทธาจากฝูงชน ชื่อเสียง พวกเขาต่างก็ตกอยู่ภายใต้บรรยากาศแวดล้อมเฉกเช่นกับมนุษย์ธรรมดาอย่างเรา ๆ และพวกเขาก็พยายามทุกวิถีทางที่จะรักษาชื่อเสียงและภาพลักษณ์ที่สง่างามไว้ ด้วยความที่ ‘The Boys’ตั้งใจที่จะเสียดสีหนังและซีรีส์ซูเปอร์ฮีโรเรื่องอื่น ๆ ก็เลยทำให้ผู้ชมได้เห็นแง่มุมต่าง ๆ ที่สมจริง และนับว่าเป็นซีรีส์ซูเปอร์ฮีโรที่นำเสนอในทิศทางที่แปลกและแตกต่าง และมุ่งเน้นเพื่อผู้ชมที่เป็นผู้ใหญ่เท่านั้น ตอบรับความต้องการผู้ชมที่เหมือนรอคอยซีรีส์ซูเปอร์ฮีโรแบบนี้มานานแล้ว

ดาริก โรเบิร์ตสัน ผู้เขียนภาพการ์ตูน The Boys

และเมื่อนำเสนอออกมาตรงใจผู้ชม และเข้าถึงผู้ชมในหมู่กว้างได้ บวกกับเนื้อหาในเชิงเสียดสีที่อัดมาแน่นในทุก ๆ ตอน ทำให้ ‘The Boys’ มีแฟน ๆ ที่ติดตามซีรีส์เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ในทุกซีซัน สร้างความฮือฮาอย่างมากในวงการหนังและซีรีส์ เหตุผลหนึ่งที่ ‘The Boys’ มีเนื้อหาที่ฉีกออกจากหนังและซีรีส์ซูเปอร์ฮีโรเรื่องอื่น ๆ นั่นก็เพราะว่า มันถูกดัดแปลงมาจากหนังสือการ์ตูนที่ค่อนข้างใหม่ การ์ตูนเล่มแรกเพิ่งวางแผงเมื่อตุลาคม ปี 2006 นี่เอง ต่างจากการ์ตูนมาร์เวลและดีซีที่มีอายุหลายสิบปี

นอกจากนี้ การที่การ์ตูนต้นฉบับเป็นของ Wildstorm ซึ่งเป็นสำนักพิมพ์เล็ก ๆ ก็เลยทำให้ผู้เขียนอย่าง เอ็นนิส และ โรเบิร์ตสัน มีอิสระในการทำงานมากขึ้น ส่วนคริปเก้ก็เพิ่มเติมไอเดียของตัวเองลงไปในเรื่องราวด้วย โดยเขาไม่ได้ยึดถือเนื้อหาจากการ์ตูนต้นฉบับเสียทั้งหมด แต่เลือกที่จะคงเนื้อหาในเชิงเสียดสีไว้เป็นหลัก

ทำไมหนังมาร์เวลถึงเสื่อมกระแสความนิยม ?

ในช่วงหลังมานี่ มาร์เวลประสบปัญหาพอควร หนังที่ออกมาหลายเรื่องไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่เคย หลังจากผ่านจุดสูงสุดมาแล้วกับ ‘Avengers: Endgame’ เมื่อปี 2019 ตั้งแต่นั้นมา เส้นทางของมาร์เวลก็อยู่ในขาลงมาโดยตลอด ‘The Marvels’ คือหลักฐานที่เห็นได้ชัดที่สุด หนังทำรายได้เปิดตัวไปแค่ 47 ล้านเหรียญ และกลายเป็นสถิติเปิดตัวที่ต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์ของภาพยนตร์มาร์เวล ในยุครุ่งเรืองนั้น หนังในกลุ่มซูเปอร์ฮีโรนี่ถือเป็นกลุ่มหนังที่ทรงพลังแตะต้องไม่ได้เลย แต่วันนี้มนตร์ขลังเหล่านั้นเหมือนจะเสื่อมลงไปแล้ว

อีกเรื่องหนึ่งที่กลายมาเป็นปัญหาเพิ่มให้กับมาร์เวลก็คือ เรื่องอื้อฉาวของ โจนาธาน เมเจอร์ส (Jonathan Majors) นักแสดงคนสำคัญที่มาร์เวลหมายหมั้นจะให้เป็นวายร้ายหลักในเฟสถัดมา เขารับบทเป็น Kang the Conqueror ซึ่งเปิดตัวในทีวีซีรีส์ ‘Loki’ และอีกครั้งใน ‘Ant-Man and the Wasp: Quantumania’ แต่แล้วเมเจอร์สก็โดนดำเนินคดีในข้อหาใช้ความรุนแรงในครอบครัว แม้ว่าเจ้าตัวจะยืนยันว่าตัวเองบริสุทธิ์ แต่แค่นี้ก็สร้างความเสียหายให้กับตัวเองที่มีอนาคตอันสดใสกับมาร์เวลแล้ว และถ้าศาลตัดสินออกมาว่าเขามีความผิดจริง นั่นก็ยิ่งส่งผลกระทบอย่างมากต่อมาร์เวล

ไทม์ไลน์ที่ยุ่งเหยิงของจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวล

เหตุผลถัดมาที่มีผลต่อกระแสนิยมของหนังมาร์เวล นั่นก็คือเนื้อหาโดยรวมของจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวล ในวันนี้ไม่สามารถพูดได้ว่านี่คือหนังที่ดูง่าย ๆ สบาย ๆ ได้อีกต่อไป เพราะนับถึงวันนี้ มาร์เวลได้เพิ่มตัวละครเข้ามาใหม่มากมาย บวกกับไทม์ไลน์ที่สลับซับซ้อน ทั้งหนังและซีรีส์ทุกเรื่องที่เชื่อมโยงเข้าหากัน ทำให้ผู้ชมต้องทำการบ้านก่อนชมแต่ละเรื่อง ไม่เช่นนั้นก็งงหลงทางไปเลย แต่นั่นก็เป็นเป้าหมายที่ทางมาร์เวลต้องการที่ต้องการจะให้แฟน ๆ ของมาร์เวลคงความสนใจอยู่กับเรื่องราวในจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวล แต่ก็มีผู้ชมอีกกลุ่มใหญ่ที่คาดหวังเนื้อหาที่เป็นผู้ใหญ่ขึ้นจากทางมาร์เวล แต่ผลงานที่ผ่านมาก็ไม่ตอบโจทย์นัก พอมาเจอซีรีส์โหดดุเลือดสาดอย่าง ‘The Boys’ เข้า ก็เลยรู้สึกถูกใจว่านี่คือซีรีส์ที่รอคอยมานานและตอบโจทย์ความต้องการได้ตรงใจ

จักรวาลของ ‘The Boys’ นั้น ช่างเป็นจักรวาลที่แตกต่างกับจักรวาลของมาร์เวลอย่างมาก ยิ่งจักรวาลของ ‘The Boys’ ดำมืดหยาบกร้านเท่าใด ก็ยิ่งทำให้จักรวาลของมาร์เวลกลายเป็นโลกในอุดมคติไปเลย ซูเปอร์ฮีโรของมาร์เวลทุกตัวล้วนเป็นคนดีมาตั้งแต่จิตใจ ทุกคนต่อสู้เพื่อผดุงความยุติธรรม ช่วยเหลือผู้อ่อนแอโดยไม่ต้องการสิ่งใดตอบแทน แต่อย่างไรก็ตาม ผู้ชมก็ตระหนักดีว่านี่คือเรื่องราวเชิงแฟนตาซีเพ้อฝันห่างไกลจากโลกแห่งความเป็นจริง เป็นหนังที่ดูสนุกเพลิดเพลิน แต่เรื่องราวบนจอภาพยนตร์ก็ไม่สามารถเชื่อมโยงกับผู้ชมได้อย่างลึกซึ้งจริง แต่ในทางตรงกันข้าม โลกของ ‘The Boys’ นั้นใกล้เคียงกับโลกแห่งความเป็นจริงกว่า เลยสามารถเชื่อมโยงกับผู้ชมได้ลึกซึ้งกว่า

‘The Boys’คือบทเรียนชั้นดีสำหรับมาร์เวล

ด้วยความที่มาร์เวลมีประวัติมายาวนานเกือบศตวรรษ ซูเปอร์ฮีโรของมาร์เวลก็ยังอยู่ในอันดับต้น ๆ ของรายชื่อซูเปอร์ฮีโรที่แฟน ๆ ทั่วโลกชื่นชอบ และแฟน ๆ อีกส่วนใหญ่ก็รักซูเปอร์ฮีโรเหล่านี้มาตั้งแต่ตอนเป็นหนังสือการ์ตูนและติดตามเรื่อยมาในวันที่กลายมาเป็นภาพยนตร์คนแสดง และซูเปอร์ฮีโรเหล่านี้ก็อยู่คู่กับพวกเขามาตั้งแต่วัยเด็กจนเติบโตมาเป็นผู้ใหญ่ แต่มาถึงวันนี้ เมื่อหนังมาร์เวลหลาย ๆ เรื่องในช่วงหลังเริ่มล้มเหลวในบ็อกซ์ออฟฟิศ ก็เป็นสัญญาณชี้ชัดว่ากระแสความนิยมของแฟน ๆ ที่มีต่อหนังซูเปอร์ฮีโรมาร์เวลเริ่มมีความเปลี่ยนแปลงแล้ว

ในขณะเดียวกัน ‘The Boys’ กลับได้รับกระแสความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เห็นได้ชัดว่าผู้ชมจำนวนมากเริ่มเบื่อหน่ายกับหนังซูเปอร์ฮีโรที่อยู่ในโลกอุดมคติมาแล้วยาวนาน แต่ต้องการหนังหรือซีรีส์ซูเปอร์ฮีโรที่มีเนื้อหาเป็นผู้ใหญ่จริง ๆ และมีความสมจริงมากกว่า ผู้ชมรู้สึกเชื่อมโยงกับเนื้อหาที่นำเสนอได้มากกว่าเพราะมีการหยิบยกปัญหาในโลกแห่งความเป็นจริงมานำเสนอ องค์ประกอบเหล่านี้ล่ะที่นับว่าเป็นประเด็นสำคัญที่มาร์เวลควรจะนำไปศึกษา

ในวันนี้ ‘The Boys’ ซีซัน 4 ยังอยู่ในขั้นตอนการสร้าง จึงยังไม่ประกาศวันฉาย แต่จะได้ดูกันในปี 2024 ส่วน 3 ซีซันที่ผ่านมา รวมไปถึง ‘The Boys Presents: Diabolical’ และ ‘Gen V’ สามารถรับชมได้ทาง Prime Video

ที่มา : movieweb