ช่วงปลายปีอย่างนี้เราได้เห็นหนังที่ดัดแปลงเนื้อหาจากนวนิยายล้นโรงกันเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น A Monster Call ที่หยิบมาจากวรรณกรรมเยาวชนหรือว่า Moanna แอนิเมชันที่ก็ได้รับความสนใจกันอย่างมาก รวมถึง Nocturnal Animals อีกหนึ่งภาพยนตร์ที่มาจากนวนิยายชื่อ Tony and Susan ผลงานของ ออสติน ไรต์ ในปี 1993 ซึ่งมาพร้อมกับความหมองหม่น สิ้นหวังและเย้ยหยันด้านเพศ ที่ผู้กำกับ ทอม ฟอร์ด เจตนาเลือกนำเสนอผ่าน 2 มุมมอง ในแบบของหนังซ้อนหนัง ด้วยโทนภาพฟิล์มผสมผสานกับกลิ่นอายแบบแฟชั่นนิสต้า
Nocturnal Animals เล่าเรื่องราวของ ซูซาน มอร์โรว์ (เอมี่ อดัมส์) สาวไฮโซเจ้าของธุรกิจแกลเลอรีในลอสแองเจลิส ที่อยู่มาวันหนึ่งเธอได้รับพัสดุลึกลับที่จ่าหน้าถึงเธอ โดยเป็นต้นฉบับหนังสือนวนิยายเรื่องใหม่ที่ เอ็ดเวิร์ด เชฟฟิลด์ (เจค จิลเลนฮาล) อดีตสามีของเธอ ส่งมาให้อ่านก่อนส่งตีพิมพ์ ซึ่งในนิยายเล่มนั้นมีชื่อว่า ‘Nocturnal Animals’ ที่มีข้อความอุทิศแด่ซูซาน ผู้หญิงที่เขาเคยจำกัดความว่าเป็น ‘สัตว์กลางคืน’ สะท้อนปัญหาชีวิตที่เธอนอนไม่หลับจากปัญหาเรื่องชีวิตคู่กับสามีคนปัจจุบันของเธอ
ในนวนิยายเล่มนั้น เมื่อเธอได้เริ่มเปิดอ่านก็พบว่ามันไม่ใช่นิยายธรรมดา ยิ่งได้อ่านมากเท่าไหร่เธอก็เริ่มรับรู้ได้ถึงเนื้อหาที่ความรุนแรง ทุกตัวอักษรที่ร้อยเรียงถ้อยคำสามารถสัมผัสได้ถึงด้านมืดของจิตใจ ความโหดร้ายป่าเถื่อนของมนุษย์ที่ถูกถ่ายทอดผ่านความรู้สึกเจ็บปวด ซึ่งตัวหนังก็ใช้วิธีการเล่าสลับระหว่างโลกในหนังสือนิยายเล่มนั้นและโลกแห่งความจริงที่มีซูซานเป็นตัวเดินเรื่อง
Nocturnal Animals จัดเป็น drama-thriller ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โทนหนังนัวร์ๆ หม่นๆ ตัดย้อมกับฉากหลังหรือคอสตูมที่ contrast อย่างมีรสนิยม สิ่งที่น่าสนใจเลยก็คือวิธีการเล่าแบบสลับหนังซ้อนหนังนั้น กลับยิ่งผลักดันให้เมสเซจต่างๆ มันสื่อไปถึงคนดูได้แนบเนียนและเป็นที่จดจำ ซึ่งในส่วนของการตัดภาพในแต่ละซีนรวมทั้งมุมมองภาพของหนังนั้นจัดเข้าขั้นดีเยี่ยม รู้สึกได้ถึงความดิบ ไม่ประดิษฐ์ปรุงแต่ง มีความจัดจ้าน องค์ประกอบทั้งหนังที่โดดเด่น ตั้งแต่การสร้างปม และยังแยบยลในการเลือกหยิบมาใช้จิกกัดตัวละครอย่างมีชั้นเชิง เมื่อย้อนกลับมามองความจริงที่ว่า นี่เป็นเพียงหนังเรื่องที่ 2 ของผู้กำกับ ทอม ฟอร์ด แฟชันดีไซเนอร์ดังจาก Gucci ที่ผันตัวมาจับงานด้านนี้ก็ยิ่งมั่นใจว่า นี่เป็นอีกหนึ่งผู้กำกับในวงการที่มี ลายเซ็นต์ ชัดเจนมากจนเป็นเสน่ห์ประจำตัวเขาเลย
การเดินเรื่องที่น่าสนใจก็มาพร้อมกับจังหวะจะโคนในการเล่า การนำพาให้คนดูเกิดความรู้สึกอึดอัดและกดดันมากขึ้นเรื่อยๆ โดยตัดสลับ 2 ตัวละครจากในนิยายและชีวิตจริงนั้นกำลังดิ้นรนเพื่อตามหาบางสิ่งบางอย่างที่ผิดพลาดในอดีต หนังพยายามขยี้จุดอ่อนของตัวละครอย่างต่อเนื่อง และมันทำได้ลงตัวอย่างมากเมื่อมาถึงจุดคลี่คลาย ระหว่างทางหนังยังสามารถทำให้คนดูรู้สึกสับสนและเดาทางยากขึ้นเป็นระยะ ว่าเหตุการณ์ต่างๆ นั้นเป็นเพียงมโนภาพหรือเรื่องจริง อย่างไรก็ตามต้องบอกว่า Nocturnal Animals มีความเรียล ไม่มาก ไม่น้อยเกินไป การเลือกใช้องค์ประกอบอื่นๆ หรือเทคนิคการวางภาพในการอธิบายความรู้สึกนึกคิดของตัวละครแบบมีชั้นเชิงถือเป็นอีกจุดที่ทำให้หนักมีความลุ่มลึก ดูแปลกใหม่
หลายคนเมื่อเห็นหน้าหนัง Nocturnal Animals อาจพาลคิดไปถึงพล็อตหนังเมโลดรามา ที่ฝ่ายหญิงเป็นตัวละครผู้ถูกกระทำ และมองตัวละครชายเป็นผู้ร้ายมาแก้แค้น ทวงสิ่งที่เสียไปกลับคืนตามท้องเรื่องที่เดาง่าย แต่ Nocturnal Animals มันนำเสนอตรงกันข้าม โดยเฉพาะมุมมองจิกกัดจัดๆ ต่อผู้หญิงในแบบเทาๆ ดำๆ ถูกนำเสนอในแบบ abstract ที่เปรียบเปรยผู้หญิงแพศยาไม่ต่างจากหมูสกปรก ไม่มีใครเป็นนางฟ้า ไม่มีใครคือเทวดา ไม่มีการตัดสินพิพากษาใดๆ หน้าตาฐานะทางสังคม เป็นเพียงสิ่งสมมติ ที่คนส่วนใหญ่ในชีวิตจริงติดกับดักลุ่มหลงไปกับมัน และหลงใช้ความเข้าใจแบบนั้นมาทำลายชีวิตของตัวเอง และค่านิยมเหล่านี้วนเวียนซ้ำรอยอยู่เรื่อยไป
Nocturnal Animals เข้าฉายจริง 1 ธันวาคม