ถ้าว่ากันตามตรงเท่าที่ได้ทำความรู้จักกับ A Monster Calls ผ่านทีเซอร์ มันอาจทำให้ใครหลายคนทำหน้าที่พิพากษาไปแล้วว่า ‘หนังเด็ก’ เรื่องนี้ ‘โคตรไม่มีอะไร’ เลยก็ว่าได้ ยิ่งหากคุณไม่ค่อยดูหนังสไตล์แฟนตาซีด้วยแล้วอาจไม่อยู่ในลิสต์ของหนังที่คู่ควรกับเงินในกระเป๋าของคุณเลย ซึ่งนี่เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ทีเซอร์ ‘ทำร้าย’ ตัวหนังของมันเองอย่างมาก
A Monster Calls เป็นงานหนังที่สร้างจากวรรณกรรมเยาวชน ‘A Monster Calls มหัศจรรย์เรียกอสูร’ เนื้อหาของหนังเรื่องนี้เป็นเรื่องของ ‘คอเนอร์’ (ลูอิส แม็กดูกัลล์) เด็กชายวัย 13 ปี ที่ชีวิตกำลังล้อมรอบด้วยปมและปัญหามากมาย ไม่ว่าจะโดนกลั่นแกล้งจากเพื่อนที่โรงเรียน แม่ของเขา (เฟลิซิตี้ โจนส์) ป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย ส่วนพ่อ (โทบี้ เคบเบลล์) ก็ไปแต่งงานใหม่และย้ายไปอยู่อเมริกา ทำให้คอเนอร์ต้องอยู่กับคุณยาย (ซิกอร์นีย์ วีเวอร์) ที่ตัวเขาไม่ชอบหน้าเท่าไหร่
ท่ามกลางความอึมครึมและสิ้นหวังในชีวิตนั้น คืนหนึ่งก็เกิดเหตุการณ์ประหลาดที่ทำให้เขาพบกับอสูรกายจากต้นยิวที่สูงเสียดฟ้ากว่า 40 ฟุต (ให้เสียงโดย เลียม นีสัน) ซึ่งจะปรากฏตัวทุกคืนในเวลา 12.07 น. และจะเล่านิทานคืนละเรื่องให้คอเนอร์ฟัง โดยอสูรกายตั้งเงื่อนไขว่าหากเล่านิทานครบ 3 เรื่องแล้ว คอเนอร์จะต้องเล่าเรื่องให้อสูรกายฟัง 1 เรื่อง และนับจากนั้นเหตุการณ์ที่เข้ามามากมายก็ค่อยๆ กระเทาะความคิดอ่านของหนุ่มน้อยให้เข้มแข็งขึ้นทีละน้อย โดยตัวอสูรกายนั้นเปรียบเสมือนร่างทรงของความคิดของคอเนอร์
A Monster Calls หากดูเผินๆ มันคงเดาได้ไม่ยากว่า ทางของหนังเด็กแบบนี้ก็น่าจะเดินเรื่องเน้นออกไปทางแฟนตาซี เอาชนะปมด้อยด้วยพลังงานพิเศษอะไรเทือกนั้น แต่มันค่อนข้างเซอร์ไพรส์ตรงที่ ตัวหนังเลือกสื่อเนื้อหาที่ค่อนข้างหนัก มีความรุนแรง เจือปนด้านมืดของตัวละคร และใส่เมสเซจในเชิงปรัชญาเข้ามาให้หนังมีโทนของความเป็นดรามาและลุ่มลึกมีมิติมากกว่าที่คาด บอสที่เขาต้องชนะไม่มีตัวตนอยู่จริง แต่บอสที่เขาต้องผ่านไปให้ได้คือ การรับมือกับเหตุการณ์ต่างๆ ในชีวิตที่ประดังเข้ามาหาเขาตอนนี้
ขณะเดียวกัน ลูอิส แม็กดูกัลล์ ที่รับบทเป็นหนุ่มน้อย คอเนอร์ ก็ถือว่าเป็นนักแสดงในกลุ่มทีนเอจที่น่าจับตามองอีกหนึ่งคน โดยเฉพาะบทบาทการแสดงที่ต้องเล่นเป็นเด็กเก็บกด มีปม ซุกซ่อนความโกรธและเกลียดชังอยู่ภายในนั้น ทำได้น่าชื่นชม มีศักยภาพที่จะขับเคลื่อนหนังไปได้ตลอดรอดฝั่ง ส่วนฟาก เฟลิซิตี้ โจนส์ ในบทบาทของแม่ที่ป่วยมะเร็งนั้นก็ถือว่าผลักให้หนังยกระดับตัวเองไปได้อีกมาก ส่วนตัวแล้วรู้สึกว่า แม้ในเรื่องนี้เธอจะไม่โดดเด่นมากนัก แต่สไตล์การเล่นที่ลงตัวพอดี ไม่มากไป กลับเป็นเสน่ห์และจุดที่ทำให้เรารู้สึกซาบซึ้งไปด้วยจริงๆ โดยเฉพาะในตอนจบที่ทำให้รู้สึกได้ว่าเธอนี่แหละคือเป็นตัวละครหลักที่แท้จริงของเรื่องนี้
อีกจุดหนึ่งที่ A Monster Calls ทำได้โดดเด่นคือในส่วนของเทคนิคการสร้าง โดยได้ทีมสเปเชียลเอฟเฟ็กต์ที่ผ่านงานระดับ Avatar และ Guardians of the Galaxy มาแล้ว ยิ่งทำให้เนื้องานมีคุณภาพระดับสร้างอิมแพ็ค รายละเอียดจับต้องได้ และส่วนตัวชอบวิธีการเล่าด้วยการใช้ภาพวาดสีน้ำตัดสลับกับภาพคนจริงๆ ซึ่งทำให้ปรัชญาที่อยู่ในหนังมันเข้าใจง่าย ดูสร้างสรรค์ ยิ่งตอกย้ำว่านี่ไม่ใช่หนังเด็กธรรมดา แม้ว่าอาจมีจุดสะดุดบ้างกับเป็นการเดินเรื่องในช่วงครึ่งแรกที่ค่อนข้างเนือยไปนิด และอาจทำเอาบางคนเผลอหลับกันได้ (ฮา)
A Monster Calls จัดเป็นหนังครอบครัวที่ใครดูก็เข้าถึงง่าย นี่คือหนัง coming of age ที่สอนแง่คิด และทัศนคติในเชิงบวก โดยเฉพาะวิธีการเล่าด้วยการเปรียบเปรยที่หนังสามารถหากลเม็ดต่างๆ มาเล่าให้คนดูเข้าถึงเมสเซจได้น่าทึ่ง ที่แม้ว่าชีวิตจะเจอกับเรื่องเลวร้ายแค่ไหน ทุกคนก็ต้องผ่านมันไปให้ได้ เวลาของเรามีไม่เท่ากัน ชะตาชีวิตใครชะตาชีวิตมัน นั่นคือสิ่งที่เราต้องยอมรับ ไม่มีสิ่งใดที่สูญเสียไม่ได้ ไม่มีสิ่งใดที่จะไม่พรากจากกัน และไม่มีวันสายไปที่จะลุกขึ้นมาฮึดสู้และเผชิญกับโชคชะตา สิ่งที่เราทำได้ดีที่สุดคือใช้เวลาที่มีอยู่ด้วยกันตรงนี้กับคนที่คุณรักในทุกนาทีให้คุ้มค่า เพราะมันจะไม่หวนย้อนกลับมาอีก
เมื่อหนังจบคุณอาจรู้สึกอิ่มเอม ซาบซึ้ง น้ำตาซึม แต่ในอีกมุมหนึ่งก็อาจทำให้ความเป็นเด็กในตัวของคุณพลุ่งพล่านอีกครั้ง และหันย้อนมาหยุดตั้งคำถามเล็กๆ กับชีวิตตัวเองระหว่างเดินออกมาจากโรง
A Monster Calls เข้าฉาย 1 ธันวาคมนี้