เมื่อปี 2014 วงการเกาหลีใต้กลับมาคึกคักอีกครั้ง ด้วย Miss Granny หนังแนวครอบครัวที่เปี่ยมด้วยความตลกและพล็อตแฟนตาซี ที่คุณย่าวัย 70 ปี เกิดปาฏิหาริย์ได้ย้อนวัยมาตามความฝันการเป็นนักร้องอีกครั้งในวัย 20 ปี ทั้งยังต้องแก้ไขปมปัญหาในครอบครัวตัวเอง และพัวพันกับปมรักวุ่นวายไปหมดทั้งจากหลานชายตนเองและโปรดิวเซอร์เพลงสุดหล่อ
แม้จะประสบความสำเร็จมากในประเทศ แต่หนังเกาหลีในช่วงหลังกลับทำเงินได้ไม่ดีเท่าเดิมในตลาดต่างประเทศ ค่าย CJ Entertainment ผู้ผลิต จึงริเริ่มการทำตลาดต่างประเทศแบบใหม่ โดยเปลี่ยนจากการขายหนังให้แต่ละประเทศไปฉายเอง เป็นการลงไปร่วมผลิตกับค่ายหนังในประเทศนั้นแทน ในลักษณะการรีเมคหนังเรื่องนี้เป็นเวอร์ชั่นของประเทศเหล่านั้น ซึ่งก็ได้ประเดิมกับไต้หวันเป็นที่แรกในปี 2015 โดยได้ ลู่หาน อดีตนักร้องวง EXO มาแสดงในบทหลานชาย และประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี นอกจากนั้น CJ ยังมีแผนที่จะร่วมทุนสร้างในอีก 6 ประเทศด้วย คือ เวียดนาม ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย อินเดีย เยอรมัน และประเทศไทย
สำหรับประเทศไทยค่าย CJ มาจับมือกับเจ้าพ่อโรงหนังอย่าง เมเจอร์ฯ ตั้งบริษัทใหม่ในชื่อ CJ Major Entertainmentโดยได้ ใหม่-ดาวิกา มาแสดงนำ และได้ โจอี้-อาริยะ มาทำหน้าที่กำกับ โดยใช้ชื่อภาษาอังกฤษว่า Suddenly twenty และชื่อไทยว่า 20 ใหม่ ยูเทิร์นวัยหัวใจรีเทิร์น โดยค่ายตั้งเป้ารายได้ไว้สูงถึง 150 ล้านบาทเลยทีเดียว ตรงนี้ผมหาอยู่นานว่าโจอี้ผู้กำกับที่ไม่คุ้นชื่อนี้เป็นใคร ทำไมถึงได้รับความไว้วางใจให้ทำหนังเปิดตัวที่มีเป้าสูงขนาดนี้ และพบว่าเขาคือผู้กำกับโฆษณาไฟแรงที่โตมาจาก ฟีโนมีน่า และปัจจุบันทำงานที่ พอใจ ฟิล์ม มีผลงานที่น่าจดจำอย่าง โฆษณา สสส. ชุด ดื่มแล้วขับ นับเป็นฆาตกร เชื่อว่าหลายคนคงคุ้นเคยนั่นเอง
เหล่านักแสดงนำและผู้กำกับ
หนังยังเดินตามรอยต้นฉบับแบบไม่ผิดเพี้ยน เช่นเดียวกับงานรีเมคของประเทศก่อนหน้าอย่างไต้หวัน ซึ่งเนื้อเรื่องก็โดดเด่นมากในแง่หนังครอบครัว ที่มีเรื่องของผู้สูงอายุหรือ ยายปาน เป็นจุดศูนย์กลางของเรื่อง เมื่อเธอทำให้ครอบครัวของลูกชายแสนรักมีปัญหาด้วยอุปนิสัยช่างด่าช่างติประสาคนแก่ที่สู้ชีวิตเลี้ยงลูกชายมาเพียงลำพังหลังสามีตายไปแต่ยังสาว ในขณะที่ปมในเรื่องความรักและการทำความฝันนั้นดุจะเป็นประเด็นรองเพื่อมาเสริมให้หนังมีความลื่นไหลในทั้งความโรแมนติกชวนจิ้นและความตลกมากกว่า แต่โดยเนื้อแท้มันก็ยังเป็นหนังดราม่าครอบครัวอยู่ดี ดังนั้นเราเลยไม่ได้ลุ้นอะไรนักกับบทสรุปในท้ายเรื่อง ความดีงามทั้งหมดก็คงต้องชื่นชมในรายละเอียดระหว่างทางที่ทีมสร้างดูใส่ใจอย่างดีกับความเป็นคนแก่ ทั้งท่าทาง บุคลิก ภาษา ความคิด ซึ่งต้องยอมรับความสามารถทางการแสดงของดารานำอย่าง ใหม่-ดาวิกา ด้วยว่าตั้งใจถ่ายทอดออกมาได้อย่างน่าเชื่อจริงๆว่าเธอเป็นพวกปากร้ายและเป็นพวกคนแก่จริงๆ
โปรดักชั่นถูกปรับมาเป็นงานแบบไทย ตามฉากประเทศที่ต่างไป เห็นความต่างจะชัดมากในฉากร้านถ่ายรูป ฉายารำลึก ที่เป็นต้นกำเนิดเรื่องราวต่างๆที่คงเอกลักษณ์ร้านแบบไทยจริงๆ ตรงนี้พอเราดูไปสักพักก็เห็นได้ว่าเรื่องราวจากฉบับเกาหลีไม่มีผลให้เกิดความประดักประเดิดแต่อย่างใดกับภาพแบบไทย อาจด้วยพื้นฐานความคิดในเรื่องผู้อาวุโสที่คล้ายคลึงกัน ตลอดจนความเป็นสากลของตัวเรื่องที่ปรับเข้าได้ง่ายในทุกภาษา คงต้องยกความดีความชอบไปที่ต้นฉบับ สำหรับฝั่งไทยก็คงเป็นการเดินตามรอยได้อย่างไม่หลุดและควบคุมมาตรฐานโปรดักชั่นให้สวยงามได้อย่างดี ออกจะเป็นงานที่ไม่ได้สร้างชื่อให้ผู้กำกับนักด้วยไม่ได้เปิดโอกาสมากมายให้แสดงฝีมือที่แท้จริง เช่นเดียวกับในหลายๆประเทศในโครงการนี้ที่เราจดจำค่ายกับดารานำได้มากกว่า ในที่นี้ ใหม่ ถือว่าสอบผ่านได้อย่างไม่มีปัญหา ยังต้องนับไปถึงอารอง เค้ามูลคดีที่มาเล่นบทพ่อหม้ายลูกติดที่แอบชอบนางเอกมานาน และวอ-จิราวัฒน์ในบทลูกชายของนางเอกที่แสดงได้โดดเด่นมากๆ ในขณะที่ดาราสมทบอื่นๆก็ทำได้ในระดับโอเค เสียดายแค่พี่ก้อง-สหรัถ ที่บทส่งให้เล่นน้อยไปหน่อยทั้งที่มีศักยภาพมากกว่านั้น แต่อย่างว่าว่าหนังเน้นไปที่ครอบครัวก็เลยอ่อนในเรื่องโรแมนซ์ไป ถึงกระนั้นก็มีฉากโปรยเสน่ห์ให้ได้กรี๊ดกร๊าดเหมือนกันครับ
ด้านเพลงก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งประกอบที่ขอชื่นชมในการเลือกเพลง ฉันจะฝันถึงเธอ มาทำใหม่ได้อย่างไพเราะตราตรึงมากๆ ไม่น่าเชื่อว่าเป็นน้ำเสียงของใหม่เองที่ทำออกมาได้เยี่ยมจริงๆ ในขณะเดียวกันเพลงแต่งใหม่อันเป็นไฮไลท์ของหนังกลับค่อนข้างธรรมดาจนน่าผิดหวัง แต่ถ้าดูในแง่เนื้อหาเพลงก็ถือว่าเข้ากับตัวเรื่อง แต่ก็ไม่ได้น่าจดจำเท่าเพลงแรกครับ
สรุป
ต้องบอกว่าดูสนุก เพลิน อมยิ้ม ซึ้ง ครบรสมากๆแม้หนังจะยาวร่วม 2 ชั่วโมงกันเลยทีเดียว เป็นพัฒนาการที่ดีที่หนังไทยจะเรียนรู้การเล่าเรื่องให้เป็นสากลจากเกาหลี แต่ก็หวังอยากให้มีงานที่เป็นออริจินัลของตนเองมากกว่าในอนาคต ซึ่งได้ยินว่าเป็นโครงการหนังแอ๊กชั่นที่กำลังพัฒนาอยู่ ก็คงต้องติดตามต่อไปกับค่ายน้องใหม่นี้
แต่ส่วนตัวคิดว่าเป้าหมายเดิมที่ 150 ล้านน่าจะยากเกินไป และคะแนนเพจหนังที่อวยค่อนข้างมากก็ให้เกินจริงไปสักนิด เมื่อเทียบว่ามันไม่ได้พัฒนาหนีจากต้นฉบับเดิมเลยสักนิดเดียว ต่างจากของไต้หวันที่เราจะเห็นการปรับเป็นโทนหนังรักที่ต่างไปตามแนวถนัดในหนังไต้หวันมากกว่า อย่างไรก็ตามมันเป็นหนังครอบครัวและหนังคนแก่ที่อยากให้ได้ไปชมกันมากๆครับ