รีเบ็กกา เฟอร์กูสัน (Rebecca Ferguson) นักแสดงสาวชาวสวีเดนวัย 40 ปี ที่มีผลงานการเป็นนางแบบ และงานการแสดงในโฆษณาโทรทัศน์มาตั้งแต่อายุ 13 ปี ก่อนที่เธอจะมาโด่งดังในฮอลลีวูด จากการรับบทในหนังตั้งแต่อายุ 16 ปี และเริ่มมีชื่อเสียงจากการรับบทเป็น อิลซา ฟาวสต์ (Ilsa Faust) ตั้งแต่ ‘Mission: Impossible – Rogue Nation’ (2015) และรับบทเป็น เลดีเจสสิกา (Lady Jessica) พระมารดาของเจ้าชายพอล อะเทรดีส ใน ‘Dune’ (2021)
ในช่วงนี้ เฟอร์กูสันกำลังเดินสายโปรโมตภาพยนตร์ภาคต่อ ‘Dune: Part Two’ ที่เธอกลับมารับบทเดิมอีกครั้ง ล่าสุด ในระหว่างไปให้สัมภาษณ์ในรายการพอดแคสต์ ‘Reign with Josh Smith’ เธอได้มีโอกาสเล่าเรื่องต่าง ๆ ทั้งเบื้องหลังการถ่ายทำ ‘Dune’ ทั้ง 2 ภาค เรื่องราวการทำงานในวงการบันเทิงตั้งแต่วัยเยาว์ ซึ่งเธอได้มีโอกาสเล่าประสบการณ์ที่เรียกได้ว่าจำได้ไม่มีลืมเลือน นั่นก็คือ ประสบการณ์แย่ ๆ ที่เธอเคยร่วมทำงานกับ ‘นักแสดงชายระดับแถวหน้า’ คนหนึ่ง
“ฉันเคยแสดงหนังกับนักแสดงร่วมที่โคตรจะงี่เง่าอยู่คนหนึ่ง แล้วไอ้คนงี่เง่าคนนี้ก็เกิดอาการไม่มั่นใจ แล้วก็โมโหมาก จนไม่สามารถแสดงในฉากนั้นได้ และฉันเองก็รู้สึกอึดอัดและรับไม่ไหวที่ต้องถูกเขาตะคอกใส่หน้าแล้วเขาก็จ้องตาเขม็งมาที่ฉัน และตะคอกใส่ว่า ‘นี่มึงเรียกตัวเองว่าเป็นนักแสดงอยู่เหรอเนี่ย ? นี่กูทำงานอยู่กับใครวะ แม่-เป็นเหี้-อะไรวะ ? ‘ ฉันเองได้แต่ยืนนิ่ง ๆ อยู่ตรงนั้น และฉันก็เลยต้องเดินออกไปร้องไห้ด้วยความโกรธอยู่คนเดียว”
“แล้วด้วยเพราะว่าเขาเองก็ถือว่าเป็นนักแสดงแถวหน้าในวงการ และไม่มีใครมาคอยหนุนหลังฉัน ฉันเลยอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ปลอดภัยเอาซะเลย ฉันจำได้ว่า วันถัดมา ฉันเดินเข้าไปหาคน ๆ นั้น แล้วฉันบอกเขาเลยว่า ‘คุณออกไปจากเซตเดี๋ยวนี้’ นั่นเป็นครั้งแรกที่ฉันพูดเพื่อตัวเอง ฉันจำได้ว่าฉันรู้สึกกลัวมาก ๆ ฉันมองไปที่เขาแล้วพูดอีกว่า ‘มึงออกจากเซตไปเลย เดี๋ยวฉันแสดงกับลูกเทนนิส (ใช้ CGI) แทน กูไม่อยากเห็นหน้ามึงอีก'”
“แล้วโปรดิวเซอร์ก็เดินเข้ามาหาฉัน แล้วบอกว่า ‘คุณไม่ควรทำแบบนี้กับนักแสดงแถวหน้านะ ยังไงเขาก็ต้องอยู่ในกองถ่ายต่อไป’ ฉันเลยตอกกลับว่า ‘งั้นก็ให้คน ๆ นั้นหันหลัง แล้วเดี๋ยวฉันแสดงกับด้านหลังหัวของเขาแทนก็ได้’ ฉันจำได้ว่าตอนนั้นฉันกลัวมากจริง ๆ นะคะ ตอนนี้ฉันก็ยังรู้สึกอยู่เลย เรื่องแบบนั้นมันไม่ควรจะเกิดขึ้นเลย”
“หลังจากนั้น ฉันเดินไปหาผู้กำกับและเล่าให้เขาฟังว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง เขาเลยบอกฉันว่าฉันพูดถูกแล้วล่ะ และเขาเองก็คงดูแลคนได้ไม่ทั่วถึง เขาพยายามที่จะทำให้คน ๆ นั้นดูงี่เง่าเพราะว่าเขาต้องรับบทเป็นคนที่มีอารมณ์ไม่มั่นคง คือมันก็ใช้เวลานานมากนะคะ สำหรับฉันที่จะเข้าใจในจุดนั้น แต่นับตั้งแต่นั้น ฉันก็ไม่เคยปล่อยให้ตัวเองไปถึงจุดที่กลับบ้านแล้วถามกับตัวเองว่า ‘ทำไมมันถึงเกิดเรื่องแบบนี้ ? ‘ อีกเลย”
เฟอร์กูสันเล่าต่อท้ายอีกนิดว่า ตอนนี้เธอเองรู้สึกดีขึ้นกับเหตุการณ์นั้นแล้ว และเหตุการณ์นั้นเกิดในช่วงประมาณ 10-12 ปีที่แล้ว ก่อนหน้าที่เธอจะเล่าเรื่องนี้ เธอยังตัดโจทย์นักแสดงปริศนาคนนั้นออกไปก่อนเลยว่า ไม่ใช่ทั้ง ฮิว แจ็กแมน (Hugh Jackman) ที่ร่วมงานกับเธอใน ‘The Greatest Showman’ (2017) และไม่ใช่ ทอม ครูซ (Tom Cruise) ที่เธอร่วมงานด้วยใน ‘Mission: Impossible’ 3 ภาคหลังสุด จนถึงภาคสุดท้ายใน ‘Mission: Impossible – Dead Reckoning Part One’ (2023) แน่นอน
แต่ถ้าหากวิเคราะห์แบบเร็ว ๆ หนังดัง ๆ ที่เธอร่วมแสดงในช่วง 10-12 ปีก่อนหน้า (หรือประมาณช่วงปี 2012-2014) ก็จะมีตั้งแต่ ‘Hercules’ (2014) หนังดังเรื่องแรกของเธอที่ร่วมแสดงกับ ดเวย์น จอห์นสัน (Dwayne Johnson) แค่เพียงเรื่องเดียว แต่ถ้านับรวม ‘นักแสดงชายแถวหน้า’ ระดับ A-List ที่เธอเคยร่วมงานด้วย ก็จะไล่ไปตั้งแต่ ‘Florence Foster Jenkins’ (2016) ที่เธอร่วมแสดงกับ ฮิว แกรนต์ (Hugh Grant), ‘Life’ (2017) หนังไซไฟที่เธอแสดงร่วมกับ เจค จิลเลนฮาล (Jake Gyllenhaal) และ ไรอัน เรย์โนลด์ (Ryan Reynolds) และ ‘Doctor Sleep’ (2019) หนังสยองขวัญที่เธอแสดงกับ อีวาน แม็กเกรเกอร์ (Ewan McGregor) เป็นต้น
“เพราะนั่นคือสิ่งที่เราเป็น ใช่ และเรารักในสิ่งนั้น และคน ๆ นั้น ฉันล้อเล่น ตอนนี้ทุกอย่างคงเปลี่ยนไปแล้วแหละ และคน ๆ นั้นก็คือ…” (หัวเราะ)
ที่มา: The Independent, DailyMail
***