สีสันที่น่าจดจำที่สุดของงานประกาศรางวัลออสการ์ (Academy Awards) ครั้งที่ 96 ประจำปี 2024 ที่เพิ่งผ่านพ้นไป ก็คงหนีไม่พ้นการแสดงบนเวทีของเพลงและศิลปินที่ได้เข้าชิงในสาขาเพลงประกอบดั้งเดิมยอดเยี่ยมทั้ง 5 บทเพลง โชว์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของค่ำคืนนั้น เป็นไปไม่ได้ถ้าไม่ใช่การแสดงสดในบทเพลง “I’m Just Ken” เพลงประกอบจากภาพยนตร์ ‘Barbie’ (2023) ที่งานนี้ ไรอัน กอสลิง (Ryan Gosling) ในมาดชุดสูทสี Barbie Hot Pink จัดเต็มด้วยการแสดงสุดอลังการ ขนทัพแดนเซอร์กว่า 65 ชีวิตมาร่วมโชว์
พร้อมกับเหล่าบรรดานักแสดงเจ้าของบทเคน ตั้งแต่ ซือมู่หลิว (Simu Liu), คิงสลีย์ เบน-อาดีร์ (Kingsley Ben-Adir), เอ็นคูติ กัตวา (Ncuti Gatwa) และ สก็อตต์ อีแวนส์ (Scott Evans) พร้อมเซอร์ไพรส์ด้วย สแลช (Slash) กีตาร์ฮีโรในตำนานแห่งวง Guns N’ Roses มาร่วมโซโลให้โชว์ยิ่งอลังการขึ้นไปอีก
ซึ่งบันไดสีชมพูที่กอสลิงแสดงบนเวที เป็นการสดุดีถึงฉากบันไดสีแดง ที่ มาริลิน มอนโร (Marilyn Monroe) ได้ขับร้องเพลง “Diamonds Are a Girl’s Best Friend” เอาไว้ในหนัง ‘Gentlemen Prefer Blondes’ (1953) และภายหลัง บันไดสีแดงนี้ก็ไปปรากฏในมิวสิกวิดีโอเพลง “Material Girl” ของมาดอนนา (Madonna) ด้วย
แม้ว่าเพลงนี้จะพลาดรางวัลออสการ์ไป เพราะพ่ายให้กับเพลง “What Was I Made For ? ” จากหนังเรื่องเดียวกัน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ถึงความไวรัลสุด ๆ ของเพลงนี้ตั้งแต่ที่หนังยังไม่เข้าฉาย ฮิตจนติดอันดับที่ 87 ของชาร์ต Billboard Hot 100 มียอดสตรีม 100 ล้านครั้งบน Spotify และยอดชม 3 ล้านวิวบน YouTube จนกระทั่งมีข่าวลือและเสียงเรียกร้องให้มีการโชว์เพลงนี้บนเวทีออสการ์ที่กลายมาเป็นจริงได้ในที่สุด
แต่ที่ไม่น่าเชื่อคือ เพลงสุดแมนเพลงนี้เกือบจะไม่ได้ออกมาสู่ผู้ชมแล้ว เพียงเพราะว่าผู้บริหารของสตูดิโอไม่ปลื้มกับการเห็นกอสลิงมาร้องเพลงบัลลาดในมาดทีเล่นทีจริง เหมือนจะเท่แต่ก็ดันฮาแบบนี้ ซึ่ง มาร์ก รอนสัน (Mark Ronson) โปรดิวเซอร์ชื่อดังผู้รับหน้าที่ดูแลเพลงนี้ และอีกหลายเพลงประกอบให้กับภาพยนตร์ ‘Barbie’ ได้เปิดเผยกับ The Sunday Times
ซึ่งเขาได้เริ่มต้นเล่าว่า เขาได้รับมอบหมายจากผู้กำกับ เกรตา เกอร์วิก (Greta Gerwig) ให้ช่วยเขียนเพลงประกอบ 2-3 เพลงเพื่อใช้ประกอบภาพยนตร์ เขาและโปรดิวเซอร์อีกคนอย่าง แอนดรูว์ ไวแอตต์ (Andrew Wyatt) จึงได้เขียนเพลงนี้ขึ้นมาเพื่อเล่าเรื่องในฉากที่เคนเริ่มตระหนักว่า เขาไม่มีวันที่จะเป็นเคนของบาร์บี้ ด้วยความกังวลว่า เพลงบัลลาดทรงพลังเพลงนี้มันจะไม่เข้ากันกับตัวหนัง
“ตอนนั้นผมคิดว่า ‘พระเจ้า ผมหวังว่ามันจะไม่ออกมาห่วยแตกนะ’ ตอนที่ฉายครั้งแรก มันไม่ได้ผลเลย ผมตื่นตระหนกมาก ไม่มีใครแปลอารมณ์ขัน (ในเพลง) ออกเลย แล้วเกรตาก็ต้องต่อสู้กับสตูดิโอ (ผู้บริหาร) สตูดิโอถามเธอว่าเธอต้องการเพลงนี้มากขนาดไหน แล้วเธอก็ตอบว่า ‘ต้องการทุกตารางนิ้วในร่างกายของฉันเลย’ แล้วก็เกิดการงัดข้อกันครั้งใหญ่”
รอนสันและไวแอตต์ เล่าถึงเบื้องหลังและแรงบันดาลใจในการแต่งเพลงนี้ขึ้นมา
“มันมีแรงบันดาลใจมาจากหลายอย่างครับ โดยเฉพาะเพลงอังกฤษที่สืบทอดมาจากเพลงแนวนี้ในช่วงทศวรรษ 1970 เหมือนเพลงที่ เอลตัน จอห์น (Elton John) เขียน มีความเป็นเพลงเปียโนบัลลาดที่มีความเป็นโปรเกรสซีฟร็อกยุค 80s”
“มันมีความฟูมฟายด้วยน่ะครับ เหมือนเพลง “Total Eclipse of the Heart” เป็นเพลงที่ใครบางคนใช้แสดงอารมณ์ความรู้สึกของตัวเองอย่างจริงจังจนพวกเขาสบายใจที่จะใช้พื้นที่ใหญ่ ๆ ในการทำให้แน่ใจว่าทุกคนจะรู้ว่าเขากำลังอารมณ์เสีย อะไรแบบนี้ หรือบางทีผมว่าผมอาจจะเป็นคนดราม่ามากไปหน่อย” ไวแอตต์กล่าวแบบติดตลก
รอนสันและเกอร์วิกเล่าว่า แม้เพลงนี้จะมีความตลกขบขันแฝงอยู่ แต่สิ่งที่ทั้งคู่ต้องการจากเพลงนี้คือการสื่อสิ่งที่เคนรู้สึกอยู่ภายในออกมาอย่างจริงใจ ไม่ใช่เพียงแค่เป็นเพลงตลกบันเทิงเฉย ๆ เขายังเล่าเพิ่มเติมว่า ด้วยความทีเล่นทีจริง อาจทำให้กอสลิงไม่อยากร้องเพลงนี้ แต่กอสลิงเองก็ขอร้องเพลงนี้ในหนัง และเกอร์วิกก็เข้ามาปรับปรุงซีนนี้เพื่อให้เคน และเพลงนี้ทรงพลังยิ่งขึ้น
“เขาเข้าใจถ่องแท้เลยครับว่าจะต้องทำออกมาตามแนวนี้ โดยไม่ทำให้ดูตลกหรือเป็นการล้อเลียน แต่เห็นได้ชัดเลยว่าเพลงนี้มันก็ยังมีความไร้สาระอยู่เหมือนกัน เขาเป็นคนที่น่าทึ่งมาก”
“สำหรับผม เพลงนี้มันเป็นเพลงที่ช่วยเหลือเด็กหนุ่มได้ อารมณ์ประมาณว่า ถ้าเด็ก 8 ขวบเพื่อนของผมอกหัก เขาก็จะพูดว่า ‘ไม่เป็นไรน่า ทีเคนยังเลิกกับบาร์บี้ได้เลย’ เพลงนี้ต้องการจะบอกกับคนหนุ่มว่า ไม่เป็นไรหรอกถ้าคุณจะเป็นรองซะบ้าง อินเทอร์เน็ตมันทำให้เกิดความโดดเดี่ยวกับเด็กผู้ชายในระดับหนึ่ง และแนวคิดเรื่องความสนิทสนมกันของผู้ชาย และแบ่งปันความรู้สึกของคุณออกมา มันก็นับเป็นสิ่งดี ๆ ที่เกิดขึ้นได้อย่างคาดไม่ถึง “
“เคนเป็นคนตลกนะครับ แต่แก่นหลักของเกรตาก็คือ ไม่ควรจะมีใครหัวเราะเยาะตัวละครใด ๆ เลย เราต้องทำให้รู้สึกถึงความเจ็บปวดของพวกเขา เป็นเสียงจากข้างในของผู้ชายสวมขนสัตว์สีขาวและแว่นกันแดด 2 คู่ ผมไม่ต้องการจะเขียนเพลงให้ออกมาแค่ดูตลกไร้สาระ แต่ผมต้องการให้บางสิ่งบางอย่างมันเข้าไปในใจของผู้คน”