Collider ได้รายงานว่า หลังจากที่ ‘Dune: Part Two’ ทำรายได้เกือบถึงหลัก 500 ล้านเหรียญนั้น ส่งผลให้ ทิโมธี ชาลาเมต์ (Timothée Chalamet) ทำลายสถิติที่ จอห์น ทราโวลตา (John Travolta) ทำไว้เมื่อปี 45 ปีก่อน ด้วยการเป็นนักแสดงที่มีผลงานแสดงนำในภาพยนตร์ทำเงินสูงสุด 2 เรื่อง ซึ่งฉายห่างกันไม่เกิน 8 เดือน
ทราโวลตาตอนนั้นในวัย 23 ปี ได้ทำสถิติไว้ในยุค ’70s ด้วยการแสดงนำใน ‘Saturday Night Fever’ ซึ่งเข้าฉายวันที่ 16 ธันวาคม 1977 และทำรายได้ทั่วโลกไป 237.1 ล้านเหรียญ จากทุนสร้าง 3.5 ล้านเหรียญ และนำแสดงใน ‘Grease’ ซึ่งเข้าฉายวันที่ 16 มิถุนายน 1978 และทำรายได้ทั่วโลกไป 396.3 ล้านเหรียญ จากทุนสร้าง 6 ล้านเหรียญ โดยภาพยนตร์ทั้ง 2 เรื่องนั้น ได้รับความนิยมอย่างมหาศาลและส่งให้ทราโวลตากลายเป็นนักแสดงระดับแถวหน้าของฮอลลีวูดในยุคนั้น
สำหรับชาลาเมต์นั้น ได้แสดงนำใน ‘Wonka’ (2023) ซึ่งเข้าฉายวันที่ 6 ธันวาคม 2023 และทำรายได้ทั่วโลกไป 628.5 ล้านเหรียญ จากทุนสร้าง 125 ล้านเหรียญ และแสดงนำใน ‘Dune: Part Two’ (2024) ซึ่งเข้าฉายวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2024 และกำลังทำรายได้ทั่วโลกไป 498.1 ล้านเหรียญ จากทุนสร้าง 190 ล้านเหรียญ
ในปัจจุบัน นักแสดงระดับแถวหน้าของฮอลลีวูดอย่าง ทอม ครูซ (Tom Cruise), ดเวย์น จอห์นสัน (Dwayne Johnson) และ ลีโอนาร์โด ดิแคพรีโอ (Leonardo DiCaprio) ยังคงมีผลงานระดับบล็อกบัสเตอร์ที่สามารถดึงดูดผู้ชมได้ แต่พวกเขาเหล่านั้นอายุมากกว่า 50 ปี กันแล้ว จึงทำให้เกิดคำถามว่าจะมีนักแสดงรุ่นใหม่คนใดมาแทนที่ได้
ในตอนนี้ดูเหมือนว่าชาลาเมต์ในวัย 28 ปี กำลังมีอนาคตที่ดีมากจากฝีมือการแสดง (เคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ 1 ครั้ง ในสาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม จาก ‘Call Me by Your Name’ เมื่อปี 2018) และการเลือกรับบทที่ยอดเยี่ยม โดยจากนี้ต้องติดตามกันว่าชาลาเมต์จะประสบความสำเร็จกับภาพยนตร์ระดับบล็อกบัสเตอร์ที่เป็นต้นฉบับอย่างที่นักแสดงรุ่นใหญ่หลายคนเคยประสบความสำเร็จได้หรือไม่ (‘Wonka’ และ ‘Dune: Part Two’ เป็นภาพยนตร์ในแฟรนไชส์ที่ถูกสร้างมาก่อนแล้ว)
ผลงานถัดไปของชาลาเมต์คือ ‘A Complete Unknown’ ภาพยนตร์ชีวประวัตินักร้องระดับตำนานอย่าง บ็อบ ดิลลัน (Bob Dylan) ของผู้กำกับ เจมส์ แมนโกลด์ (James Mangold) ที่กำลังถ่ายทำอยู่ในขณะนี้