อเล็กซ์ โพรแยส (Alex Proyas) ผู้กำกับ ‘The Crow’ เวอร์ชันต้นฉบับเมื่อปี 1994 ซึ่งเป็นผลงานแสดงเรื่องสุดท้ายของ แบรนดอน ลี (Brandon Lee) ในบท Eric Draven ชายที่กลับมาจากความตายเพื่อแก้แค้นคนที่ฆ่าเขาและคู่หมั้นอย่างโหดเหี้ยม ได้ออกมาเปิดอกวิจารณ์ ‘The Crow’ เวอร์ชันรีเมกล่าสุดที่นำแสดงโดย บิลล์ สการ์สการ์ด (Bill Skarsgård) ในบท Eric Draven อย่างตรงไปตรงมา
โพสแยสได้กล่าวบน Facebook โดยเริ่มด้วยการกล่าวชื่นชมทีมงานเบื้องหลังงานสร้าง และเขาไม่เคยมีความสุขเลยที่ที่ได้เห็นความคิดเห็นความคิดเชิงลบต่อผู้สร้างภาพยนตร์คนอื่นเลย
ผมไม่เคยมีความสุขเลยที่ได้เห็นมุมมองเชิงลบต่องานของผู้สร้างภาพยนตร์คนอื่นเลย และผมมั่นใจว่านักแสดงและทีมงานมีความตั้งใจดี เช่นเดียวกับตอนที่เราสร้างภาพยนตร์ ดั้งนั้นจึงเป็นเรื่องเจ็บปวดที่ผมต้องพูดถึงประเด็นนี้อีกครั้ง
ในทางกลับกัน โพรแยสได้กล่าวว่าแฟน ๆ ที่ติดตามแฟรนไชส์นี้ได้ส่งเสียงตอบรับในเชิงลบอย่างมากมาย และระบุว่า ‘The Crow’ เวอร์ชันของเขาเป็นมากกว่าแค่ภาพยนตร์ แต่เป็นการส่งสาส์นไปถึงความล้ำเลิศของ แบรนดอน ลี และการสูญเสียครั้งใหญ่นี้
'The Crow' ไม่ใช่แค่ภาพยนตร์ แบรนดอน ลี สร้างภาพยนตร์เรื่องนี้จนถึงวันที่เขาเสียชีวิต ซึ่งภาพยนตร์ถ่ายทำจนเสร็จเพื่อพิสูจน์ให้เห็นถึงความฉลาดล้ำของลีที่ต้องสูญหายไป และเป็นการสูญเสียอันน่าเศร้าอย่างที่สุด ภาพยนตร์เรื่องนี้จึงเป็นมรดกของเขา และมันควรเป็นเช่นนั้นเสมอไป
นับตั้งแต่สตูดิโอได้เปิดเผยภาพของ ‘The Crow’ เวอร์ชันรีเมกอย่างเป็นทางการ ได้ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโลกออกไลน์อย่างหลากหลาย โดยหลายคนคิดว่าภาพลักษณ์ของสการ์สการ์ดนั้นไม่ซื่อตรงต่อภาพยนตร์ต้นฉบับ มีความเป็นการ์ตูนมากเกินไป และเป็นการดูหมิ่นต่อมรดกทางภาพยนตร์ที่ลีทิ้งไว้ให้ ซึ่งหนึ่งในคนที่แสดงความคิดเห็นในแง่ลบต่อเวอร์ชันรีเมกนี้มาโดยตลอดคือโพรแยสนั่นเอง
แต่เมื่อสตูดิโอได้ปล่อยตัวอย่างอย่างเป็นทางการ กระแสคำวิจารณ์ที่ตึงเครียดเริ่มเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้นเล็กน้อย โดยยังคงมีฝ่ายที่ชื่นชมเวอร์ชันต้นฉบับของลีมากกว่า ในขณะที่บางส่วนชื่นชมสิ่งใหม่ที่ใส่มาในเวอร์ชันรีเมก
‘The Crow’ เวอร์ชันรีเมกนี้ เป็นผลงานกำกับของ รูเพิร์ต แซนเดอร์ส (Rupert Sanders) จาก ‘Snow White and the Huntsman’ (2012) และ ‘Ghost in the Shell’ (2017) จากบทที่ได้ เจมส์ โอบาร์ (James O’Barr) ผู้เขียนคอมิก ‘The Crow’ ต้นฉบับเมื่อปี 1989 มาร่วมเขียนบทด้วย โดยมีกำหนดฉายในวันที่ 7 มิถุนายน 2024 นี้