โลลา กลอดินี (Lola Glaudini) นักแสดงหญิงชาวอเมริกันวัย 52 ปี ที่ส่วนใหญ่จะคุ้นหน้าเธอผ่านการแสดงในซีรีส์ อาทิ ‘ER’ (2005), ‘Criminal Minds’ (2005–2006) และปรากฏตัวในซีรีส์ ‘Agents of S.H.I.E.L.D.’ (2016-2018) ของ Marvel ซึ่งก่อนหน้านี้ เธอเคยมีผลงานการแสดงหนังมาบ้างแต่ไม่ได้มีชื่อเสียงเท่า
หนังระดับสตูดิโอเรื่องแรกที่เธอได้ร่วมแสดงก็คือ การรับบทเล็ก ๆ เป็นตัวละครสมทบที่มีชื่อตามเครดิตว่า ราดา (Rada) ในหนังอาชญากรรมชีวประวัติเรื่อง ‘Blow’ (2001) ที่อิงจากชีวประวัติของ จอร์จ จุง (George Jung) พ่อค้ายาเสพติดที่รู้จักกันในฉายา ราชาโคเคนของอเมริกันยุค 70s ที่มีเครือข่ายเกี่ยวข้องกับ พาโบล เอสโคบาร์ (Pablo Escobar) โดยได้จอห์นนี เดปป์ (Johnny Depp) มารับบทเป็น จอร์จ จุง และ เพเนโลเป ครูซ (Penélope Cruz) มารับบทเป็นคนรักของเขา
แต่แม้ว่านั่นจะเป็นการร่วมงานหนังใหญ่ครั้งแรก แต่เธอกลับต้องเจอกับประสบการณ์ที่ไม่ค่อยจะดีนัก เธอได้ให้สัมภาษณ์ในรายการพอดแคสต์ ‘Powerful Truth Angels’ ที่มีการอัปโหลดเมื่อวันที่ 30 มกราคมที่ผ่านมา โดยเธอได้เล่าประสบการณ์อันโหดร้ายที่เธอเคยถูกนักแสดงชื่อดังกราดคำตำหนิใส่เธออย่างรุนแรงกลางกองถ่าย
กลอดินีเล่าว่า ในวันนั้นซึ่งเป็นวันแรกที่เธอได้เข้ากองถ่ายร่วมกับเดปป์ เท็ด เดมม์ (Ted Demme) ในซีนหนึ่ง ผู้กำกับได้สั่งให้เธอระเบิดหัวเราะเสียงดัง หลังจากที่เดปป์พูดไดอะล็อกของตัวเอง จนกระทั่งเมื่อเธอระเบิดเสียงหัวเราะ หลังจากเดปป์พูดไดอะล็อกจนจบตามคิวเหมือนกับที่เธอทำในเทคก่อนหน้า แต่หลังจากผู้กำกับสั่งคัต เดปป์กลับเดินปรี่ตรงเข้ามาหา แล้วใช้นิ้วชี้ไปที่ใบหน้าของเธอ ก่อนจะถล่มคำด่าตำหนิรุนแรงใส่เป็นชุด
“พอเดปป์พูดประโยคของเขา ฉันก็เลยหัวเราะ (ทำท่าหัวเราะ) ต่อ แล้วเดปป์ก็เดินเข้ามาหาฉัน ฉันสวมชุดบิกินีนั่งอยู่บนพื้น แล้วเขาก็พูดว่า มึ-คิดว่ามึ-เป็นใครวะ ? มึ-คิดว่ามึ-เป็นใคร มึ-หุบปากซะ กูอยู่ข้างนอกนั่น แล้วกูจะพยายามพูดประโยคของกู แล้วมึ-ก็มาทำลายสมาธิกูอีก มึ-นี่แม่-โง่ฉิบหา- โอ้ ตอนนี้… ตอนนี้มึ-ไม่ตลกแล้วหรือไง ? ทีงี้มึ-ทำเป็นหุบปากเงียบเหรอ ? งั้นมึ-ก็หุบปากไปเลย หุบปากเงียบแบบที่มึ-หุบตอนนี้เนี่ยแหละ นี่แหละที่จะทำให้มึ-ได้อยู่ต่อ”
“มันเป็นการเข้ากองวันแรกของฉันเลย ฉันยังไม่เคยเจอเขามาก่อน นี่เป็นหนังสตูดิโอเรื่องแรกของฉัน เพราะก่อนหน้าฉันเล่นแต่หนังอินดี้ และฉันก็มีดาราที่บูชาเป็นไอดอลซึ่งฉันเองก็ตื่นเต้นที่จะได้ร่วมงานด้วย แต่เขากลับตำหนิใส่หน้าฉัน สิ่งเดียวที่เข้ามาในหัวของฉันตอนนั้นก็คือ ‘อย่าร้องไห้นะ อย่าร้องไห้ อย่าร้องไห้'”
กลอดินีเล่าต่อไปอีกว่า ผู้กำกับไม่ได้เข้ามาพูดอะไรกับเธอเลยแม้แต่ครั้งเดียว และเธอยังกล่าวอ้างว่า ตลอด 5-6 ชั่วโมงในกองถ่ายหลังจากนั้นก็แทบไม่มีใครเข้ามาพูดคุยกับเธออีก “พอถึงเวลาเลิกกอง ฉันก็เหมือนกับคนนอกคอก ไม่มีใครอยากจะเข้ามาคุยกับฉัน เพราะฉันเป็นอีด–ที่ถูกเขาด่า”
เธอกลับไปพักที่รถเทรลเลอร์สำหรับแต่งหน้าและร้องไห้ จากนั้นเธอได้มีโอกาสเล่าเรื่องนี้ให้พ่อของเธอฟัง พ่อได้บอกกับเธอว่า ตัวเธอเองสามารถที่จะถอนตัวแล้วเดินจากไป หรือไม่ก็อยู่ต่อ โดยพยายามอย่าทำให้ใคร ๆ เห็นว่าเธอกำลังรู้สึกกดดัน เธอตัดสินใจเลือกอย่างหลัง
เธอกลับไปเผชิญหน้ากับดาราดังในกองถ่ายอีกครั้ง เธออ้างว่าเดปป์ได้เข้ามาพูดคุยในแบบที่เธอเรียกว่าเป็นการ ‘ขอโทษแบบไม่ขอโทษ’ ว่า “คุณรู้ไหม ก่อนหน้านี้ผมคงคิดมากแล้วก็อยู่กับตัวละครมากไปหน่อย ผมกำลังหัดพูดสำเนียงบอสตัน แล้วมันก็แม่-โคตรจะห่วยเลย ผมก็เลยเครียดนิดหน่อยน่ะ ผมแค่อยากให้แน่ใจว่าพวกเราสบายดีและทุกอย่างโอเค'”
เธอเล่าว่า เธอตอบกลับคำพูดของเดปป์ไปแบบ ‘ไม่ให้คนอื่นดูออกว่ารู้สึกกดดัน’ ว่า “ตอนนั้นฉันแค่มองตาเขา แล้วฉันก็ตอบว่า ‘ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคุณกำลังพูดเรื่องอะไรอยู่’ แน่นอนว่าฉันสบายดีอยู่แล้ว เพราะฉันก็พยายามจะไม่ให้เขารู้สึกว่าฉันกดดัน เหมือนที่พ่อของฉันบอกไว้”
ภายหลังจากที่กระแสข่าวนี้ออกไป ทางตัวแทนของเดปป์ได้ออกมาเปิดเผยเกี่ยวกับการกล่าวอ้างดังกล่าวของอดีตนักแสดงร่วมกับ Variety ว่า “จอห์นนีให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ในการทำงานที่ดีกับนักแสดงและทีมงานอยู่เสมอ และการเล่าเรื่องนี้ มีความแตกต่างอย่างมากจากความทรงจำของสมาชิกทีมงานคนอื่น ๆ ในกองถ่ายในขณะนั้น”
ในแถลงการณ์ดังกล่าว ตัวแทนของเดปป์ได้กล่าอ้างถึงคำพูดของ แซม ซาร์การ์ (Sam Sarkar) ทีมงานช่างเทคนิคด้านเสียงในภาพยนตร์เรื่องนี้ และเคยร่วมงานกับเดปป์ในหนังเรื่องอื่น ๆ อาทิ ‘Fear and Loathing in Las Vegas’ (1998) และ ‘Chocolat’ (2000) รวมทั้งซาร์การ์ยังรับหน้าที่เป็นโปรดิวเซอร์ร่วมกับเดปป์ในหนังดราม่าชีวประวัติ ‘Minamata’ (2020) โดยคำแถลงการณ์ได้กล่าวอ้างถึงคำพูดของเขาเกี่ยวกับกรณีนี้ว่า
“ในฐานะคนที่มีสติ คุณจะต้องฟังสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ในกองถ่ายตลอดเวลา ฟังทั้งเสียงรบกวนและเสียงพูดคุย โดยเฉพาะอย่างยิ่งผมจะต้องฟังเสียงของจอห์นนีเพื่อตรวจสอบสัญญาณรบกวน ทั้งระหว่างซ้อมและตอนถ่ายจริง ซึ่งผมไม่เคยได้ยินอะไรแบบนั้นมาก่อนเลย และนั่นก็คงจะเป็นเหตุการณ์ที่น่าประหลาดมาก”
โดยในตอนนี้ยังไม่มีตัวแทนของกลอดินีออกมาแถลงในกรณีดังกล่าว