Variety ได้รายงานว่า ทิโมธี ชาลาเมต์ (Timothée Chalamet) นักแสดงหนุ่มวัย 28 ปี ที่ประสบความสำเร็จมากในปีนี้กับ ‘Dune: Part Two’ และ ‘Wonka’ ได้เซ็นสัญญาแบบ First-Look ระยะเวลาหลายปีร่วมกับ Warner Bros. เพื่อนำแสดงและร่วมสร้างโปรเจกต์ต่าง ๆ ของสตูดิโอ
นี่เป็นสัญญาในลักษณะเดียวกับที่นักแสดงแถวหน้าของฮอลลีวูดอย่าง ทอม ครูซ (Tom Cruise) ได้เซ็นกับ Warner Bros. ไปก่อนหน้านี้ไม่นาน ซึ่งเป็นสัญญาแบบไม่ผูกมัดที่ทำให้ Warner Bros. ได้สิทธิในการพิจารณาโปรเจกต์ใหม่ที่น่าสนใจให้แก่ชาลาเมต์ก่อนสตูดิโออื่น แต่ในขณะเดียวกันชาลาเมต์เองก็ยังสามารถร่วมงานกับสตูดิโออื่นได้เช่นกัน
หลังจากได้ร่วมลงนามสัญญาดังกล่าว ชาลาเมต์พร้อมด้วย ไมเคิล เดลูก้า (Michael DeLuca) และ พาเมลา แอบดี้ (Pam Abdy) ผู้บริหารระดับสูงของ Warner Bros. Motion Picture Group ได้เปิดเผยความรู้สึกต่อสัญญาใหม่ฉบับนี้
ชาลาเมต์ได้กล่าวว่า
การได้ร่วมงานกับ ไมเคิล เดลูก้า และ พาเมลา แอบดี้ ใน 'Wonka' และ 'Dune' ตลอดช่วงเวลา 2 – 3 ปีที่ผ่านมานี้ เป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยม และเปรียบเหมือนกับผมได้รางวัลใหญ่ พวกเขาเป็นผู้นำสตูโอที่เชื่อในการสร้างภาพยนตร์จริง ๆ และผมรู้สึกยินดีมากที่พวกเขาสนับสนุนผมทั้งในฐานะนักแสดง, ผู้อำนวยการสร้าง และผู้ร่วมงาน นี่จะเป็นความสัมพันธ์ที่ส่งเสริมให้เกิดความก้าวหน้าอย่างแท้จริง เรามาลุยกันเลยครับ!
ทางด้านเดลูก้าและแอบดี้ได้กล่าวว่า
เราตื่นเต้นมากที่ชาลาเมต์ได้เลือกสตูดิโอของเราเป็นบ้านในการสร้างสรรค์ผลงานของเขา เราชื่นชมทิโมธีอย่างมากในช่วง 2 – 3 ปีที่ผ่านมานี้ ไม่ใช่เพียงแค่ความมุ่งมั่น แต่ยังรวมไปถึงทักษะความสามารถของเขาด้วย ซึ่งประจักษ์ให้เห็นจากการที่เขามอบการแสดงที่เข้าถึงบทบาทอย่างลึกซึ้ง, หลากหลาย และทุ่มเทในทุกโปรเจกต์ที่เขาทำร่วมกับ Warner Bros. และสตูดิโออื่น ๆ อย่างเต็มที่ 100% การได้ร่วมงานกับเขาใน 'Dune' และ 'Wonka' เป็นสิ่งที่เราชื่นชอบเป็นอย่างมาก และทุกอย่างได้สะท้อนออกมาในผลงานเหล่านั้นแล้ว
ชาลาเมต์เป็นรู้จักในวงกว้างจากการแสดงนำและได้เข้าชิงรางวัลออสการ์จาก ‘Call Me by Your Name’ (2017) ของผู้กำกับ ลูกา กวาดาญีโน (Luca Guadagnino) ตามมาด้วย ‘Lady Bird’ (2017) และ ‘Little Women’ (2019) ของผู้กำกับ เกรต้า เกอร์วิค (Greta Gerwig) ก่อนจะได้แสดงนำใน ‘Dune’ (2021), ‘Wonka’ (2023) และ ‘Dune: Part Two’ (2024) ของ Warner Bros.
‘Wonka’ และ ‘Dune: Part Two’ นั้น ได้ส่งให้ชาลาเมต์กลายเป็นนักแสดงคนแรกนับ 45 ปี ที่ได้แสดงนำในภาพยนตร์ทำเงินสูงสุด 2 เรื่องติดต่อกัน (ในช่วงระยะห่างไม่เกิน 8 เดือน) นับตั้งแต่ จอห์น ทราโวลตา (John Travolta) ทำไว้ใน ‘Saturday Night Fever’ (1977) และ ‘Grease’ (1978)
ผลงานถัดไปของชาลาเมต์ คือ การรับบทเป็น บ็อบ ดิลลัน (Bob Dylan) นักร้องนักแต่งเพลงโฟล์กระดับตำนานใน ‘A Complete Unknown’ ของผู้กำกับ เจมส์ แมนโกลด์ (James Mangold) จาก ‘Walk the Line’ (2005) และ ‘Ford v Ferrari’ (2019) ที่กำลังถ่ายทำอยู่ในขณะนี้ และการเตรียมความพร้อมในโปรเจกต์ ‘Dune: Messiah’ ในอนาคต