[รีวิว] หลานม่า – ท่วงทำนองของเรื่องราวที่มีทุกบ้าน หนักหน่วง แต่สวยงาม
Our score
9.1

Release Date

04/04/2024

แนว

ดราม่า/คอเมดี้/ครอบครัว

ความยาว

125 นาที

เรตผู้ชม

ทั่วไป

ผู้กำกับ

พัฒน์ บุญนิธิพัฒน์

Our score
9.1

[รีวิว] หลานม่า – ท่วงทำนองของเรื่องราวที่มีทุกบ้าน หนักหน่วง แต่สวยงาม

จุดเด่น

  1. ตัวหนังพูดถึงประเด็นร่วมของคนทุกคน ก็คือครอบครัว นั่นทำให้หนังสามารถจูนติดแทบทุกคน
  2. นักแสดงน้อย แต่สามารถเฉลี่ยบทได้ดี ทุกคนมีแอร์ไทม์เป็นของตัวเอง
  3. บิวกิ้นช่วยทำให้มวลของหนังมีแต่ความสุข และความสวยงามมากขึ้น
  4. เพลงประกอบของหนังที่ชวนให้เราอยากฟังต่อจนจบเครดิต
  5. หนังอยู่ในจุดที่ 'ทำถึง' ไม่ได้มีเซอร์ไพรส์ แต่ตอบโจทย์ในทุกแง่มุมที่คนดูต้องการ
  6. หากใครเบื่อหนัง GDH ในระยะหลัง หลานม่าจะกอบกู้ศรัทธาของค่ายนี้กลับมา
  7. หลานม่าน่าจะทริกเกอร์กับใจหลายคนพอสมควร และเราเชื่อว่ามันจะอยู่ในใจของคนดูอีกนาน

จุดสังเกต

  1. คนที่อ่อนไหว หริอทริกเกอร์กับเรื่องการสูญเสียญาติผู้ใหญ่คนใกล้ชิด อาจต้องดูอย่างมีวิจารณญาณ เพราะหนังมีที่จุดทริกเกอร์กับใจคนพอสมควร
  2. ใครที่โตมากับผู้สูงอายุ โดยเฉพาะคุณตา คุณยายนั้น อาจจะทำให้เรามูฟออนไม่ได้ไปหลายวัน
  3. เป็นรสชาติที่ไม่ค่อยได้เห็นในหนัง GDH เท่าไหร่ แม้จะเป็นรสชาติที่ไม่คุ้น แต่ทุกคนก็ควรลองดูสักครั้ง
  • คุณภาพด้านการแสดง

    9.5

  • คุณภาพโปรดักชัน

    8.0

  • คุณภาพของบทภาพยนตร์

    7.9

  • ความบันเทิง

    10.0

  • ความคุ้มค่าเวลาในการรับชม

    10.0

คนที่กลับบ้านไปเมื่อไหร่ก็เจอ อาจไม่ได้อยู่ตรงนั้นเสมอไป

สนับสนุนโดย

หนึ่งในคำโปรยจากโปสเตอร์หนัง ‘หลานม่า’  ที่พูดถึงธีมหลักอย่างครอบครัว ซึ่งเป็นคำโปรยที่บอกเล่าเนื้อหาของภาพยนตร์ ว่าเราสามารถคาดหวังอะไรได้จากหนังเรื่องนี้บ้าง และต้องบอกว่ามันต้องลุ้นอะไรให้มาก เพราะหนัง ‘ทำถึง’ ได้สมกับคำโปรยที่ใส่ไว้

ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เรียกได้ว่าเป็นปีที่ค่ายหนังอารมณ์ดี GDH ค่อนข้างเจอกระแสแง่ลบอยู่บ่อยครั้ง เพราะคนดูมักจะพูดถึงการที่ GDH มักจะเริ่มตัน ๆ และพยายามพาตัวเองไปเจาะกลุ่มวัยรุ่นเกินไป จนหลายครั้ง คนดูกลุ่มอื่นก็เข้าไม่ถึงหนังเหล่านั้น แม้ว่าหนังในช่วงหลังจะมีเมสเซจดี ๆ ที่ซ่อนไว้ แต่ก็ยังถือว่าโดนค่อนขอดจากกลุ่มคนดูอยู่ตลอด

ดังนั้นแล้ว ‘หลานม่า’ จึงเป็นการที่ GDH เลือกเปลี่ยนเวย์กลับมาโฟกัสกับกลุ่มเป้าหมายที่กว้างขึ้น ก็คือกลุ่มครอบครัว ซึ่งนับเป็นแนวทางที่พวกเขาถนัดตั้งแต่ยังชื่อ GTH

เนื้อหาของหนังเล่าถึงเอ็ม (บิวกิ้น – พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล) เด็กหนุ่มที่ชีวิตไม่เอาอ่าว วันหนึ่งเขาพบว่าลูกพี่ลูกน้องของตนอย่างมุ่ย (ตู-ต้นตะวัน ตันติเวชกุล) ได้รับมรดกก้อนใหญ่เป็นบ้านราคาสิบล้านบาทจากอากง นั่นทำให้เอ็มจึงคิดแผนการได้ว่า เขาเองก็จะกลับไปดูแลอาม่า (อุษา เสมคำ) ของตนเพื่อหวังได้มรดกก้อนโตบ้าง แต่เรื่องกลับไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะอาม่านั้นเป็นคนที่เรียกได้ว่าดื้อรั้น และไม่ฟังใคร นั่นทำให้เอ็มต้องพยายามทลายกำแพงที่อาม่าตั้งไว้ เพื่อให้ตนได้กลายเป็นที่หนึ่งของใจอาม่าในช่วงบั้นปลายชีวิต

หลานม่าเรียกได้ว่าเป็นการกำกับภาพยนตร์เรื่องแรกของพัฒน์ บุญนิธิพัฒน์ ภายใต้ชายคา GDH โดยเขาเคยฝากผลงานอันโดดเด่นไว้ในซีรีส์ Project S The Series ตอน SOS skate ซึม ซ่าส์ และฉลาดเกมโกง Bad Genius: The Series ซึ่งแต่ละเรื่องก็มักเป็นเรื่องราวของวัยรุ่นที่อุดมไปด้วยดราม่าครอบครัว อันเป็นเสมือนสนามซ้อมของการทำหนังครอบครัว ก่อนที่พัฒน์จะมาลงสนามจริงด้วยหนังเรื่องหลานม่า

เฮียรู้ป่ะ ว่าสิ่งที่คนแก่ต้องการ แต่ไม่มีลูกหลานคนไหนให้ได้คืออะไร ‘เวลา’ เว้ยเฮีย

หลังสิ้นประโยคของมุ่ยในตอนต้นเรื่อง หนังก็เหมือนสับสวิตช์เดินหน้าเข้าหาความสนุกอย่างรวดเร็ว นั่นทำให้ครึ่งแรกของเรื่องหนังหลานม่าจะมีมวลอารมณ์ที่ผสมไปด้วยความเป็นโรแมนติ-คอเมดี้อยู่สูง ทว่าสิ่งที่เรากำลังดูคือไม่ใช่หนุ่มสาวจีบกัน แต่เป็นหลานชายหัวดื้อที่กำลังตามจีบอาม่าปากแข็ง ด้วยจุดประสงค์แอบแฝง แม้เรารู้จะว่าสิ่งที่เอ็มกำลังทำนั้นผิด แต่ก็อดไม่ได้ที่จะเอาใจช่วยให้เอ็มได้กลายเป็นหลานรักของอาม่า

การค่อย ๆ หยอดปม ปัญหา และสร้างสะพานของความสัมพันธ์ ทำให้พัฒนาของตัวละครนั้นขับเคลื่อนไปในแง่บวก เราจะได้เห็นว่าพวกเขาทุกคนล้วนมีปัญหา มีความผิดบาปในใจ ทว่าในตอนท้ายทุกคนก็ได้รับผลของการกระทำนั้น จนได้เรียนรู้ และมองข้ามความผิดของอีกฝ่าย ซึ่งนับเป็นการวางยาอันชาญฉลาดของพัฒน์ บุญนิธิพัฒน์ เพราะหนังพาเราไต่กราฟไปจนถึงจุดที่อบอวลด้วยความสุข แม้กระทั่งฉากเรียกน้ำตา ที่เราไม่ได้ร้องไห้เพราะความเศร้า แต่กลับร้องไห้เพราะความปีติ และอิ่มเอม ซึ่งการที่หนังอบอวลไปด้วยมวลความสุขตลอดเรื่องนี่แหละ นับเป็นอีกหนึ่งความสวยงามของหลานม่าที่เรียกได้ว่าทัชใจคนดูแทบทุกคน

สิ่งหนึ่งที่ต้องชมเลยคือบทเอ็ม เพราะบิวกิ้นสามารถบาลานซ์น้ำหนักของตัวละครเอ็มได้ดีมาก มีทั้งความยียวนกวนโอ๊ย และน่ารักน่าชังในเวลาเดียวกัน ทว่าความยากคือหากนักแสดงบาลานซ์อารมณ์ของตัวละครเอ็มได้ไม่ดี เอ็มจะเป็นหนึ่งในตัวละครที่คนดูเกลียดสุด ๆ อันเนื่องมาจากการกระทำของเขา ทว่าจุดนี้ถือว่าบิวกิ้นได้ดีทีเดียว เพราะมิติตัวละครที่เขาสร้างมาสามารถแบกเรื่องไว้ได้อยู่หมัด

ในฝั่งของอาม่าที่นำแสดงโดยอุษา เสมคำ แม้ว่าท่านจะเป็นนักแสดงหน้าใหม่ แต่ก็ถือว่าสอบผ่านสำหรับการแสดงเรื่องแรก ซึ่งการที่เราเห็นคุณอุษาในหนังเรื่องนี้เป็นครั้งแรก ยิ่งทำให้เราเชื่อในตัวละครสนิทได้ใจมากกว่าเดิม จนในเวลา 2 ชั่วโมงนี้เธอกลายเป็นเสมือนญาติผู้ใหญ่อีกคนของคนดูโดยไม่รู้ตัว

นอกจากครอบครัวของเอ็มแล้ว อีกหนึ่งตัวละครที่เราชอบเป็นการส่วนตัวคือมุ่ย ลูกพี่ลูกน้องที่เป็นต้นตอให้เอ็มเริ่มกลับมาหาอาม่า ถึงแม้ว่ามุ่ยจะเป็นตัวละครที่แอร์ไทม์น้อย แต่ทุกฉากที่เธอออกมาก็แสดงให้เห็นถึงความฉลาด เจ้าเล่ห์ น่ารัก เพราะแม้ว่ามุ่ยจะเป็นตัวละครที่เทา ๆ แต่บทก็ทำให้เห็นถึงด้านที่ดีของตัวละครนี้ ยิ่งการได้ตูมาแสดง ก็ทำให้ทุกฉากที่มุ่ยออกมานั้นสะกดสายตาทุกจุด เรียกได้ว่าสมทบในจุดที่พอเหมาะเป็นอย่างมาก

หากใครรู้สึกว่าหนัง GDH ในช่วงหลังนั้นมีจังหวะค่อนข้างเร็ว เน้นความคอเมดี้เข้าสู้อย่างเดียว หลานม่าอาจจะถือว่าตอบโจทย์เลยล่ะ เพราะหนังมีจังหวะที่ช้า และให้อารมณ์คนดูได้ Take Time กับบรรยากาศที่เกิดขึ้น ซึ่งการใช้เสียงเปียโนมาประกอบแทนบทพูด ทำให้แต่ละฉากที่ผ่านไป เสมือนภาพมิวสิกวิดีโอที่สวยงาม 

ถ้าให้อธิบายว่าหนังหลานม่าจะมีมู้ดคล้าย ๆ กับหนังประเภทไหน เราคงพูดได้ว่าหนังเรื่องนี้มีความคล้ายกับหนังรักญี่ปุ่น เพราะการใช้ความดราม่ามาผสมคอเมดี้ ค่อย ๆ ไล่จังหวะทางอารมณ์ที่สูง เพื่อปูไปสู่ไคลแมกซ์ของพระ-นางที่กระแทกน้ำตาร่วงนั้น นับเป็นอีกหนึ่งรสชาติที่น่าจับตามองของ GDH เลยทีเดียว

ด้วยความที่หลานม่าเป็นหนังที่ตลบอบอวลด้วยมวลความสุข ต่อให้คนที่ไม่ได้มีเชื้อสายจีนก็สามารถอินกับเรื่องราวนี้ได้ เพราะหนังพูดถึงประเด็นร่วมของมนุษย์ทุกคนอย่าง ‘ครอบครัว’ และผู้สูงอายุก็เป็นกลุ่มที่คนไทยเราเติบโตมาด้วยกัน ฉะนั้นแล้วหนังจึงทำงานกับคนดูมหาศาล เรียกได้ว่ามาในจังหวะที่ถูกต้อง เพราะทำให้เราได้ระลึกถึงคนที่จากไป และอยากกลับไปกอดคนที่ยังอยู่

เมื่อมองดูจริง ๆ หลานม่าไม่ได้มีอะไรเซอร์ไพรส์เลย ทว่าความดีของหนังเรื่องนี้คือ มันสามารถทำตามความคาดหวังที่คนดูต้องการได้ครบ ทุกอย่างในหนังถูกเรียบเรียงออกมาได้ถูกจังหวะ ถูกที่ ถูกเวลา และพาเราไปในจุดที่ต้องชมว่า ‘ทำถึง’ มาก ๆ จนอาจเรียกได้ว่านี่คือหนังคืนฟอร์มของ GDH ในรอบหลายปี นอกจากนั้นยังเป็นการปล่อยของอย่างแท้จริงของพัฒน์ บุญนิธิพัฒน์ ซึ่งเราเชื่อเหลือเกินว่าหลานม่าจะถูกพูดถึงในงานสุพรรณหงส์ครั้งหน้า และมันจะถูกพูดถึงไปอีกหลายปีอย่างแน่นอน ในฐานะภาพยนตร์ครอบครัวที่ได้เข้าไปอยู่ในหัวใจของคนดูทุกคน

เพราะ ‘หลานม่า’ จะเป็นความทรงจำที่ยังคงอยู่ตลอดไป ดังเช่นเพลงประกอบของหนังที่ชื่อ “สวยงามเสมอ”