นับเป็นเวลาเกือบ 1 ปีแล้วที่ ‘Guardians of the Galaxy Vol. 3’ (2023) หนังปิดไตรภาคแก๊งเกรียนพิทักษ์จักรวาลของ Marvel Studios ได้เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ ด้วยความที่ตัวหนังเองกลายเป็นปรากฏการณ์ เพราะนอกจากจะเป็นภาคที่ปิดฉากเรื่องราวของ ‘Guardians of the Galaxy’ อย่างสมบูรณ์ และยังถือเป็นหนังซูเปอร์ฮีโรเพียงเรื่องเดียวในรอบ 1-2 ปีที่ประสบความสำเร็จด้วยรายได้ Box Office ทั่วโลกกว่า 845 ล้านเหรียญ และเป็นหนังจากลิขสิทธิ์ซูเปอร์ฮีโรเพียงเรื่องเดียวที่ได้รับคำชื่นชมจากทั้งนักวิจารณ์และผู้ชม เพราะมาถึงจนป่านนี้ก็ยังไม่มีหนังซูเปอร์ฮีโรเรื่องไหนที่ได้รับคำชมและทำรายได้สูงมากขนาดนี้เลย
แม้ว่าการกลับมารวมทีมแก๊งเกรียนชุดเดิมเพื่อสานต่อเรื่องราวใหม่ ๆ อาจเรียกได้ว่าแทบจะเป็นไปได้ยากมาก ๆ โดยเฉพาะในยุคทมิฬของหนังซูเปอร์ฮีโร และเทรนด์ความเหน็ดหน่ายหนังซูเปอร์ฮีโรของผู้ชมที่ทำให้หนังแนวนี้ไม่ใช่ตัวรับประกันความสำเร็จเหมือนอย่างในอดีตอีกต่อไป ในขณะที่ผู้กำกับและเขียนบทอย่าง เจมส์ กันน์ (James Gunn) ณ เวลานี้ก็กำลังขมักเขม้นกับการสร้างจักรวาลคู่แข่งอย่าง DCU และมุ่งมั่นในการกำกับหนังเปิดจักรวาลอย่าง ‘Superman’ (หรือ ‘Superman: Legacy’)
รวมทั้งนักแสดงหลาย ๆ คนที่ตอนนี้สิ้นสุดสัญญากับบทบาทของตัวเองไปแล้ว ต่างก็แยกย้ายกันไปทำงานของตัวเองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตัวอย่างเช่น เดฟ เบาติสตา (Dave Bautista) เจ้าของบท Drax the Destroyer ที่เคยออกมาเปิดเผยกับบทสัมภาษณ์ของ GQ ว่าเขาเองต้องการจะยุติบทบาทนี้เพื่อจะหันไปรับบทสายเข้มข้นซีเรียสมากขึ้น
“ผมเองรู้สึกขอบคุณแดร็กซ์มาก ๆ และผมรักเขานะครับ แต่เมื่อผมคิดว่าถึงเวลาต้องยุติ ผมเองก็รู้สึกโล่งใจ เพราะการรับบทนี้มันก็แอบมีความไม่น่าพอใจอยู่บ้างนั่นแหละ โดยเฉพาะการเมกอัปที่ทำให้ผมไม่ค่อยสนุกนัก และผมเองก็ไม่ค่อยแน่ใจว่าผมอยากจะให้แดร็กซ์เป็นมรดกในอาชีพนักแสดงของผมไหม เพราะมันเป็นการแสดงที่ออกไปทางตลกซะมากกว่า ในขณะที่ตัวผมเองอยากลองรับบทบาทดราม่ามากขึ้นกว่านั้น”
ส่วนนักแสดงอีกคนอย่าง โซอี ซัลดานา (Zoe Saldana) ที่ตอนนี้สิ้นสุดการรับบทเป็น กาโมรา (Gamora) ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และเธอก็ยังคงมีผลงานการแสดงจ่อคิวอีกมากมาย ตั้งแต่การรับบทเป็น เนย์ทีรี (Neytiri) ชาวเผ่านาวีในแฟรนไชส์ ‘Avatar’ ที่จะมาปรากฏตัวในภาค 3 และภาค 4 และผลงานล่าสุดของเธอก็คือหนังทริลเลอร์ ‘The Absence of Eden’ ที่เธอแสดงร่วมกับ การ์เร็ตต์ เฮดลันด์ (Garrett Hedlund) และจะฉายในสหรัฐอเมริกาวันที่ 12 เมษายนนี้
โดยล่าสุด ซัลดานาได้ให้สัมภาษณ์ในพอดแคสต์ ‘Discourse’ ของเว็บไซต์ The Playlist ที่กำลังจะออกอากาศเร็ว ๆ นี้ ซึ่งเธอได้ยืนยันว่า เวลานี้เธอเองสิ้นสุดการรับบท Gamora ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และเธอเองก็ไม่คิดว่าจะกลับมาแสดงในบทบาทนี้อีกครั้ง
“สำหรับฉัน จนถึงตอนนี้ เธอ (Gamora) ได้ถึงจุดสิ้นสุดสำหรับตัวฉันเองไปแล้ว แต่ฉันเองไม่ได้คิดว่าเรื่องราวของ Gamora จะจบลงไปด้วยนะ”
ซัลดานาปรากฏตัวในจักรวาล MCU ด้วยการรับบทเป็น Gamora บุตรสาวบุญธรรมที่ธานอส (Thanos) รับเธอมาชุบเลี้ยงจนกลายมาเป็นมือสังหาร เธอได้เป็น 1 ในสมาชิกของ ‘Guardians of the Galaxy’ และได้เจอกับหัวหน้าแก๊งอย่าง ปีเตอร์ ควิลล์ (Peter Quill) หรือ สตาร์ลอร์ด (Star-Lord) ความที่ทั้งคู่ต่างสูญเสียแม่ ทำให้ทั้งคู่มีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน ก่อนที่ธานอสจะสังหารเธอลงเพื่อให้ได้ Soul Stone ใน ‘Avengers: Infinity War’ (2018)
ก่อนที่ร่างตัวแปรของเธอจะปรากฏขึ้นใน ‘Avengers: Endgame’ (2019) แต่เธอเองก็จดจำความสัมพันธ์ที่เธอเคยมีกับสตาร์ลอร์ดไม่ได้อีกต่อไป และใน Vol. 3 ตัวแปรของกาโมราไปเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของทีมราเวนเจอร์ (Ravager) ที่ถูกขอให้มาช่วยในภารกิจช่วยชีวิตร็อกเก็ต (Rocket) ที่ได้รับอุบัติเหตุเฉียดตาย
ณ เวลานี้ มรดกจากแก๊งเกรียนจึงเหลืออยู่เพียงโปรเจ็กต์เดียวเท่านั้น นั่นก็คือ ‘Legendary Star-Lord’ ซึ่งเป็นไตเติลที่ถูกเปิดตัวใน End-Credit ของ Vol. 3 หลังจากเหตุการณ์ที่สตาร์ลอร์ดได้เดินทางกลับมาเจอคุณปู่ของเขาบนโลกเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี แม้ตัวโปรเจ็กต์จะยังไม่มีความชัดเจนในเวลานี้ และไม่แน่ใจว่าจะมีเรื่องราวที่เชื่อมโยงไปยัง ‘Guardians of the Galaxy’ และเรื่องราวของ MCU ยุคมัลติเวิร์สได้มากแค่ไหน หรือแม้แต่ตอนนี้ก็ยังยืนยันได้ไม่เต็มปากว่า นักแสดงเจ้าของบท ปีเตอร์ ควิลล์ อย่าง คริส แพรตต์ (Chris Pratt) จะหวนกลับมารับบทนี้อีกครั้งหรือไม่
แม้ซัลดานาในเวลานี้จะยังไม่มีความคิดที่จะกลับมารับบทนี้ และการรื้อฟื้นเรื่องราวของ ‘Guardians of the Galaxy’ ก็ยังนับว่าห่างไกลจากความเป็นจริง แต่ถึงกระนั้นเธอก็มีความหวังอยากจะให้เรื่องราวของแก๊งเกรียนกลุ่มนี้ได้ถูกสานต่อออกไปเรื่อย ๆ อีกครั้ง
“ฉันคิดว่า ถ้า Marvel ไม่ได้พยายามหาวิธีที่จะนำ ‘Guardians of the Galaxy’ กลับมา ฉันคิดว่ามันคงเป็นความเสียหายที่ใหญ่หลวงทีเดียว เพราะรู้ไหม แฟน ๆ ชอบกลุ่มคนไม่เอาไหนพวกนี้มากเลยนะ และในตอนนั้นที่ เจมส์ กันน์ มาเป็นผู้นำ การเขียนบทของเขาเป็นอะไรที่มหัศจรรย์มาก ๆ เพราะมันทำให้หนังมันออกมาไม่เหมือนใคร และมันก็เป็นสิ่งที่ดีที่ได้ทำอะไรใหม่ ๆ กับหนังซูเปอร์ฮีโรด้วยเช่นกัน”
“ถ้า ‘Guardians of the Galaxy’ กลับมาเมื่อไหร่ ฉันนี่แหละค่ะจะเป็นคนแรกที่ร่วมแสดงความยินดี”