หมายเหตุ: เนื้อหาในบทความนี้มีการกล่าวถึงยาเสพติด และวิธีการใช้ยาเสพติด
เอ็ดเวิร์ด เฟอร์ลอง (Edward Furlong) อาจไม่มีผลงานใหม่ ๆ ให้เราได้เห็นกันในปัจจุบันเท่าไหร่ แต่ในอดีต เขาคืออดีตนักแสดงเด็กหน้าหล่อที่แจ้งเกิดจากการรับบทเป็น จอห์น คอนเนอร์ (John Connor) ในหนังไซไฟฟอร์มยักษ์ ‘Terminator 2: Judgment Day’ (1991) ผลงานกำกับของ เจมส์ คาเมรอน (James Cameron) หลังจากเข้าฉาย เด็กชายวัย 13 ปีก็กลายเป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียงในทันที
แต่ก็อย่างที่ทราบกันดีว่า ชื่อเสียงและเงินทองที่ถาโถมเข้ามา ทำให้เฟอร์ลองในเวลานั้นตกหุบเหวของผลประโยชน์มากมาย สะสบกลายเป็นความกดดันที่ยากจะรับมือ กลายเป็นชีวิตผิดเลนไร้ทิศทาง เขาเริ่มมีปัญหาติดสุราและยาเสพติดอย่างหนักจนต้องเข้ารับการบำบัดซ้ำแล้วซ้ำเล่า จากเด็กชายที่เคยจรัสแสงในฮอลลีวูด กลายเป็นผู้ใหญ่ชีวิตพังจนไม่อาจฟื้นกลับคืน
เฟอร์ลองในวัย 46 ปี ได้มีโอกาสเปิดเผยในรายการพอดแคสต์ ‘Inside of You with Michael Rosenbaum’ เกี่ยวกับช่วงชีวิตที่เคยจรัสแสง แต่ต้องกลับดับวูบลงต่อหน้าต่อตา โดยเฉพาะในช่วงปี 2000 ที่แม้เขาจะมีผลงานการแสดงหนังบ้าง แต่ก็เป็นหนังแผ่น DVD ที่ไม่มีใครรู้จัก รวมทั้งเขายังพลาดโอกาสที่งามที่สุดในการกลับมารับบทเดิมอย่าง จอห์น คอนเนอร์ ใน ‘Terminator 3: Rise of the Machines’ (2003)
เฟอร์ลองเล่าว่า ณ เวลานั้นมีการวางตัวให้เขากลับไปรับบท จอห์น คอนเนอร์ ในวัยหนุ่ม โดยได้มีการเซ็นสัญญากับสตูดิโอไว้แล้ว สตูดิโอได้ทำข้อตกลงกับเขาไว้ว่า ในระหว่างถ่ายทำ ห้ามให้เขากลับไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดโดยเด็ดขาด แต่เขากลับทำผิดข้อตกลงด้วยการเฉลิมฉลองด้วยการเสพโคเคน เพราะตั้งใจอยากจะเฉลิมฉลองและทิ้งทวนเป็นครั้งสุดท้าย แต่ในที่สุดก็เป็นการทำผิดข้อตกลงในสัญญา จนทำให้เขาชวดบทบาทนี้ไปอย่างน่าเสียดาย
“ตอนนั้นมันเป็นเรื่องใหญ่มาก… ตอนนั้นผมพลาดบทใน ‘Terminator 3’ โอ้พระเจ้า เพื่อน ตอนนั้นผมติดยาเยอะมาก ตอนนั้นผมเซ็นสัญญาไปแล้ว และพวกเขาก็ต้องการให้ผมไม่กลับไปเสพยาเสพติดอะไรก็ตาม เมื่อลงชื่อในสัญญาแล้ว ผมต้องไม่ไปยุ่งกับยาเสพติด”
“มันเป็นข้อตกลงที่หอมหวานมาก เป็นข้อตกลงที่ดีที่สุดที่ผมเคยได้รับในชีวิตเลย ใน ‘Terminator 3’ ผมจะได้ค่าตัวประมาณหลักล้านเหรียญเลยแหละ และผมก็ไม่เคยทำเงินได้ขนาดนั้นมาก่อนด้วย”
“ผมก็เลยโทรหาเพื่อน ๆ เล่าให้ฟังว่า ‘เฮ้ยเพื่อน ฉันเพิ่งเซ็นสัญญาที่แม่-โคตรเจ๋งมาว่ะ เดี๋ยวไปเจอกันที่คลับนะ ไปดื่มไปดริงก์กัน มันจะเป็นวันสุดท้ายของพวกเราโว้ย พวกเราจะทำแม่-ให้สำเร็จ'”
“แล้วหลังจากนั้นก็เลยไปที่คลับที่ชื่อว่าโจเซฟ ผมจำได้ว่าผมเทโคเคนลงบนโถส้วม แต่ผมดันเทออกมาจากห่อเยอะไปหน่อย ผมก็แบบว่า ‘แม่-!!’ ผมไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับที่มันหกออกมา ผมก็เลย ‘เออช่างแม่-‘ แล้วก็เสพแม่-เข้าไปทั้งหมดนั่นเลย และผมก็เลยเสพเข้าไปแบบว่าโคตรเยอะเลย แล้วผมก็จำได้ว่าผมเดินออกไปข้างนอกแล้วคุยกับหญิงสาวคนหนึ่ง”
“แล้วจากนั้นผมก็ตื่นขึ้นมา และไฟในคลับก็เปิดสว่าง ผู้คนมายืนรอบ ๆ ตัวผม เพื่อนของผมร้องไห้แล้วกอดผมเอาไว้ ผมเลยถามว่า ‘เกิดอะไรขึ้น ? ‘ เขาบอกว่า ‘เพื่อน นายแม่-เสพยาเกินขนาด’ แล้วผมก็แบบ ‘หมายความว่าไงวะ ? ฉันไม่ได้เสพยาเกินขนาดนะโว้ย’ …ตอนนั้นผมเกิดอาการชักจากการเสพโคเคนเกินขนาด แล้วภาพก็ตัดไปเลย ผมไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง และรถพยาบาลก็มาถึง มันเป็นอะไรที่น่าละอายมาก”
“แน่นอนว่าข่าวมันก็ออกไปดังกระหึ่ม และพวกเขา (สตูดิโอ) ก็บอกผมว่า ‘คุณรู้ไหมว่าตอนนี้คุณโดนปลดจากหนังเรื่องนั้นแล้ว เราจะไม่ทำงานร่วมกับคุณอีก’ ก็แค่นั้นแหละ และผมก็บอกว่า ‘โอ้พระเจ้า ผมต้องขอโทษด้วยจริง ๆ ‘ แต่มันก็ไม่ได้ช่วยอะไร เพราะผมเซ็นสัญญาเอาไว้แล้วแบบนั้น”
หลังแจ้งเกิดจาก ‘Terminator 2: Judgment Day’ เฟอร์ลองกลายเป็นนักแสดงวัยรุ่นที่มีผลงานเข้ามาอีกมากมาย แต่เขาก็กลับกลายเป็นเนื้อชิ้นงามที่ เอเลนอร์ ตอร์เรส (Eleanor Torres) แม่แท้ ๆ กับแนนซี ทาโฟยา (Nancy Tafoya) น้าสาวที่เคยดูแลเฟอร์ลองในช่วงหนึ่ง และเป็นผู้จัดการนักแสดงให้ในช่วงแรก ๆ ที่ต่างก็ฟ้องเพื่อเรียกร้องสิทธิ์ในการดูแลรายได้ของเฟอร์ลอง
ความวัวไม่ทันหาย เฟอร์ลองในวัย 16 ปี ไปมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับ แจ็กเกอร์ลีน โดแม็ก (Jacqueline Domac) สาววัย 26 ปีที่เคยเป็นสแตนด์อิน และคอยเป็นติวเตอร์ส่วนตัวสอนการบ้านให้ โดแม็กกลายเป็นคนที่ 3 ที่เข้ามาแย่งชิงสิทธิ์ดูแล และฟ้องเขาในข้อหาก่อความรุนแรง
เฟอร์ลองกลายเป็นเรือไร้หางเสือที่ไร้การควบคุม ไม่มีคนคอยดูแลทั้งชีวิตและการเงิน เขาเริ่มมุ่งหน้าเข้าหาสุราและยาเสพติด แม้จะเข้ารับการบำบัดหลายครั้งแต่ก็ไร้ผล เขาติดยาเสพติดอย่างหนักจนฟันร่วงแทบหมดปาก ชีวิตเส้นทางบันเทิงของเฟอร์ลองในวัยเลข 2 เหลือแค่เพียงบทบาทสมทบ
เฟอร์ลองได้เซ็นสัญญาเพื่อรับบท จอห์น คอนเนอร์ ช่วงวัยรุ่น ใน ‘Terminator 3’ ในเดือนสิงหาคม ปี 2000 ซึ่งในภาคนี้ หุ่นยนต์ T-800 ที่อัปเกรดเป็น T-850 ที่รับบทโดย อาร์โนลด์ ชวาร์เซเน็กเกอร์ (Arnold Schwarzenegger) ได้ย้อนเวลากลับมาปกป้องคอนเนอร์ในช่วงวัยรุ่น และภรรยาในอนาคต เคต บริวสเตอร์ (รับบทโดย แคลร์ เดนส์, Claire Danes) จากหุ่นยนต์นักสังหารที่ย้อนเวลากลับมาสังหารจอห์นอีกครั้ง
หลังจากที่เฟอร์ลองถูกสตูดิโอ Warner Bros. Pictures ปลดออกจากหนังเรื่องนี้จากปัญหายาเสพติด ผู้กำกับ โจนาธาน มอสโทว์ (Jonathan Mostow) ได้เลือก นิก สตาห์ล (Nick Stahl) มารับบท จอห์น คอนเนอร์ แทน แม้ว่าสตาห์ลจะมีอายุที่มากกว่าจอห์นในช่วงเวลานั้น เพราะมอสโทว์มองว่า เฟอร์ลองใน ‘Terminator 2’ ก็มีอายุที่มากกว่าอายุของคอนเนอร์ด้วยเช่นกัน และสตาห์ลเองก็เป็นนักแสดงที่เขามองว่าเหมาะสมสำหรับบทบาทนี้อย่างมาก
ส่วนในตอนต้นของภาค 6 ‘Terminator: Dark Fate’ (2019) มีการนำเอาตัวละคร จอห์น คอนเนอร์ กลับมาอีกครั้งในช่วงต้นเรื่อง ซึ่งเฟอร์ลองไม่ได้มีโอกาสกลับมาแสดง แต่เป็นการเอาใบหน้าของเฟอร์ลองใน ‘Terminator 2’ มาทำหน้ากาก CGI สวมทับตัวนักแสดงที่รับบทโดย จูด คอลลี (Jude Collie) หนุ่มน้อยชาวอังกฤษวัย 15 ปีที่มีใบหน้าและรูปร่างคล้ายกับเฟอร์ลองใน ‘T2’ แทน
แม้ว่าเฟอร์ลองที่ปัจจุบันสามารถเลิกยาเสพติดได้แล้ว จะเคยพลาดทั้งโอกาสจากการสร้างรายได้ก้อนโต และพลาดโอกาสจากการกลับเข้ามาสู่ฮอลลีวูดอีกครั้งเมื่อในอดีตเพราะพิษภัยของยาเสพติด แต่เขาเองก็เลือกที่จะมองเหตุการณ์นี้ในแง่ดี และมองว่านี่อาจเป็นพรที่ส่งมาให้เขาก็เป็นได้
“ผมก็ไม่ค่อยจะแน่ใจว่ามันคืออะไร มันอาจจะเป็นเคราะห์ร้ายที่สุด แล้วก็เป็นทั้งโชคดีที่สุดของผมแล้วก็ได้… ผมเองมีชีวิตอยู่ในขาลงมาแล้วหลายครั้ง บางครั้งถ้าผม (ต้องพยายามรักษาบทบาทนี้ไว้) มันอาจจะแย่ไปมากกว่านี้ก็ได้นะ”