ภาพจำของ ศาสตราจารย์ เซเวอรัส สเนป (Severus Snape) อาจารย์สอนการปรุงยาแห่งบ้านสลิธีริน ในแฟรนไชส์ภาพยนตร์ ‘Harry Potter’ ก็คงหนีไม่พ้นความลึกลับซับซ้อนที่อยู่ภายใน โดยเฉพาะความสัมพันธ์ที่เริ่มต้นจากการเป็นอาจารย์ที่มีปัญหากับ แฮร์รี่ พอตเตอร์ จนทำให้พ่อมดน้อยถึงกับเรียกเขาว่าเป็นอาจารย์แห่งโรงเรียนเวทมนตร์ฮอกวอตส์ที่ชื่นชอบน้อยที่สุด การกระทำของเขาล้วนเต็มไปด้วยเงื่อนงำอันน่าสงสัย จนกระทั่งผู้ชมได้คลายความสงสัย หลังจากที่ได้ล่วงรู้ถึงความรู้สึกที่แท้จริงของสเนปที่มีต่อแฮร์รี่ และแม่ของเขา ลิลี พอตเตอร์
นอกจากบทบาท ฮานส์ กรูเบอร์ ผู้ก่อการร้ายชาวเยอรมันในหนังแอ็กชันระดับตำนาน ‘Die Hard’ (1988) ปฏิเสธไม่ได้ว่า ศาสตราจารย์สเนป ก็ถือเป็นอีกบทบาทที่เป็นภาพจำของ อลัน ริกแมน (Alan Rickman) นักแสดงชาวอังกฤษที่โด่งดังมาตั้งแต่ยุค 80s ที่จากไปอย่างกะทันด้วยโรคมะเร็ง ที่ฝากฝีมือการแสดงและมาดสุขุมขึงขังเอาไว้ได้อย่างน่ากลัว ซึ่งไม่ใช่แค่คนดูที่รู้สึกได้ เพราะนักแสดงเจ้าของบทพ่อมดน้อยอย่าง แดเนียล แรดคลิฟฟ์ (Daniel Radcliffe) เองก็รู้สึกได้เช่นกัน
ในวาระที่แรดคลิฟฟ์กำลังจะมีผลงานการแสดงละครเวทีบรอดเวย์เรื่องใหม่ ‘Merrily We Roll Along’ ที่จะเริ่มต้นการแสดงในเดือนมิถุนายนนี้ เขาและนักแสดงร่วมในละครเวทีเรื่องนี้ได้มีโอกาสมาร่วมให้สัมภาษณ์พิเศษกับ จอช โฮโรวิตซ์ (Josh Horowitz) ในพอดแคสต์ ‘Happy Sad Confused’
โดยในระหว่างสัมภาษณ์ โฮโรวิตซ์ได้นำเอาคลิปที่เขาสัมภาษณ์ริกแมนเอาไว้เมื่อ 8 ปีที่แล้วมาเปิดให้แรดคลิฟฟ์ได้ชม ซึ่งในคลิปนั้นเป็นช่วงที่ริกแมนกล่าวชื่นชมแรดคลิฟฟ์ที่กำลังทุ่มเทกับการเป็นนักแสดงละครบรอดเวย์เรื่อง ‘How To Succeed in Business Without Really Try’ อย่างมุ่งมั่นและทุ่มเทเวลาอย่างเต็มที่ยิ่งกว่าผู้ใหญ่แบบเขาเองเสียด้วยซ้ำ
“มันเป็นเรื่องน่าทึ่งนะครับ ที่ได้เห็นเด็ก ๆ ได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ในอาชีพที่พวกเขาสร้างขึ้นมา มันเป็นอะไรที่เจ๋ง มันเป็นสิ่งที่ผมเซอร์ไพรส์และเรื่องน่าตื่นเต้น ในขณะที่ผมทำงาน 7 สัปดาห์ พวกเขากลับทำงานถึง 52 สัปดาห์ และนั่นคือชีวิตพวกเขาตอนช่วง 12-22 ปีเองนะ ผมเองได้แต่คอยเฝ้าดูเขาเป็นบางครั้ง และบางครั้งก็ต้องคอยโยนเชือกชูชีพแปลก ๆ เข้าไปช่วยเขาบ้างเพราะว่าตอนนั้นมีเวลาไม่มาก”
“ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ผมได้นั่งลงในร้านกาแฟกับแดนในนิวยอร์ก เขาอยู่ที่โรงละคร ความภาคภูมิใจของผมก็คือการที่ผมได้เห็นเขาในละครเวทีมิวสิคัล เขาทำงานที่นั่น เขากล้าดียังไงที่สามารถเต้นได้แบบเดียวกับนักเต้นชาวนิวยอร์กเลยนะ” (หัวเราะ)
หลังจากจบคลิป แรดคลิฟฟ์ได้มีโอกาสเล่ากลับถึงริกแมน และเขายังได้มีโอกาสเล่าตอนช่วงแรกที่เขาได้พบเจอกับนักแสดงรุ่นใหญ่ที่เข้มทั้งมาดทั้งเสียงเป็นครั้งแรกในภาค ‘Harry Potter and the Philosopher’s Stone’ (2001) ที่ทำให้เขารู้สึกกลัวอย่างมาก จนเผลอคิดไปว่าริกแมนอาจรู้สึกไม่ชอบในตัวเขา
“ขอบคุณที่เปิดให้ชมครับ ผมไม่เคยเห็นมาก่อนเลย ขอบคุณมาก ๆ คือตอนนั้นผมรู้สึกหวาดกลัว อลัน ริกแมน มาก คือคุณจะไม่รู้สึกถูกข่มขวัญถ้าได้ยินเสียงเขาแบบนั้นได้ยังไง ? เมื่อไหร่ที่คุณได้ยินเสียงนั้น คุณก็ลืมไปเลยว่าโทนเสียงนั้นมันต่ำขนาดไหน จนกระทั่งมันสะท้อนผ่านเข้าไปในตัวคุณ”
“ในหนัง 3 ภาคแรก ผมจึงรู้สึกเหมือนโดนเขาข่มขวัญ ผมกลัวเขา และผมก็รู้สึกเหมือนกับว่า ‘ผู้ชายคนนี้คงเกลียดผมแหง’ ตรงจุดไหนสักจุดที่เขาเห็นว่าผมต้องการอยากได้ความรู้สึกแบบนั้น และผมก็เกิดความรู้สึกนั้นขึ้นมาจริง ๆ “
แรดคลิฟฟ์เคยให้สัมภาษณ์กับ Yahoo Entertainment เกี่ยวกับความรู้สึกกลัวเสียงเข้ม ๆ ของริกแมนตอนที่ได้ร่วมงานกันครั้งแรก ก่อนที่เขาจะตระหนักได้ว่าริกแมนไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด “ตอนแรกตอนที่ผมพบกับเขาในกองถ่าย เขาดูน่ากลัวมาก แล้วจู่ ๆ พอผมอายุ 13-14 ผมก็รู้ว่าจริง ๆ แล้วเขาไม่ได้น่ากลัวเลย เขาแค่เป็นคนเสียงเข้มลึก แต่จริง ๆ แล้วเขาเป็นคนตลก อ่อนโยน และเป็นกันเองมาก ๆ เป็นสิ่งที่ผมไม่เคยคาดคิดมาก่อน”
แต่เดิม บทบาท เซเวอรัส สเนป จะตกเป็นของ ทิม รอธ (Tim Roth) ที่เคยมาออดิชันแล้ว แต่สุดท้ายด้วยตารางงานของเขาที่ชนกับหนัง ‘Planet of the Apes’ (2001) ทำให้บทบาทนี้ตกเป็นของริกแมน ซึ่งเป็นตัวเลือกที่ตรงใจกับผู้ประพันธ์ เจ.เค.โรว์ลิง (J.K.Rowling) ด้วย และริกแมนถือเป็นนักแสดงเพียงคนเดียวที่รู้เรื่องราวทั้งหมดที่เกี่ยวกับสเนป จากการบอกเล่าของโรว์ลิง เพื่อให้ริกแมนเข้าใจปมเบื้องหลังความซับซ้อนของสเนปแต่เพียงคนเดียว
แต่นั่นก็นำมาสู่ความอึดอัดคับข้องใจของเขาเองในการรับบทนี้ ช่วงหลังจากที่ริกแมนเสียชีวิต ได้มีการนำเอาจดหมายที่เขาบันทึกไว้ในระหว่างถ่ายทำ ‘Harry Potter and the Chamber of Secrets’ (2002) โดย 1 ในฉบับนั้นมีใจความที่ เดวิด เฮย์แมน (David Hayman) โปรดิวเซอร์ของหนังได้กล่าวขอบคุณริกแมนที่กำลังรู้สึกผิดหวังกับการรับบทบาทนี้
ปี 2005 ระหว่างถ่ายทำ ‘Harry Potter and the Order of the Phoenix’ (2007) ริกแมนได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์ว่ามีอาการของมะเร็งต่อมลูกหมาก ซึ่งทำให้เขาเริ่มลังเลที่จะยังคงรับบทบาทนี้อีกครั้ง จนในปี 2006 ริกแมนได้เข้ารับการผ่าตัดและพักฟื้น และหลังจากนั้น เขาก็กลับไปถ่ายทำ ‘Harry Potter’ ภาคที่ 5 ต่อให้เสร็จสิ้นทั้งที่ร่างกายยังอ่อนแอจากการพักฟื้นได้ไม่นาน
เขาเลือกที่จะต่อสู้กับโรคมะเร็งแบบเงียบ ๆ โดยไม่ได้บอกใครนอกจากคนใกล้ชิด มะเร็งเริ่มลุกลามจนกลายเป็นมะเร็งตับอ่อนระยะสุดท้าย จนมาถึงภาคสุดท้าย ‘Harry Potter and the Deathly Hallows – Part 2’ (2011) เขาเองก็ยังคงสวมบทบาทสเนปได้อย่างสมบูรณ์แบบ จนกระทั่งในวันที่ 14 มกราคม ปี 2016 โลกก็ได้สูญเสียริกแมนไปตลอดกาลด้วยวัย 69 ปี ทิ้งบทบาทศาสตราจารย์สเนปไว้ให้ระลึกถึง
ในบทสัมภาษณ์เดียวกัน แรดคลิฟฟ์ยังได้เปิดเผยถึงความน่ารักของริกแมนอีกอย่างก็คือ แม้จะไม่ได้ร่วมงานกันแล้ว แต่ริกแมนก็ยังสนับสนุนเขาในอาชีพนักแสดงละครบรอดเวย์ต่อไปด้วยการไปร่วมชมและให้คำแนะนำแก่นักแสดงรุ่นหลานคนสนิทอย่างต่อเนื่อง
“เขายอมสละเวลาพักร้อนที่แคนาดาเพื่อบินมาดูเรื่อง ‘Equus’ ที่ผมแสดงครับ ตอนที่เขายังมีชีวิตอยู่ เขาเป็นคนที่ดูละครเวทีทุกเรื่องที่ผมแสดงเลย และหลังจากแสดง เขาจะพาผมไปคุยในเรื่องนี้กัน เขาเป็นคนแรก ๆ ที่บอกผมว่า ‘นายควรจะลองฝีกการออกเสียงกับโค้ชนะ แล้วก็ลองสำรวจในจุดนั้นดู'”
“ผมเองโชคดีมากที่ได้ยินคำพูดที่น่ารักของเขา ขอบคุณที่เปิดคลิปนั้นให้ผมดูครับ”