Disney ได้ปล่อยตัวอย่างแรกของ ‘Mufasa: The Lion King’ ซึ่งเป็นภาพยนตร์ไลฟ์แอ็กชันภาคต่อจาก ‘The Lion King’ (2019) เล่าเรื่องของ Simba ที่เลี้ยงลูกของตนโดยหวังจะดำเนินรอยตาม Mufasa บิดาของเขา โดยได้นักแสดงชื่อดังมากมายร่วมให้เสียงพากย์ ทั้ง เซท โรเกน (Seth Rogen), บิลลี ไอก์เนอร์ (Billy Eichner), เคลวิน แฮร์ริสัน จูเนียร์ (Kelvin Harrison Jr.), แอรอน ปิแอร์ (Aaron Pierre), แมดส์ มิคเคลสัน (Mads Mikkelsen), แธนดี้ นิวตัน (Thandiwe Newton), ดอนัลด์ โกลเวอร์ (Donald Glover) และ จอห์น กานี (John Kani)
ล่าสุด แบร์รี เจนกินส์ (Barry Jenkins) ผู้กำกับรางวัลออสการ์จาก ‘Moonlight’ (2016) ที่มารับหน้าที่กำกับ ‘Mufasa: The Lion King’ ได้ใหัสัมภาษณ์กับ Empire เกี่ยวกับเนื้อเรื่องของภาพยนตร์ไลฟ์แอ็กชันที่เต็มไปด้วยงาน CGI สุดตระการตาเรื่องนี้ว่า “จะเดินเรื่องใน 2 ไทม์ไลน์ ขนานกัน”
เจนกินส์ได้อธิบายว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้จะเล่าเรื่องในอดีตของ Mufasa ที่กำลังก้าวขึ้นสู่อำนาจ และเรื่องราวในปัจจุบันของ Kiara ลูกสาวของ Simba และ Nala โดยมีรายละเอียดบางส่วนที่ให้ความรู้สึกเหมือนอ้างอิงจากภาพยนตร์แอนิเมชัน ‘The Lion King II: Simba’s Pride’ ที่ถูกส่งลงวิดีโอเมื่อปี 1998 แต่มีแนวทางของตัวเองที่ชัดเจน
‘The Lion King’ เวอร์ชันปี 2019 นั้น ถูกวิจารณ์ว่าเล่าเรื่องเหมือนนำภาพยนตร์แอนิเมชันต้นฉบับระดับตำนานเมื่อปี 1994 มาเล่าแบบฉากต่อฉาก โดยใช้เทคโนโลยี CGI ชั้นสูง สร้างสรรค์ทุกซีนออกมาอย่างสมจริง แต่มิได้ให้ความรู้สึกสดใหม่แก่ผู้ชมมากนัก
แต่จากคำให้สัมภาษณ์ของเจนกินส์นั้น ดูเหมือนว่าเขาต้องการยกระดับการเล่าเรื่องของ ‘Mufasa: The Lion King’ ให้ดีขึ้น เพื่อขยายเรื่องราวให้กว้างไกล รวมถึงเปิดโลกของ ‘The Lion King’ ให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและมีรายละเอียดเชิงลึกมากขึ้นด้วย
ทั้งนี้ต้องติดตามดูว่า ‘Mufasa: The Lion King’ ประสบความสำเร็จด้านรายได้เทียบเท่ากับ ‘The Lion King’ เวอร์ชันปี 2019 ที่ถึงแม้จะได้คะแนนวิจารณ์บน Rotten Tomatoes ในระดับมะเขือเน่า เพียง 52% แต่ทำรายได้ทั่วโลกไปถึง 1,663 ล้านเหรียญ ได้หรือไม่
‘Mufasa: The Lion King’ มีกำหนดฉายในวันที่ 20 ธันวาคม 2024 นี้