เว็บไซต์ Puck News ได้รายงานว่า ภาพยนตร์แข่งรถฟอร์มูลาวัน (Formula One) เรื่องใหม่ของแบรด พิตต์ (Brad Pitt) จะใช้ทุนสร้างประมาณ 300 ล้านเหรียญ ซึ่งถ้าหากเป็นความจริง ก็จะทำให้เป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่ใช้ทุนสร้างสูงสุดตลอดกาล และยังประสบปัญหาไม่สามารถหาผู้จัดจำหน่ายทั่วโลกได้ในขณะนี้
แม้ว่าจะยังไม่มีการระบุถึงทุนสร้างที่ชัดเจน แต่มีความเป็นไปได้ว่าภาพยนตร์แข่งรถฟอร์มูลาวันดังกล่าวจะขึ้นแท่นเป็นภาพยนตร์ที่ใช้ทุนสร้างสูงสุดตลอดกาล ลำดับที่ 11 เทียบเท่ากับ ‘Pirates of the Caribbean: At World’s End’ (2007), ‘Justice League’ (2017) และ ‘Star Wars: Episode VIII – The Last Jedi’ (2014) ในขณะที่ภาพยนตร์ที่ใช้ทุนสร้างสูงสุดตลอดกาล ลำดับที่ 1 คือ ‘Star Wars: Episode VII – The Force Awakens’ ซึ่งใช้ทุนสร้างไปมหาศาลถึง 447 ล้านเหรียญ
ด้วยงบประมาณมหาศาลดังกล่าว ทำให้ภาพยนตร์ล่าสุดของพิตต์นี้ต้องทำรายได้ทั่วโลกอย่างน้อย 750 – 900 ล้านเหรียญ จึงจะถึงจุดคุ้มทุน
โปรเจกต์นี้ได้รับการประกาศเปิดตัวเมื่อปี 2021 โดยได้ผู้กำกับ โจเซฟ โคซินสกี้ (Joseph Kosinski) จาก ‘Top Gun: Maverick’ (2022) มากุมบังเหียน พร้อมมือเขียนบท เอเรน ครูเกอร์ (Ehren Kruger) ที่เคยร่วมงานกับโคซินสกี้ใน ‘Top Gun: Maverick’ รวมถึงภาพยตร์บล็อกบัสเตอร์ฟอร์มยักษ์อย่าง ‘Transformers’ ภาค 2 – 4 มารับหน้าที่เขียนบทให้
ภาพยนตร์ที่ยังไม่มีชื่ออย่างเป็นทางการเรื่องนี้ เล่าเรื่องของอดีตนักแข่งรถฟอร์มูลาวันที่เกษียณไปเป็นผู้ฝึกสอนให้กับนักแข่งรุ่นใหม่ของทีม Apex Grand Prix
นอกจากพิตต์ที่เป็นทั้งนักแสดงนำและผู้อำนวยการสร้างแล้วนั้น ยังได้ เจอร์รี บรักไฮเมอร์ (Jerry Bruckheimer) ผู้อำนวยการสร้างระดับท็อปของฮอลลีวูดมาร่วมงาน รวมถึงนักแสดงชื่อดังอย่าง เคอร์รี คอนดอน (Kerry Condon), โทเบียส เมนซีส์ (Tobias Menzies), เซอร์ลูวิส แฮมิลตัน (Lewis Hamilton) นักแข่งฟอร์มูลาวันชื่อดังระดับโลก, ฆาบิเอร์ บาร์เดม (Javier Bardem) และซาราห์ ไนลส์ (Sarah Niles) มาร่วมแสดงด้วย
ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ประสบปัญหาในระหว่างการสร้างมากมาย นับตั้งแต่เริ่มงานสร้างเมื่อเดือนกรกฎาคม 2023 เพียงแค่ 1 วัน ก่อนที่สมาพันธ์นักแสดงและศิลปินแห่งอเมริกา หรือ SAG-AFTRA ประกาศประท้วง ซึ่งยืดเยื้อถึง 118 วัน และทำให้การสร้างต้องหยุดชะงักตามไปด้วย
ปัญหาการประท้วงดังกล่าวได้ส่งผลกระทบต่อการสร้างภาพยนตร์หลายเรื่อง รวมถึง ‘Fast X’ (2023) และ ‘Indiana Jones and the Dial of Destiny’ ซึ่งทำให้ทุนสร้างบานปลายไปถึง 379 ล้านเหรียญ และ 326 ล้านเหรียญ ตามลำดับ
นอกจาก การนำนักแข่งรถฟอร์มูลาวันตัวจริงมาร่วมถ่ายทำฉากแข่งรถจริง ๆ รวมถึงพิตต์ที่ขับรถฟอร์มูลาวัน (ที่ได้รับการปรับแต่งสำหรับถ่ายทำภาพยนตร์) ด้วยตนเองในช่วงการแข่ง British Grand Prix ก็ส่งผลให้ทุนสร้างภาพยนตร์ล่าสุดของพิตต์นี้สูงขึ้นตามไปด้วย