จอห์น เลอกิซาโม (John Leguizamo) นักแสดงชาวอเมริกันเชื้อสายโคลอมเบีย วัย 63 ปี ที่คุ้นหน้าคุ้นตาจากการรับบทสมทบมากมาย ที่คุ้นหน้าที่สุดก็คือการรับบทเป็นลุยจิ (Luigi) คู่หูผจญภัยของมาริโอ ใน ‘Super Mario Bros.’ (1993) รวมทั้งยังเคยรับบทบาทสมทบในหนังดัง ๆ อาทิ ‘Moulin Rouge!’ (2001), ‘John Wick’ (2014), ‘John Wick: Chapter 2’ (2017), ‘The Menu’ (2022) และยังเป็นเจ้าของเสียงพากย์ ซิด (Sid) สลอธตัวป่วนจากแอนิเมชัน ‘Ice Age’ และบท บรูโน ใน ‘Encanto’ (2021)
เลอกิซาโมอาจจะไม่ใช่ดาราแถวหน้าที่โด่งดังที่สุด แต่จากผลงานของเขาที่คร่ำหวอดอยู่ในวงการมาอย่างยาวนานกว่า 30 ปี ก็เรียกได้ว่าไม่ธรรมดา แต่เขาเองก็เคยตัดสินใจผิดพลาดด้วยการปฏิเสธบทบาทในหนังดัง ๆ ไปหลายเรื่องด้วยเช่นกัน ซึ่งเขาได้เปิดเผยในบทสัมภาษณ์ล่าสุดของ Business Insider เกี่ยวกับบทบาทที่เขาเสียดายที่สุดที่เคยปฏิเสธ
ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าเขาเองเคยปฏิเสธบทบาทสมทบในหนังดังหลายเรื่อง แต่เรื่องหนึ่งที่เขารู้สึกพลาดมากที่สุดก็คงหนีไม่พ้น การรับบทเป็นเอ็ดดี เพื่อนร่วมงานของจอห์น สมิธ ในหนังแอ็กชันโรแมนติก ‘Mr. & Mrs. Smith’ (2005) ผลงานกำกับของดั๊ก ไลแมน (Doug Liman) ที่มี 2 ซูเปอร์สตาร์อดีตสามีภรรยาอย่าง แบรด พิตต์ (Brad Pitt) และแองเจลินา โจลี (Angelina Jolie) แสดงนำ ก่อนที่บทบาทนี้จะตกเป็นของนักแสดงสายตลก วินซ์ วอห์น (Vince Vaughn) ในภายหลัง
“ผมมีเหตุผลของผมนะครับ คือมันเป็นเหตุผลโง่ ๆ น่ะนะ แต่ผมก็มีเหตุผลของผมจริง ๆ ที่ผมปฏิเสธบทใน ‘Mr. & Mrs. Smith’ เป็นเพราะว่าพวกเขาจ่ายค่าตัวให้พวกเขา (พิตต์และโจลี) 20 ล้านเหรียญ แต่พวกเขาจะจ่ายค่าตัวให้ตามอัตราขั้นต่ำ (อัตราค่าตอบแทนขั้นต่ำที่นักแสดงจะได้รับจากผู้ผลิต ตามที่สหภาพแรงงานที่เกี่ยวข้องเป็นผู้กำหนด) ผมเลยรู้สึกไม่พอใจ คือพวกเขาอาจจะไม่ได้ต้องการดูถูกผมหรอก แต่ผมแค่รู้สึกไม่พอใจ”
ในขณะที่มีการรายงานว่า ใน ‘Mr. & Mrs. Smith’ นั้น นักแสดงนำอย่างพิตต์และโจลีได้ค่าตัวไม่เท่ากัน โดยพิตต์ได้ค่าตัว 20 ล้านเหรียญ ส่วนโจลีได้ 10 ล้านเหรียญ
“บางครั้งเมื่อคุณเป็นคนผิวสี คุณก็มักจะคุ้นเคยกับการถูกเหยียดหยาม จนเผลอคิดไปว่าตัวเองกำลังถูกเหยียดหยามอยู่ แม้บางครั้งคุณจะไม่ได้ถูกเหยียดหยามอะไรเลยก็ตาม นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้น และก็ต้องเข้ารับการปรับความเข้าใจเพื่อแก้ไขปัญหานี้”
นี่ไม่ใช่เพียงบทบาทเดียวที่เขาเคยปฏิเสธ เลอกิซาโมเล่าว่า เขายังเคยปฏิเสธบทบาท ไนเจล อาร์ตไดเรกเตอร์นิตยสาร Runway ใน ‘The Devil Wears Prada’ (2006) ที่ตอนหลังได้สแตนลีย์ ทุชชี (Stanley Tucci) มารับบทแทน
และแม้ว่าเขาจะมีประสบการณ์งานพากย์แอนิเมชันมาแล้วหลายเรื่อง แต่เขาก็ตัดสินใจปฏิเสธพากย์เสียงเป็น รามอน เจ้าเพนกวินในแอนิเมชัน ‘Happy Feet’ (2006) ที่ภายหลังได้นักแสดงตลกผู้ล่วงลับ โรบิน วิลเลียมส์ (Robin Williams) มาพากย์เสียงนี้แทน
“ส่วนใน ‘Happy Feet’ (ที่ปฏิเสธ) เป็นเพราะว่าผมเคยพากย์ ‘Ice Age’ ไปแล้วน่ะครับ ที่ผมจะบอกก็คือ ผมไม่อยากทำหนังเกี่ยวกับน้ำแข็งพวกนี้อีก ด้วยเหตุผลโง่ ๆ แบบนี้เลย แม้ว่าผมจะต้องสูญเสียเงินไปเป็นล้าน แต่ตอนนี้มันก็ดูสมเหตุสมผลกับผมแล้วล่ะ”
นอกจากบทเหล่านั้น เลอกิซาโมยังได้มีโอกาสเปิดเผยถึงช่วงที่เขาพลาดบทบาทเป็นวัลเจอร์ (Vulture) วายร้ายจักรวาล Spider-Man ใน ‘Spider-Man: Homecoming’ (2017) ของ MCU ที่ในภายหลังบทนี้ก็ตกเป็นของไมเคิล คีตัน (Michael Keaton)
“ผมควรจะได้เป็น Vulture เราได้เจรจากันไปแล้ว และผมกำลังจะได้เล่นบทนี้ของเขา แต่พวกเขาบอกว่า ไมเคิล คีตัน อยากได้บทนี้คืนมา และพวกเขาก็ถามผมว่าผมจะไม่ยอมถอดใจใช่ไหม ผมก็เลยบอกว่า ‘ก็คงอย่างงั้นล่ะ’ พวกเขาบอกว่า ‘ไม่ เราจะทำงานร่วมกับคุณอีกครั้ง’ นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนั้น”
“ซึ่งผมก็ไม่เข้าใจเท่าไหร่ ผมคิดว่าตอนนั้นนักแสดงอีกคนคงจะฟ้องร้อง (ถ้าไม่ได้รับบท) ตามที่ตกลงเงื่อนไขกันไปแล้ว เราผ่านช่วงเจรจาครั้งใหญ่ และเราก็ตกลงตามเงื่อนไขกัน เราตกลงกันแล้ว แต่ยังไม่ได้เซ็นสัญญาอะไร ผมคิดว่านั่นคงเป็นเงื่อนไขที่เขาจะใช้ฟ้องร้องได้”
“หัวหน้าสตูดิโอโทรหาผมแล้วบอกว่า ‘นี่มันแย่มาก ฉันรู้สึกแย่มาก ๆ แล้วคุณจะยอมหรือเปล่า ?’ ผมก็เลยยอมแพ้ ผมรู้สึกแบบว่า ถ้าคุณไม่ต้องการผม ผมก็ไม่ต้องการอยู่ที่นั่นเหมือนกัน คุณนึกออกไหม คุณยายของผมชอบบอกว่า ‘ถ้าพวกเขาไม่อยากให้เธอไปงานปาร์ตี้ก็จงอย่าไป’ ผมก็เลยแบบว่า ถ้าคุณไม่อยากให้ผมอยู่ในงานปาร์ตี้ ผมก็ไม่ต้องการจะอยู่ ผมรู้สึกไม่พอใจและเริ่มจะท้อ ผมเลยไม่อยากจะเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งนี้แล้ว”
และคำตอบนั้นก็เหมือนเป็นการยืนยันแบบกลาย ๆ ว่า หากเขาได้รับการเสนอให้กลับไปรับบทใน Marvel Cinematic Universe หรือในจักรวาลซูเปอร์ฮีโรไหนก็ตาม ข้อเสนอที่เขาอยากจะได้รับคงไม่ใช่แค่การรับบทสมทบแบบที่เขาเคยได้รับ
“ผมคงจะทำนะ ถ้าผมได้รับบทแบบ Riddler (วายร้ายใน Batman) หรืออะไรที่คล้าย ๆ แบบนั้น ผมคงยอมกลับไปรับบทในแฟรนไชส์ ผมหมายความว่า ถ้าจะแค่ชดเชยให้ด้วยการเสนอบทนักวิทยาศาสตร์ตัวเล็ก ๆ ในหนังให้ผม ผมคงพูดได้ว่า ‘ไม่ล่ะ ขอบใจนะ, ขอบใจนะ แต่ไม่ล่ะ'”