‘Megalopolis’ ภาพยนตร์ไซไฟทุนสร้าง 120 ล้านเหรียญ ผลงานการกำกับ เขียนบท และโปรดิวซ์ของฟรานซิส ฟอร์ด คอปโปลา (Francis Ford Coppola) ที่ว่าด้วยเรื่องราวมหากาพย์เกี่ยวกับมหานครในดินแดนแห่งอเมริกาใหม่ในจินตนาการ นักอุดมคติอย่าง ซีซาร์ คาทิลินา ที่ต้องการนำพาเมืองไปสู่อนาคตในอุดมคติ แต่นายกเทศมนตรี แฟรงก์คลิน ซิเซโร กลับมีแนวคิดที่ต้องการรักษาเมืองที่เต็มไปด้วยการแบ่งชนชั้นเอาไว้ดังเดิม ในขณะที่จูเลีย ซิเซโร ลูกสาวของนายกเทศมนตรีและคนรักของซีซาร์ ได้ออกค้นหาความจริงว่าเมืองในจินตนาการนี้ควรก้าวไปสู่ทิศทางใดกันแน่
ตัวหนังได้นักแสดงนำมาร่วมงานกันอย่างคับคั่ง อาทิ อดัม ไดรเวอร์ (Adam Driver), จิอันคาร์โล เอสโปซิโต (Giancarlo Esposito), นาตาลี เอ็มมานูเอล (Nathalie Emmanuel), ออเบรย์ พลาซา (Aubrey Plaza), ไชอา เลอบัฟ (Shia LaBeouf), จอน วอยต์ (Jon Voight), ลอว์เรนซ์ ฟิชเบิร์น (Laurence Fishburne), ดัสติน ฮอฟแมน (Dustin Hoffman) และอีกมากมาย
ในวาระที่หนังเพิ่งจะได้ผู้จัดจำหน่ายอิสระ 5 รายในยุโรป และกำลังจะเข้าฉายรอบพรีเมียร์เป็นครั้งแรก ในเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ ครั้งที่ 77 (The 77th annual Cannes Film Festival) ในวันที่ 16 พฤษภาคมที่จะถึงนี้ เว็บไซต์ The Guardian ได้เผยแพร่รายงานจากแหล่งข่าวถึงความวุ่นวายในกองถ่าย ‘Megalopolis’ โปรเจ็กต์ในฝันที่คอปโปลารอคอยจะสร้างมานานกว่า 40 ปี
แม้ว่านี่จะเป็นผลงานที่หลายคนมองว่าเป็นดั่งผลงานชิ้นเอกของคอปโปลา เจ้าของรางวัลออสการ์จาก ‘The Godfather Part II’ (1974) และรางวัลปาล์มทองคำ (Palme d’Or) จากภาพยนตร์ ‘The Conversation’ (1974) และ ‘Apocalypse Now’ (1979) แต่สิ่งที่เว็บไซต์ The Guardian ได้รายงานอ้างถึงแหล่งข่าวที่เป็นทีมงานของกองถ่ายหนังเรื่องนี้กลับรายงานถึงความวุ่นวาย และเรื่องอื้อฉาวในกองถ่ายหนังเรื่องนี้ ซึ่งเกือบทั้งหมดเกิดจากความหัวเก่า (Old School) ของผู้กำกับรุ่นใหญ่วัย 85 ปี
ถึงขั้นที่บทความได้ยกตัวอย่างเปรียบเทียบกับความวุ่นวายของหนังเรื่องนี้ กับกองถ่าย ‘Apocalypse Now’ ที่แม้ว่าจะได้รับการยกย่องให้เป็นภาพยนตร์สงครามระดับตำนาน แต่เบื้องหลังกลับเต็มไปด้วยอุปสรรคอันโหดร้าย ตั้งแต่ความลำบากในการหาทุน การถ่ายทำในป่า สภาพอากาศอันเลวร้าย การเซตกองถ่ายที่เต็มไปด้วยรายละเอียดยิบย่อยและเต็มไปด้วยความยุ่งยาก ค่าตัวนักแสดงที่ต่ำกว่าปกติ อาการหัวใจวายกะทันหันของนักแสดงนำ ที่ทำให้คอปโปลาถึงขั้นฝันร้ายและสิ้นหวังไปช่วงหนึ่ง ซึ่งเอเลนอร์ คอปโปลา (Eleanor Coppola) ภรรยาผู้ล่วงลับ ได้บันทึกฟุตเทจเอาไว้ และถ่ายทอดเรื่องราวทั้งหมดดังกล่าวนั้นไว้ในสารคดี ‘Heart of Darkness: A Filmmaker’s Apocalypse’ (1991)
โปรเจกต์ในฝันของคอปโปลาเรื่องนี้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกตอนที่เขากำลังสร้างหนัง ‘Apocalypse Now’ ซึ่งบทภาพยนตร์ในฝันที่เกี่ยวกับ ‘ความเป็นมหากาพย์ปกรณัมโรมัน ที่มีฉากอยู่ในอเมริกาสมัยใหม่’ ที่ได้แรงบันดาลใจจากความกังวลต่อลัทธิจักรวรรดินิยมของสหรัฐอเมริกา และนับเป็นหนังเรื่องแรกของเขา นับตั้งแต่ความล้มเหลวด้านรายได้ของหนังมิวสิคัล ‘One From the Heart’ ที่ออกฉายในปี 1982 ที่เขาออกทุนสร้างด้วยตัวเอง
คอปโปลาที่มีผลงานการกำกับเพียง 3 เรื่อง ในช่วงหลังปี 2000s ได้หยิบเอาโปรเจกต์ ‘Megalopolis’ มาปัดฝุ่นและสานต่ออีกครั้ง จากการแก้ไขบทรวมกว่า 300 ครั้ง การเตรียมตัวยาวนานกว่า 40 ปี และทุ่มเงินส่วนตัวกว่า 120 ล้านเหรียญ ที่ส่วนหนึ่งมาจากการขายโรงกลั่นไวน์ Francis Ford Coppola Winery ของเขาที่ตั้งอยู่ในเขตโซโนมา (Sonoma County) รัฐแคลิฟอร์เนีย เพื่อใช้เป็นเงินทุนในการเนรมิตหนังเรื่องนี้ขึ้นมา จนกระทั่งหนังเรื่องนี้ได้เริ่มต้นถ่ายทำใน Sound Stage ในแอตแลนตา ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงปี 2022
แม้ว่านักแสดงนำ รวมทั้งไดรเวอร์เองจะเคยพูดถึงประสบการณ์แง่ดีในกองถ่าย แต่จากแหล่งข่าวหลายคนกลับเผยว่า การสร้างหนังเรื่องนี้กลับเต็มไปด้วยความวุ่นวายที่ไม่ต่างอะไรกับ ‘Apocalypse Now’ เลย ทีมงานที่ต่างลาออกกลางคัน และบางครั้งคอปโปลาก็ทะเลาะกับนักแสดงอีกคนอย่างเลอบัฟบ้าง ซึ่งแหล่งข่าวบางคนเผยว่า ความหัวเก่าของคอปโปลาสร้างความวุ่นวายในกองถ่าย จนแหล่งข่าวคนหนึ่งกล่าวถึงว่า “มันเหมือนกับการคอยรื้อเศษซากรถไฟวันแล้ววันเล่า สัปดาห์แล้วสัปดาห์เล่า และทุกคนตรงนั้นก็พยายามอย่างเต็มที่เพื่อป้องกันไม่ให้รถไฟชนกัน”
จากเวลาการถ่ายทำทั้งหมด 16 สัปดาห์ ช่วงเดือนธันวาคม ปี 2022 หรือราว ๆ ครึ่งทางของการถ่ายทำ ทีมงานวิชวลเอฟเฟกต์ และทีมงานฝ่ายศิลป์ส่วนใหญ่ถูกไล่ออก หรือไม่ก็ลาออกกลางคัน การใช้เทคโนโลยีฉากจำลองบนกำแพงจอ LED ขนาดใหญ่ที่เรียกว่า ‘The Volume’ ที่กำลังได้รับความนิยมในฮอลลีวูดถูกยกเลิก ก่อนที่คอปโปลาจะหันกลับไปใช้ฉากกรีนสกรีน (Green Screen) แบบดั้งเดิมแทน แหล่งข่าวรายหนึ่งเล่าว่า “เขาเองมักจะคอยบอกกับเราว่า ‘ผมไม่ได้อยากจะทำหนัง Marvel’ แต่สุดท้ายเขาก็ยังถ่ายทำแบบนั้นอยู่ดี”
แหล่งข่าวกล่าวว่า คอปโปลา ผู้ไม่เคยมีประสบการณ์ในการถ่ายทำกับภาพยนตร์ที่ใช้วิชวลเอฟเฟกต์จำนวนมาก ได้ไล่ทีมงานวิชวลเอฟเฟกต์ และทีมงานฝ่ายศิลป์เกือบทั้งหมด ซ้ำรอยกับตอนที่เขาไล่แผนกวิชวลเอฟเฟกต์ในหนัง ‘Bram Stoker’s Dracula’ (1992) ของเขาเมื่อ 30 กว่าปีก่อน ในขณะที่คนที่เหลืออยู่ ทั้งมาร์ก รัสเซล (Mark Russell) หัวหน้าฝ่ายวิชวลเอฟเฟกต์ เบธ มิกเคิล (Beth Mickle) ผู้ออกแบบงานสร้าง และเดวิด สก็อตต์ (David Scott) ผู้กำกับศิลป์ ต่างก็ทยอยลาออกไปจนเกือบหมด แหล่งข่าวผู้เป็น 1 ในคนที่ถูกไล่ออกกล่าวกับ The Hollywood Reporter ว่า การเลิกจ้างของเขาเหมือนกับการได้รับพร “มันโคตรจะบ้าเลยตอนอยู่ในกองถ่าย”
แม้เทคโนโลยีใหม่ ๆ จะช่วยให้การถ่ายหนังเป็นไปได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว แต่ดูเหมือนคอปโปลาจะยังยึดสูตรการทำหนังแบบ Old School ที่ต้องการความเป็นธรรมชาติ การสร้างเทคนิคพิเศษโดยไม่พึ่งพาเทคนิค CGI และการค้นหา Magic Moment บางอย่าง แทนที่จะใช้เทคนิคดิจิทัลในการถ่ายทำ คอปโปลากลับต้องการใช้เทคนิคแบบดั้งเดิม ตั้งแต่การใช้โปรเจกเตอร์และกระจก เหมือนกับที่เขาเคยทำกับ ‘Dracula’ เมื่อ 30 กว่าปีก่อนมาใช้ในการถ่ายทำฉากแรกของไดร์เวอร์
แหล่งข่าวคนหนึ่งเล่าเทคนิคการถ่ายทำฉากของไดร์เวอร์ “พวกเขามัดอดัม ไดร์เวอร์ ไว้กับเก้าอี้เป็นเวลา 6 ชั่วโมง และพวกเขาก็เอาโปรเจกเตอร์ราคา 100 เหรียญมาฉายภาพที่ด้านข้างศีรษะของเขา ส่วนตัวฉันเป็นคนชอบทดลองนะ แต่นี่คือสิ่งที่คุณต้องการทำในวันแรกกับนักแสดงค่าตัว 10 ล้านเหรียญจริง ๆ เหรอ ?” แหล่งข่าวอธิบายเพิ่มเติมว่า ในขณะที่เอฟเฟกต์แบบนี้จะทำได้ง่ายและเร็วกว่ามากหากใช้เทคนิคดิจิทัล “คอปโปลาเป็นคนที่ใช้เวลาครึ่งวัน ไปกับสิ่งที่สามารถทำได้ภายใน 10 นาที”
“เราทุกคนต่างรู้ดีว่าเรากำลังมีส่วนในสิ่งที่อาจทำให้อาชีพการงานของเขาต้องจบลงอย่างน่าเศร้า แต่บางคนกลับรู้สึกว่า เขาต่างไม่พอใจคนจำนวนมากที่พยายามจะช่วยอำนวยความสะดวกในกระบวนการการถ่ายหนังที่ดีขึ้น” ทีมงานคนหนึ่งเล่า
ทีมงานคนหนึ่งเผยว่า แนวทางของคอปโปลามักจะเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาจนทำให้พวกเขารู้สึกหงุดหงิด “เรามีการออกแบบที่สวยงาม ซึ่งพัฒนาอยู่เรื่อย ๆ และเขาก็ไม่เคยยอมแพ้อะไรเลย และทุกครั้งที่เรามีการประชุมครั้งใหม่ แนวคิดก็ต่างออกไป” เมื่อทีมงานต้องการยืนยันถึงแนวทางของหนัง พวกเขาเล่าถึงคอปโปลาที่ตอบกลับมาหน้าตาเฉยว่า “แล้วคุณจะรู้ได้ไงว่า ‘Megalopolis’ หน้าตามันเป็นยังไง ขนาดผมเองยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ‘Megalopolis’ หน้าตาเป็นยังไง”
ทีมงานอีกคนเล่าถึงความเสียเวล่ำเวลาของคอปโปลาในกองถ่ายไปโดยเปล่าประโยชน์ว่า “เขามักจะมาปรากฏตัวในตอนเช้าก่อนถ่ายฉากใหญ่ และพอไม่ได้มีการวางแผนใด ๆ ไว้ เนื่องจากว่าเขาไม่อนุญาตให้มีคนร่วมวางแผนด้วย เขาจึงมักจะนั่งเฉย ๆ ในรถเทรลเลอร์ของเขาเป็นเวลาหลายชั่วโมง ไม่ยอมคุยกับใคร เขาชอบสูบกัญชา และเวลาก็ผ่านไปหลายชั่วโมงโดยที่ไม่ได้ทำอะไรเลย”
“ทีมงานและนักแสดงต่างก็ยืนรออยู่รอบ ๆ แล้วเขาก็ออกมาอาละวาดเหวี่ยงในเรื่องที่ไม่เข้าท่า หรือเรื่องที่ไม่เป็นไปตามที่สั่งเอาไว้ และเราทุกคนก็ต้องทำตามนั้นด้วยการพยายามทำออกมาให้ดีที่สุด แต่เกือบทุกวัน เราจะเดินส่ายหัวออกไปและสงสัยว่า พวกเราใช้เวลา 12 ชั่วโมงที่ผ่านมาทำอะไรไปบ้าง”
ทีมงานอีกคนกล่าวว่า “คือพูดแบบนี้มันก็ฟังดูบ้าแหละ แต่ก็มีหลายครั้งที่เราทุกคนยืนดูแล้วก็พูดว่า ‘ผู้ชายคนนี้มันเคยทำหนังมาก่อนหรือเปล่าวะเนี่ย'”
พฤติกรรมแบบ Old School อีกอย่างของคอปโปลาที่เปิดเผยในรายงานของ The Guardian ก็คือ คอปโปลามักมีพฤติกรรมหลายอย่างต่อนักแสดงประกอบผู้หญิง แหล่งข่าวคนหนึ่งเล่าว่า มีคนบอกว่า เขามักจะดึงผู้หญิงให้ไปนั่งบนตักของเขา และในระหว่างถ่ายทำฉากไนต์คลับที่อยู่ในหนังเรื่องนี้ มีคนพบเห็นว่าคอปโปลาเข้ามาในกองถ่าย และพยายามจะจูบนักแสดงตัวประกอบผู้หญิงที่นุ่งน้อยห่มน้อยและเปลือยท่อนบน โดยผู้กำกับกล่าวอ้างว่าเขากำลัง ‘พยายามทำให้พวกเขามีอารมณ์’
ภายหลังจากรายงานฉบับนี้ ดาร์เรน ดีเมเตอร์ (Darren Demetre) Executive Co-Producer ของหนังเรื่องนี้ได้ออกมาแก้ต่างว่า คอปโปลาจูบแก้มนักแสดงทุกคนอย่างอ่อนโยนและไม่ได้มีเจตนาในการคุกคามทางเพศแต่อย่างใด
“ผมรู้จักและร่วมงานกับฟรานซิส และครอบครัวของเขามาเป็นเวลากว่า 35 ปีแล้ว ในฐานะเป็น 1 ในผู้ช่วยผู้กำกับอันดับ 1 และเป็นผู้อำนวยการสร้างบริหารใน ‘Megalopolis’ หนังมหากาพย์เรื่องใหม่ของเขา ซึ่งผมมีส่วนช่วยดูแล และให้คำแนะนำในการผลิต และดำเนินการใน Second Unit”
“ฟรานซิสประสบความสำเร็จในการผลิตและกำกับภาพยนตร์อิสระฟอร์มยักษ์เรื่องนี้ โดยต้องคอยตัดสินใจเรื่องยาก ๆ เพื่อให้แน่ใจว่าหนังจะเสร็จตรงเวลาและงบประมาณ ในขณะเดียวกันก็ต้องรักษาวิสัยทัศน์ที่สร้างสรรค์ของเขาเอาไว้ด้วย”
“มีอยู่ 2 วันที่เราถ่ายฉากเฉลิมฉลองในคลับสไตล์ Studio 54 เพื่อสร้างจิตวิญญาณให้กับฉากนั้น ฟรานซิสเดินเข้าไปกอดและจูบแก้มอย่างอ่อนโยนกับนักแสดงและนักแสดงประกอบ มันเป็นวิธีการของเขาในการช่วยสร้างแรงบันดาลใจและบรรยากาศของคลับ ซึ่งมีความสำคัญต่อภาพยนตร์เรื่องนี้อย่างมาก ตัวผมเองไม่พบเห็นการร้องเรียนเรื่องเกี่ยวกับการล่วงละเมิด หรือพฤติกรรมที่ไม่ดีใด ๆ ในระหว่างที่ถ่ายทำหนังเรื่องนี้”
ไม่ใช่ว่าคอปโปลาจะไม่เคยออกมาพูดถึงในกรณีนี้ เขาเองเคยออกมาปฏิเสธข่าวลือถึงความวุ่นวายในกองถ่าย ‘Megalopolis’ ที่เกิดขึ้น ตั้งแต่ผลพวงจากการไล่ทีมงานบางส่วนออก รวมทั้งข่าวลือต่าง ๆ กับทาง Deadline
“ผมไม่เคยทำงานในหนังที่ผมมีความสุขกับนักแสดงมาก่อน ในภาพรวม ผมมีความสุขมาก และเราทำงานตามแผนได้ดีมาก ๆ รายงานพวกนี้ไม่เคยบอกเลยว่าแหล่งที่มานั่นมาจากไหน สำหรับพวกเขา ผมจึงได้แต่ ฮ่า ๆ รอดูไปก่อนเถอะ”
“เพราะนี่คือภาพยนตร์ที่มีความสวยงาม และที่สำคัญเพราะนักแสดงที่เก่งกาจมาก ๆ ผมไม่เคยสนุกกับการร่วมงานกับนักแสดงที่ทำงานหนัก และเต็มใจที่จะแหวกแนวเพื่อค้นพบวิธีการแก้ปัญหาที่ซ่อนอยู่ได้มากขนาดนี้มาก่อน การได้ร่วมงานกับนักแสดงเหล่านี้ถือเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นมาก ๆ และการเปิดกล้องก็เป็นทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมจะคาดหวังได้ งานในแต่ละวันที่เป็นไปตามกำหนดการช่างยอดเยี่ยม และผมก็รักนักแสดงเหล่านี้ และมันก็ออกมาดูดีมากขนาดนี้ ผมไม่สนหรอกว่าใครจะพูดถึงอะไรเกี่ยวกับที่นี่”
“ผมสนใจที่หนังจะได้เข้าฉายทั้งในโรงภาพยนตร์ และโรง IMAX ผมรู้สึกตื่นเต้นกับความเป็นไปได้ที่หนังเรื่องนี้จะเข้าฉายในวันเดียวกันทุกที่ทั่วโลกเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ นั่นคือเป้าหมายของผม”
“เป้าหมายแรกของผมคือการสร้างเรื่องราวของความรักด้วยหัวใจ แต่แล้วคุณก็รู้ว่า มันเป็นเรื่องของความรัก ความไม่ซื่อสัตย์ และทุกแง่มุมในชีวิตมนุษย์ มันสะท้อนถึงแง่มุมอื่น ๆ ของมนุษย์ด้วย เช่น โลกของเราตกอยู่ในอันตราย แต่ท้ายที่สุด หนังเรื่องนี้ก็มีแง่ดีในความศรัทธาในความสามารถของมนุษย์ที่จะแก้ปัญหาใด ๆ ก็ตามที่อยู่ตรงหน้าเรา”
“นักแสดงของผมในหนังเรื่องนี้คือกลุ่มนักแสดงที่วิเศษที่สุด ทำงานได้อย่างงดงาม และไม่มีอะไรที่ผมจะรู้สึกเป็นอย่างอื่น ทุกคืนผมจะไปอ่านหนังสือพิมพ์และผมก็เข้าใจว่าทำไมผมถึงต้องเจอเรื่องทั้งหมดนี้ ผมรักสิ่งที่ผมเจอในทุกคืน ภาพของหนังเรื่องนี้มันช่างตรงกับสิ่งที่ผมฝันเอาไว้เลย”