อีก 2 เดือน หนังในจักรวาล MCU เรื่องแรกและเรื่องเดียว (และความหวังหมู่บ้านชาว Marvel Studios) ของปีนี้อย่าง ‘Deadpool & Wolverine’ ก็จะได้ฤกษ์เข้าฉายในวันที่ 24 กรกฎาคมนี้แล้ว แม้ถึงตอนนี้เราจะไม่แปลกใจแล้วที่ได้เห็นไรอัน เรย์โนลด์ (Ryan Reynolds) กลับมารับบท เวด วิลสัน (Wade Wilson) หรือเดดพูล (Deadpool) ฮีโรสุดห่ามเป็นครั้งแรกใน MCU มาพร้อมกับ ฮิว แจ็กแมน (Hugh Jackman) ที่หวนกลับมารับบท วูล์ฟเวอรีน (Wolverine) มิวแทนต์กรงเล็บเหล็กแห่งจักรวาล X-Men อีกครั้ง
แม้ว่าหลังจากเสร็จสิ้นการรับบทใน ‘Logan’ (2017) แจ็กแมนจะประกาศวางมือจากบทบาทนี้อย่างถาวร ไปสัมภาษณ์สื่อที่ไหนก็มักจะได้คำตอบถึงการยืนยันว่าจะไม่กลับมารับบทนี้อีก เหตุผลส่วนหนึ่งก็เพราะความเหนื่อยล้าจากการเตรียมฟิตร่างกายในการเตรียมตัวรับบทนี้ จนมีข่าวลือว่านักแสดงหนุ่มอีกคนอย่าง ทารอน เอเจอร์ตัน (Taron Egerton) อาจจะได้รับบทนี้แทนแล้วด้วยซ้ำ
จนกระทั่งเมื่อปี 2022 เรย์โนลด์ได้ปล่อยคลิปทีเซอร์เพื่อยืนยันว่า เขาสามารถพาแจ็กแมนกลับมารับบทนี้ได้เสียที แถมยังเคยให้สัมภาษณ์ว่าเขาต้องใช้เวลายาวนานกว่า 3 ปีกว่าจะขอร้องให้แจ็กแมนยอมกลับมาสวมกรงเล็บเหล็กอีกครั้ง
แต่นั่นก็ดูจะไม่ใช่เพียงแค่ความต้องการของเรย์โนลด์ฝ่ายเดียว เพราะล่าสุด แจ็กแมน รวมทั้งเรย์โนลด์ และผู้กำกับอย่าง ชอว์น เลวี (Shawn Levy) ได้เปิดเผยเรื่องราวของการถูกชวนให้กลับมารับบทวูล์ฟเวอรีน (ในแบบที่เป็นทางการ) ในคลิปสัมภาษณ์ของช่อง YouTube Fandango ซึ่งแจ็กแมนได้เปิดเผยว่า การที่เขาตัดสินใจรับปากกับเพื่อนซี้อย่างเรย์โนลด์ว่าจะกลับมารับบท วูล์ฟเวอรีน ในหนัง ‘Deadpool’ ภาคใหม่นั้นเกิดขึ้นอย่างกะทันหันกว่าที่คิดไว้
“ตอนนั้นผมกำลังเดินทางอยู่ครับ ผมกำลังขับรถอยู่ แล้วอยู่ดี ๆ ก็เหมือนมีสายฟ้าฟาดลงมา มันเป็นความรู้สึกที่อยู่ในจิตสำนึกนั่นแหละ ทำให้ผมรู้อยู่ข้างในลึก ๆ ว่า ผมอยากจะเล่นหนังเรื่องนี้ร่วมกับไรอันจริง ๆ เพื่อจะได้ทำให้ Deadpool กลับมาเจอกับ Wolverine อีกครั้ง”
“อันนี้ผมสาบานได้เลยนะครับว่า ตอนที่ผมบอกว่าผมไม่อยากรับบทนี้น่ะ ผมคิดเอาไว้ว่าจะไม่เอาแล้วจริง ๆ นะ แต่ตอนที่ดู ‘Deadpool’ ภาคแรก (2016) เสียงในหัวของผมมันบอกว่า ‘ตัวละคร 2 ตัวนี้มันต้องมาอยู่ด้วยกันสิวะ’ ผมเลยรู้ทันทีเลยว่าแฟน ๆ ก็คงต้องการมันมาตลอดตั้งแต่ที่ผมสวมกรงเล็บนี้ และมันก็ยังเป็นแบบนั้นมาตลอด แต่ผมแค่เพิ่งจะรู้ตัวเท่านั้นเอง”
“ตอนนั้นผมนี่แทบจะรอให้ถึงจุดหมายไม่ไหวเลยครับ พอผมมาถึงแล้ว ผมก็โทรหาไรอัน แล้วผมก็บอกว่า ‘มาลุยกันเถอะ’ แล้วตอนนั้นผมไม่ได้โทรหาตัวแทนของผมเลยนะครับ ไม่เลยสักคน ตอนหลังผมถึงต้องโทรไปบอกตัวแทนของผมว่า ‘พอดีผมเพิ่งตกลงรับเล่นหนังไปเรื่องหนึ่งแล้วน่ะครับ'”
หลังจากมีผลงานทีวีซีรีส์และภาพยนตร์มาอีกเล็กน้อย แจ็กแมนก็ได้รับโอกาสสำคัญในการรับบทเป็นโลแกน หรือวูล์ฟเวอรีน ครั้งแรกใน ‘X-Men’ (2000) ของ 20th Century Fox และผูกขาดการรับบทนี้ในอีกหลายภาค ก่อนจะปิดฉากอย่างสมบูรณ์แบบในหนังเดี่ยว ‘Logan’ ที่ทำให้แจ็กแมนเป็น 1 ในนักแสดงที่รับบทบาทในหนังของ Marvel ยาวนานที่สุด
จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ที่ Disney เข้าซื้อกิจการ Fox วี่แววของการดึงจักรวาล X-Men กลับสู่บ้านหลังใหญ่อย่าง MCU จึงเป็นไปได้จริง และไอเดียของการนำเอาแจ็กแมนกลับมารับบทวูล์ฟเวอรีนก็ถูกพูดถึงอีกครั้ง แต่กลายเป็นว่าหัวเรือใหญ่อย่าง เควิน ไฟกี (Kevin Feige) ประธานของ Marvel Studios กลับไม่เห็นด้วยที่จะให้แจ็กแมนกลับมาทำลายประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่
“ผมบอกเขาว่า ‘ผมจะให้คำแนะนำแก่คุณนะฮิว อย่ากลับมาเป็นอันขาด คุณมี ‘Logan’ ที่เป็นตอนจบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์เชียวนะ และนั่นไม่ใช่สิ่งที่เราควรจะไปทำลายมัน'”
แต่สุดท้าย ไอเดียของ ‘Deadpool & Wolverine’ ก็เกิดขึ้นจริง เหตุผลส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดขึ้นได้ก็เพราะว่าตัวของแจ็กแมนเองที่อยากทำงานร่วมกับทั้งเรย์โนลด์และเลวี ส่วนเรย์โนลด์เองก็เคยให้สัมภาษณ์ว่า ตอนที่เขาประชุมครั้งแรกกับทาง Marvel ตอนที่ Disney เข้าซื้อ Fox ไอเดียนี้แทบจะเป็นไปไม่ได้ และเขาเคยเล่าว่าเขาตามตื๊อให้แจ็กแมนกลับมารับบทนี้อีกครั้งมายาวนานกว่า 3 ปี แต่ก็ถูกปฏิเสธมาโดยตลอด
จนกระทั่งเรย์โนลด์ได้ปล่อยทีเซอร์แรกที่เผยให้เห็นเขากับแจ็กแมนที่ตกปากรับคำกลับมารับบทนี้อย่างแน่นอนในท้ายที่สุด ซึ่งแน่นอนว่าพอเรื่องแดงออกมาว่าจริง ๆ แล้วหนังเรื่องนี้เกิดจากความต้องการของแจ็กแมนต่างหาก เรย์โนลด์เลยให้สัมภาษณ์แซว ๆ กับสำนักข่าว AP ว่า
“ตอนนี้ผมเริ่มคิด…เริ่มจะคิดแล้วล่ะว่าฮิวนี่เป็นคนขี้โกหกแค่ไหน เขากลายเป็นคนโกหกหน้าไม่อายที่มาพร้อมกับคำพูดตอหลดตอแหล แล้วดูดิ เนี่ย…สุดท้ายเขาก็กลับมาครั้งแล้วครั้งเล่า ซึ่งนั่นแหละครับคือส่วนที่สนุกของการทำหนังเรื่องนี้ล่ะครับ”
ส่วนผู้กำกับอย่างเลวี ก็เคยให้สัมภาษณ์ยืนยันกับ Entertainment Weekly ว่าหนังเรื่องนี้เกิดขึ้นได้ก็เพราะว่าแจ็กแมนยอมตกลงกลับมารับบทวูล์ฟเวอรีน ในแบบที่ไม่มีใครคาดหวังว่าเขาจะยอมกลับมา
“ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแบบสิ้นเชิงเลยครับ ตอนที่ฮิวโทรหาไรอัน เราได้ทำการเวิร์กช็อปเพื่อหาไอเดียต่าง ๆ มากมายเกี่ยวกับเรื่องราวที่จะเป็นไปได้ใน ‘Deadpool’ ภาคที่ 3 ที่ตอนแรกจะเป็นไอเดียที่เกี่ยวกับเรื่องราวที่ต่อเนื่องมาจาก ‘Deadpool’ 2 ภาคแรกมากกว่า แต่ก็ไม่มีใครจะจินตนาการได้ถึงการเปลี่ยนแปลงในระดับสั่นสะเทือนขนาดนี้มาก่อน ผมสามารถพูดได้อย่างมั่นใจเลยว่า เรื่องราวมันได้ถูกเปลี่ยนแปลงไปอย่างสมบูรณ์ และจริง ๆ มันก็เป็นไอเดียที่เข้ามาหาเราอย่างรวดเร็วมากนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา”
“ทุกคนมักจะคิดกันว่า การกลับมาของฮิว เป็นผลจากการที่ผมหรือไม่ก็ไรอัน คอยรบกวนและตื๊อเขาแบบไม่หยุดหย่อน แต่สิ่งที่น่าอัศจรรย์กว่านั้นก็คือ หนังเรื่องนี้มันเกิดขึ้นจากการที่ฮิวเป็นคนชี้ทางสว่างให้ต่างหาก เพราะเขาอยากจะร่วมทีมกันระหว่าง Logan และ Deadpool ดังนั้นนี่จึงเป็นของขวัญจากฟากฟ้าที่สวรรค์ประทานมาให้เพื่อเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งทุกอย่างนั่นเองล่ะครับ”