หากพูดถึงนักแสดงที่มีผลงานมากมายและหลากหลายมาก ๆ ในช่วง 2-3 ปีนี้ก็คงหนีไม่พ้น คริส แพรตต์ (Chris Pratt) นักแสดงสุดหล่อวัย 44 ปี ที่มีผลงานเป็นที่รู้จักจากการรับบทบาทเป็นปีเตอร์ ควิลล์ (Peter Quill) หรือสตาร์-ลอร์ด (Star-Lord) ในแฟรนไชส์ภาพยนตร์ ‘Guardians of the Galaxy’ ของ Marvel Studios
นอกจากนี้ เขาเองยังมีบทบาทให้เราได้เห็นและได้ยินกันอีกมากมาย อาทิ การรับบทเป็นโอเวน เกรดี (Owen Grady) จากแฟรนไชส์ ‘Jurassic World’ รวมทั้งผลงานพากย์เสียงในหนังแอนิเมชัน ทั้งการพากย์เสียงมาริโอ ใน ‘The Super Mario Bros. Movie’ (2023) และล่าสุดกับการพากย์เสียงเป็นเจ้าแมวส้มการ์ฟิลด์ ใน ‘The Garfield Movie’ ที่กำลังฉายอยู่ในเวลานี้
แต่กว่าที่เขาจะกลายมาเป็นที่รู้จัก เขาเองก็เป็นนักแสดงอีกคนหนึ่งที่เคยมีชีวิตปากกัดตีนถีบ เขาเองเคยถึงขั้นเป็นคนไร้บ้านที่ต้องอาศัยนอนในรถตู้ พอมีงานแสดงเข้ามา เขาก็แทบไม่มีเงินเพื่อเดินทางไปคว้าโอกาสด้วยซ้ำ จนกระทั่งเขาได้รับเงินก้อนแรกจากการทำงานในฮอลลีวูด ที่เรียกได้ว่ามากที่สุดในชีวิตเท่าที่เขาเคยได้รับ
แต่ด้วยความไม่ฉลาดทางการเงิน เขากลับทำเงินก้อนนี้หายวับไปกับตา เหมือนที่เขาได้เล่าเอาไว้ในตอนล่าสุดของรายการ ‘Sway in the Morning’ ของสถานีวิทยุซิริอัส เอ็กซ์เอ็ม (SiriusXM) ที่เจ้าตัวถึงกับออกปากทันควันว่า “ไม่ ! ๆ ๆ” หลังจากที่พิธีกรถามว่า เขาได้มีการวางแผนจัดการเงินก้อนนั้นบ้างไหม
“คือผมดันติดอยู่กับความรู้สึกว่าผมคงใช้เงินก้อนนั้นไม่หมดหรอก ความรู้สึกที่ผมมีต่อเงินก้อนแรกที่ผมได้รับก็คือ ‘นี่ได้มาเยอะขนาดนี้จริงดิ ?’ ที่ผมจะบอกก็คือ ผมมักจะชินใช้ชีวิตด้วยเงินน้อย ๆ มานานมากแล้วครับ ดังนั้นงานใหญ่งานแรกที่ผมจำได้ ผมจำได้ว่ามันเป็นงานพาร์ตไทม์นี่แหละ เป็นงานแสดงหนังฉายทางทีวี ตอนนั้นผมได้เงินมา 75,000 เหรียญ แล้วผมก็แบบว่า…(ร้องเป็นทำนองเพลง “Careless Whisper” ของ จอร์จ ไมเคิล, George Michael) ‘และตอนนี้กูคงไม่รออะไร ช่างแม่-ึง ตอนนี้กูจะไป…'” (หัวเราะ)
“…แล้วหลังจากนั้นอีกประมาณ 2 เดือนกว่า ผมก็แบบว่า ‘เงินแ-่งไปไหนหมดแล้ววะ ?'” (หัวเราะ)
แพรตต์เฉลยสาเหตุที่ทำให้เงินเกือบ ๆ แสนเหรียญของเขาต้องอันตรธาน
“ผมกลับไปเที่ยวเกาะเมาอี (Maui – ฮาวาย) ไปออสเตรเลีย ผมเดินทางไปเที่ยวทั่วโลกเลย และผมก็คิดว่า ‘ฉันอยากจะลงทุน ฉันอาจจะได้เรือยอช์ตสักลำก็ได้ ไม่รู้ว่าจะทำไงเหมือนกัน มันเป็นเงินที่มหาศาลมากสำหรับผม ผมไม่เคยนึกเคยฝันเลยว่าจะทำเงินจำนวนมากขนาดนั้นได้ และมันก็หายวับไปเร็วมาก'”
แพรตต์เติบโตมาในครอบครัวชนชั้นแรงงาน พ่อของเขาเป็นคนงานในเหมืองแร่ ส่วนแม่เชื้อสายนอร์เวย์ทำงานเป็นพนักงานซูเปอร์มาร์เก็ต เขาเกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์ด้านการกีฬา สามารถเล่นกีฬาได้หลายชนิด และเขาก็กลายมาเป็นนักมวยปล้ำตอนช่วงมัธยมปลาย จนกระทั่งเข้าช่วงมหาวิทยาลัย เขาเริ่มสนใจในงานด้านการแสดง เขาจึงลาออกจากการเรียนมหาวิทยาลัยหลังจากเข้าเรียนได้เพียงแค่เทอมเดียว
แพรตต์ลาออกมาทำงานรับจ้างหลายอย่าง เช่นการเป็นพนักงานเร่ขายคูปองลดราคา เป็นนักเต้นระบำเปลื้องผ้า จนกระทั่งเขากับเพื่อนตัดสินใจย้ายไปที่เกาะเมาอี (Maui) และเนื่องจากไม่มีค่าเช่าห้อง เขาจึงต้องอาศัยนอนในรถตู้เก่า ๆ ลายการ์ตูนสกูบี้-ดู (Scooby-Doo) จนกระทั่งเมื่อเขากำลังทำงานเข้ากะเป็นเด็กเสิร์ฟในร้านอาหาร ‘Bubba Gump Shrimp Company’ เร ดอว์น ชอง (Rae Dawn Chong) นักแสดงหญิงที่กำลังจะกำกับภาพยนตร์สั้นสยองขวัญ ‘Cursed Part 3’ (2000) ได้เห็นแววการแสดงของเขา ชองจึงตัดสินใจชักชวนให้มาแสดง
แต่เขาเกือบจะไม่ได้เดินทางตามความฝันแล้ว เพราะทั้งเนื้อทั้งตัวของเขามีเงินอยู่แค่ 60 เหรียญ ไม่พอค่าเดินทางไปลอสแองเจลิส จนกระทั่งโปรดิวเซอร์ต้องบอกเขาว่าจะออกค่าตั๋วเครื่องบินให้ เขาจึงมีก้าวแรกในฮอลลีวูดได้ในที่สุด และเขาก็ค่อย ๆ สั่งสมผลงานการแสดงมาเรื่อย ๆ ตั้งแต่การรับบทในหนังหลากหลายบท อาทิ ‘Wanted’ (2018), ‘Moneyball’ (2011)
รวมทั้งการรับบทนำในแฟรนไชส์ ‘Jurassic World’ ที่ทำให้คนรู้จักเขา (จากมีมห้ามไดโนเสาร์) มากขึ้นไปอีก รวมทั้งหนังตลก ‘Delivery Man’ (2013) จนกระทั่งผู้กำกับ เจมส์ กันน์ (James Gunn) ได้ชักชวนมาร่วมจักรวาล MCU ด้วยการรับบทเป็น Star-Lord ครั้งแรกใน ‘Guardians of the Galaxy’ (2014) จนมาถึงภาคสุดท้ายใน ‘Guardians of the Galaxy Vol. 3’ (2023)
หากพูดในแง่ของรายได้ แพรตต์กลายมาเป็นนักแสดงแถวหน้าอีกคนของฮอลลีวูดที่ได้ค่าตัวสูงไม่น้อย มีการรายงานไว้ว่า ในแฟรนไชส์ ‘Guardians of the Galaxy’ แพรตต์น่าจะได้รับค่าตัวรวมทั้งหมดประมาณ 20-25 ล้านเหรียญ แบ่งเป็น 1.5 ล้านเหรียญในภาคแรก และได้รับจาก ‘Avengers: Infinity War’ (2018) อีกราว ๆ 5 ล้านเหรียญโดยไม่รวมส่วนแบ่ง
ส่วนแฟรนไชส์ ‘Jurassic World’ มีรายงานระบุว่า แพรตต์ได้ค่าตัวจากหนังชุดนี้รวมประมาณ 29 ล้านเหรียญ แบ่งเป็น ‘Jurassic World’ ภาคแรก 5 ล้านเหรียญ, ‘Jurassic World 2: Fallen Kingdom’ (2018) 14 ล้านเหรียญ และ ‘Jurassic World Dominion’ (2022) อีก 10 ล้านเหรียญ
และเมื่อเขาเริ่มมีเงินจากการแสดงเข้ามาในบัญชีมากขึ้นเรื่อย ๆ เขาเองก็เริ่มตระหนักถึงการมีความรู้ในการจัดการด้านการเงิน และรู้จักใช้เงินอย่างมีคุณค่า
“เพราะตอนนั้นเราไม่เคยเห็นเงินงอกเงยเลยครับ ไม่มีใครสอนให้ผมมีความรู้ด้านการเงินเลย ผมเลยไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับเงิน มันเลยเป็นแบบว่า มีเงินเข้ามาก็ใช้ไป ผมหมายความว่า มันต้องใช้เวลานานพอสมควรสำหรับผมที่จะหยุดแล้วพูดว่า ‘โอเค ฉันต้องฉลาดกับเรื่องนี้สักที’ ผมต้องคิดล่วงหน้าว่าผมจะทำยังไง ถ้าเกิดว่าผมไม่ได้ทำงานแล้ว ผมคงจะไม่เป็นไรหรอก แต่ครอบครัวล่ะจะโอเคใช่ไหม ? ความรู้ทางการเงินสำหรับช่วงบั้นปลายชีวิตเลยเป็นเหมือนอีกขั้นหนึ่งที่ทำให้ชีวิตของผมเติบโตขึ้นมาอีกระดับ”
การวางแผนทางการเงินไม่ใช่แค่การประหยัด แต่ยังต้องรู้จักใช้เงิน รู้จักซื้อสิ่งที่ควรจะซื้อ และสิ่งหนึ่งที่เขาใช้เงินซื้อหลังจากที่เขารับบทเป็นตัวหลักในทีวีซีรีส์ดราม่า ‘Everwood’ (2002–2006) ของช่อง The WB 4 ซีซัน 89 ตอน ก็นับเป็นสิ่งที่เขายกให้เป็นความสำเร็จไม่กี่อย่างของชีวิตที่เกิดขึ้น
“ผมเคยแสดงซีรีส์ทีวีชื่อ ‘Everwood’ เมื่อปี 2003 หรือสักประมาณ 21 ปีที่แล้วนี่แหละ ผมก็เลยซื้อบ้านให้แม่ด้วย นั่นคือตอนที่ผมรู้สึกว่าผมทำได้แล้ว”