The Hollywood Reporter ได้ยืนยันว่า สตูดิโอ Legendary ได้ทาบทามให้แกรนท์ สปูทอร์ (Grant Sputore) มาเป็นผู้กำกับโปรเจกต์ภาคต่อของ ‘Godzilla x Kong’ แทนอดัม วิงการ์ด (Adam Wingard) ที่ถอนตัวไปก่อนหน้านี้
สปูทอร์เป็นผู้กำกับหน้าใหม่ ที่ได้รับคำชมจากผลงานกำกับและเขียนบทภาพยนตร์ไซไฟระทึกขวัญ เรื่อง ‘I Am Mother’ (2019) ของ Netflix ซึ่งได้คะแนนจากนักวิจารณ์บน Rotten Tomatoes ในระดับสดใหม่ถึง 89% และได้คะแนนจากผู้ชมไปถึง 75%
ด้วยความที่สปูทอร์เป็นผู้กำกับคลื่นลูกใหม่ ทำให้สื่อต่างประเทศคาดการณ์ว่า Legendary มองว่าเขาจะมาพร้อมไอเดียสดใหม่ที่จะขยายจักรวาล ‘Monsterverse’ ให้ไปไกลยิ่งขึ้น ในขณะที่บทนั้นจะได้รับการเขียนโดย เดวิด คัลลาแฮม (Dave Callaham) จาก ‘Spider-Man: Across the Spider-Verse’ (2023)
การรวมทีมของ 2 มอนสเตอร์ยักษ์ก่อนหน้านี้ใน ‘Godzilla vs. Kong’ (2021) และ ‘Godzilla x Kong: The New Empire’ (2024) เป็นผลงานกำกับของวิงการ์ด ซึ่งทำรายได้ไปอย่างมหาศาลถึง 449.5 ล้านเหรียญ จากทุนสร้าง 155 ล้านเหรียญ และ 565.1 ล้านเหรียญ จากทุนสร้าง 135 ล้านเหรียญ ตามลำดับ แต่ด้วยตารางงานของวิงการ์ดที่แน่นและไม่ลงตัวกับแผนการพัฒนาแฟรนไชส์ ทำให้เขาตัดสินใจถอนตัวจากโปรเจกต์ภาคต่อ ‘Godzilla x Kong’ ไปเมื่อปลายเดือนพฤษภาคม 2024 ที่ผ่านมา
โจทย์สำคัญที่สปูทอร์ต้องเข้ามาสานต่อคือ จะเล่าเรื่องภัยคุกคามใหม่อย่างไรจึงจะทำให้ Godzilla และ Kong กลับมาร่วมมือกันปกป้องโลกเป็นครั้งที่ 3 ได้อย่างสมเหตุสมผล หลังจากที่ ‘Godzilla x Kong: The New Empire’ ทิ้งท้ายด้วยการที่ Godzilla กลับขึ้นมาบนพื้นโลก ในขณะที่ Kong กลายเป็นผู้นำเผ่าวานรยักษ์ใน Hollow Earth
อย่างไรก็ดี จากการที่สปูทอร์ได้รับคำชื่นชมว่า สร้างสรรค์อารมณ์ระทึกขวัญได้อย่างชาญฉลาดใน ‘I Am Mother’ อาจทำให้เขาสร้างสรรค์โทนเรื่องใหม่ในภาคต่อ ‘Godzilla x Kong’ ให้มีมิติและมีความน่ากลัวยิ่งขึ้น และอาจส่งผลให้ฉากแอ็กชันมีความจริงจังขึ้นตามไปด้วย
อีกประเด็นที่น่าสนใจคือ สปูทอร์จะทำให้ตัวละครมนุษย์มีบทบาทสำคัญมากขึ้นได้อย่างไร หลังจากที่ตัวละครเหล่านี้แทบไม่มีบทที่น่าจดจำเลยตั้งแต่ ‘Godzilla: King of the Monsters’ (2019) มาจนถึง ‘Godzilla x Kong: The New Empire’ และยังไม่มีรายงานยืนยันว่า ทีมนักแสดงชุดเดิมจะกลับมาในภาคต่อของ ‘Godzilla x Kong’ หรือไม่