โปรเจกต์หนึ่งที่คอหนังหลายคนรอคอยตอนเข้าสู่ปี 2024 ก็คือ ‘Argylle’ หนังแอ็กชันนักสืบ ผลงานกำกับโดย แมทธิว วอห์น (Matthew Vaughn) ผู้กำกับและเขียนบท ‘Kick-Ass’ (2010), ‘X-Men: First Class’ (2011) และแฟรนไชส์ ‘Kingsman’ ผลงานเรื่องล่าสุดของสตูดิโอ Apple Original Films พร้อมด้วยนักแสดงดัง ๆ คับคั่ง ทั้งเฮนรี คาวิลล์ (Henry Cavill), ไบรซ์ ดัลลัส ฮาวเวิร์ด (Bryce Dallas Howard), แซมมวล แอล แจ็กสัน (Samuel L. Jackson), แซม ร็อกเวลล์ (Sam Rockwell), ดูอา ลิปา (Dua Lipa) และจอห์น ซีนา (John Cena)
แต่สุดท้าย ‘Argylle’ ก็ไปไม่ถึงฝั่งฝัน หากเทียบกับหนังเรื่องก่อนหน้าจากสตูดิโอเดียวกัน ที่ใช้กลยุทธ์เข้าฉายในโรงหนังก่อนลงสตรีมมิง แม้ตัวหนังจะใช้ทุน 200 ล้านเหรียญเท่ากัน และขาดทุนทุกเรื่องเหมือนกัน แต่หนังดราม่าอาชญากรรม ‘Killers of the Flower Moon’ (2023) ก็ยังเป็นหนังสายรางวัลที่ได้เข้าชิงในเวทีใหญ่ ๆ ส่วนหนังอิงประวัติศาสตร์ ‘Napoleon’ (2023) ที่ขาดทุนเหมือนกัน แต่ก็ยังพอจะได้รับคำชมในระดับหนึ่ง
แต่กลายเป็นว่า ‘Argylle’ ผลงานที่ถูกคาดหวังจากฝีมือของผู้กำกับที่เคยทำผลงานไว้อย่างยอดเยี่ยมในไตรภาค ‘Kingsman’ กลับประสบความล้มเหลวตอนฉาย รวมทั้งยังได้รับคำวิจารณ์ในแง่ลบเป็นส่วนใหญ่
วอห์นได้เปิดอกคุยถึงความรู้สึกของเขาต่อคำวิจารณ์หนังเรื่องนี้ ในส่วนหนึ่งจากบทสัมภาษณ์ของนิตยสาร Empire ฉบับล่าสุด ที่เขาเล่าย้อนไปถึงตอนที่เขาเป็นโปรดิวเซอร์ให้กับหนังตลกอาชญากรรมเรื่องดัง ‘Snatch’ (2000) ของผู้กำกับกาย ริตชี (Guy Ritchie) ที่ได้รับคำตอบรับในทางที่ดี
“แ-่งให้ตายเถอะ การ์ดป้องกัน (คำวิจารณ์) ของผมมันลดลงเยอะเลยตอนที่ผมกำกับ ‘Argylle’ น่ะ ตอนที่เราทำการ Test Screening มันได้เสียงตอบรับที่น่าอัศจรรย์มาก เป็นค่ำคืนการฉายรอบปฐมทัศน์ที่โคตรจะสนุกเลย และมันก็เหมือนกับการย้อนกลับไปสู่ยุค ‘Snatch’ ที่มีอะไรให้ตื่นเต้นมากมาย และผมก็เชื่อมันแบบหัวปักหัวปำไปเลย”
เขายังเปิดเผยด้วยว่า เขาเองรู้สึกแปลกใจต่อบรรดานักวิจารณ์ต่าง ๆ ที่ถล่มหนังเรื่องนี้แบบย่อยยับ ทั้งที่เขาตั้งใจให้ตัวหนังมีโทนสนุกสนานที่น่าจะถูกใจผู้ชม
“มันเป็นหนังที่สนุก และทำให้รู้สึกดี หรืออย่างน้อยผมก็คิดเอาเองว่ามันเป็นหนังที่สนุกและทำให้รู้สึกดีได้ คือเราไม่ได้ทำหนัง ‘Citizen Kane’ (1941) สักหน่อย แต่ว่าแ-่งเอ๊ย ตอนที่รีวิวออกมา ผมก็แบบว่า ‘เฮ้ยเดี๋ยวนะ ผมไปทำอะไรให้คนพวกนี้ไม่พอใจหรือเปล่าวะเนี่ย ?’ พวกเขาวิจารณ์กันแบบว่ารุนแรงมาก ๆ ผมไม่ได้ต้องการจะบอกว่าหนังเรื่องนี้สมบูรณ์แบบอะไรนะ แต่ผมก็ไม่คาดคิดเหมือนกันว่ามันจะทำให้คนโกรธเกรี้ยวได้ขนาดนี้ มันเป็นสิ่งที่ทำให้ผมประหลาดใจมาก ๆ”
“ผมถึงขนาดต้องเข้าไปดูหนังของตัวเองในโรงเพราะผมดันคิดว่า ‘หรือเราเข้าใจผิดไปเองวะ’ มันทำให้ความรู้สึกของผมสั่นคลอนมาก และจริง ๆ ผมเองก็รู้สึกสับสนกับความรู้สึกนี้อยู่เหมือนกัน เพราะผมคงไม่สามารถมองข้ามมันไปได้ มันไม่ใช่แค่รีวิวหนังแย่แค่ 2-3 อัน”
‘Argylle’ ว่าด้วยเรื่องราวของเอลลี คอนเวย์ นักเขียนสาวโสด Introvert มี้ของเจ้าแอลฟี แมวสก็อตติชโฟลด์ และเจ้าของผลงานนิยายนักสืบขายดี ที่บังเอิญได้พบกับเอเดน ชายลึกลับที่กำลังถูกองค์กรอาชญากรรมที่มีชื่อว่า ดิวิชัน (Division) ตามไล่ล่า จนเมื่อเธอได้เข้าไปพัวพันกับปฏิบัติการชิงมาสเตอร์ไฟล์ เธอกลับพบว่านี่คือเรื่องราวและตัวละครจากจินตนาการในนิยายที่เธอเขียนขึ้นเองแบบเป๊ะ ๆ
ด้วยตัวพล็อตที่มีการอ้างอิงจากหนังจารกรรม หนังนักสืบ ผสมผสานกับพล็อตเรื่องราวที่มีความแฟนตาซีหน่อย ๆ และจุดหักมุมของตัวหนังที่อธิบายว่าทำไมโลกของเอลลี ถึงมาเจอกับโลกของสายลับอาร์ไกล์ได้ รวมทั้งพล็อตช่วงท้ายที่อัดความเพี้ยนตามสไตล์ผู้กำกับลงไปแบบจัดเต็ม ซึ่งหลายคนก็ชอบความบ้าบอของตัวหนังที่มีอะไรเกินคาดกว่าตัวอย่างเยอะมาก
ในขณะที่หลายคนก็ไม่ชอบตัวหนัง และหลายคนถึงกับแซวว่า งานนี้ต่อให้มีแมวของผู้กำกับมาร่วมแสดงด้วย แต่ก็ไม่ช่วยอะไร จนทำคะแนน Tomatometer จากเว็บไซต์ Rotten Tomatoes ไปได้เพียง 33% และทำรายได้ Box Office ตอนฉายทั่วโลกไปเพียง 96 ล้านเหรียญ ก่อนจะเข้าฉายทาง Apple TV+ ให้สมาชิกได้ชมกันในเวลาอันรวดเร็ว
แม้ว่าตัวหนังจะกลายเป็นหนังแป้กตอนฉายโรง แต่วอห์นเล่าว่า หลังจากเข้าฉายใน Apple TV+ ตัวหนังถือว่าประสบความสำเร็จ จากยอดผู้ชมที่มีมากขึ้นเล็กน้อย และแม้เขาจะรู้สึกจิ๊ปากกับคำวิจารณ์ แต่เขาก็ยังมีความหวังเล็ก ๆ ว่าผู้ชมอาจจะให้โอกาส และทำให้เรื่องราวในเล่มถัดไปของสายลับอาร์ไกล์ ได้กระโดดออกมาจากตัวหนังสืออีกครั้ง แม้ว่า ณ ตอนนี้สตูดิโอจะยังไม่ได้มีแผนอนุมัติสร้างภาคต่อออกมาแต่อย่างใด
“คือชีวิตมันก็เป็นแบบนี้แหละครับ ก็แค่ต้องเรียนรู้จากสิ่งเหล่านี้ คือผู้คนชอบมันนะครับ ไม่มีอะไรที่จะทำให้ผมมีความสุขไปมากกว่าการได้ทำอีกสักภาคหนึ่ง ผมเคยได้รับข้อความที่บอกว่า ‘รีวิวพวกนั้นแ-่งโคตรแรงเลย !’ ผมว่าถ้ายิ่งเราทำให้คนดู ‘Argylle’ มากเท่าไร โอกาสที่เราจะได้สร้างอีกภาคก็มากขึ้นเท่านั้น ผมอยากสร้างอีกสักภาคหนึ่ง ผมวางแผนไว้แล้ว”
“ผมว่ามันก็น่าจะออกมาเป็นหนังเล็กดี ๆ สักเรื่องได้นั่นแหละ เดี๋ยวคงได้เห็นกัน ผมจะไม่บอกว่ามันจะไม่เกิดขึ้นอีกเป็นอันขาด ยังมีอีกภารกิจที่ต้องทำ จะมีใครเอาด้วยไหม ?”