Deadline ได้รายงานว่า ‘Godzilla x Kong: The New Empire’ ทำรายได้ทั่วโลกสุทธิ 570 ล้านเหรียญ จากการฉาย 10 สัปดาห์ (ตั้งแต่วันที่ 29 มีนาคม 2024) ซึ่งทำให้กลายเป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้ทั่วโลกสูงสุดในแฟรนไชส์ ‘Monsterverse’ แซงหน้าเจ้าของสถิติเติมอย่าง ‘Kong: Skull Island’ (2017) ที่ทำไว้ 568.6 ล้านเหรียญ
‘Godzilla x Kong: The New Empire’ ทำรายได้ในสหรัฐฯ ไป 196.3 ล้านเหรียญ และทำรายได้ในตลาดต่างประเทศไป 373.7 ล้านเหรียญ โดยได้รับความนิยมอย่างสูงใน 35 ประเทศทั่วโลก เช่น บราซิล, โคลอมเบีย, ฝรั่งเศส, อินเดีย, อินโดนีเซีย, เม็กซิโก และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เป็นต้น รวมถึงจีนที่ทำรายได้ไปอย่างมหาศาลถึง 132.2 ล้านเหรียญ
รายได้ดังกล่าวถือว่าน่าประทับใจมาก หากพิจารณ์จากทุนสร้างเพียง 135 ล้านเหรียญ ซึ่งน้อยที่สุดของแฟรนไชส์ และมีจุดคุ้มทุนอยู่ที่ประมาณ 270 ล้านเหรียญ
เรื่อง | ทุนสร้าง | รายได้ทั่วโลก |
---|---|---|
Godzilla (2014) | 160 ล้านเหรียญ | 525 ล้านเหรียญ |
Kong: Skull Island (2017) | 185 ล้านเหรียญ | 569 ล้านเหรียญ |
Godzilla: King of the Monsters (2019) | 170 ล้านเหรียญ | 387 ล้านเหรียญ |
Godzilla vs. Kong (2021) | 175 ล้านเหรียญ | 470 ล้านเหรียญ |
Godzilla x Kong: The New Empire (2024) | 135 ล้านเหรียญ | 570 ล้านเหรียญ |
‘Godzilla x Kong: The New Empire’ เป็นภาพยนตร์เรื่องที่ 5 ในแฟรนไชส์ ‘Monsterverse’ ซึ่งนำมอนสเตอร์ยักษ์ในตำนานอย่าง Godzilla และ Kong กลับมาปกป้องโลกอีกครั้งจากภัยคุกคามของ Skar King วานรยักษ์ผู้ชั่วร้าย
‘Godzilla x Kong: The New Empire’ เข้าฉายในช่วงเวลาที่ไม่มีภาพยนตร์ฟอร์มใหญ่เรื่องอื่น ๆ แข่งขันมากนัก และแสดงให้เห็นว่าตลาดภาพยนตร์ฮอลลีวูดเริ่มฟื้นตัวอีกครั้ง หลังผ่านวิกฤติ Covid-19 และการประท้วงอย่างหนักของสมาพันธ์นักเขียน (WGA) และสมาพันธ์นักแสดง (SAG-AFTRA)
นอกจากนี้ ‘Godzilla x Kong: The New Empire’ ยังพิสูจน์ให้เห็นว่า แฟรนไชส์ ‘Monsterverse’ ยังคงได้รับความสนใจจากผู้ชมในวงกว้าง และจะส่งผลตีต่อการพัฒนาโปรเจกต์ใหม่ในแฟรนไชส์นี้ต่อไปในอนาคต ซึ่งถึงแม้ว่า อดัม วิงการ์ด (Adam Wingard) ที่กำกับ ‘Godzilla vs. Kong’ (2021) และ ‘Godzilla x Kong: The New Empire’ จะถอนตัวจากโปรเจกต์ภาคต่อไป แต่สตูดิโอ Legendary ได้ทาบทามให้ แกรนท์ สปูทอร์ (Grant Sputore) ผู้กำกับคลื่นลูกใหม่จากภาพยนตร์ไซไฟขวัญใจนักวิจารณ์อย่าง ‘I Am Mother’ (2019) มารับหน้าที่กำกับแทน