Netflix ได้โพสต์บน X เปิดเผยกำหนดการฉายภาพยนตร์ ‘Rebel Moon’ เวอร์ชัน ‘The Director’s’ ทั้ง 2 ภาค ของผู้กำกับแซ็ก สไนเดอร์ (Zack Snyder) ในวันที่ 2 สิงหาคม 2024 นี้ พร้อมโพสต์ภาพชุดใหม่และคำโปรโมตว่า “สัมผัสประสบการณ์ระดับมหากาพย์ที่คุณไม่เคยสัมผัสมาก่อน”

‘Rebel Moon’ เป็นแฟรนไชส์ไซไฟมหากาพย์จากไอเดียของสไนเดอร์ที่หยิบเอาองค์ประกอบของ ‘The Seven Samurai’ (1954) และไตรภาค ‘Star Wars’ ต้นฉบับ (1977, 1980, 1983) มาผสมผสานกับตำนานของแต่ละดวงดาว นำแสดงโดย โซเฟีย โบเทลล่า (Sofia Boutella), ดจิมอน ฮาวน์ซู (Djimon Hounsou), เอ็ด สไครน์ (Ed Skrein), มีคีล เฮยส์มัน (Michiel Huisman), แบดูนา (Doona Bae), เรย์ ฟิชเชอร์ (Ray Fisher), ชาร์ลี ฮันแนม (Charlie Hunnam) และท่านเซอร์แอนโทนี ฮ็อปกินส์ (Anthony Hopkins) ที่มาร่วมให้เสียงพากย์

‘Rebel Moon Part One: A Child of Fire’ เข้าฉายบน Netflix เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2023 และ ‘Rebel Moon Part Two: The Scargiver’ เข้าฉายเมื่อวันที่ 19 เมษายน 2024 ที่ผ่านมา

ทางด้านผู้กำกับสไนเดอร์ได้อัปเดตชื่อใหม่ของเวอร์ชัน ‘The Director’s Cut’ ที่จะมาพร้อมเส้นเรื่องและรายละเอียดใหม่ที่ผู้ชมยังไม่เคยเห็นมาก่อนในภาพยนตร์เวอร์ชันแรก ดังนี้

  • ‘Rebel Moon Chapter One: Chalice of Blood’
  • ‘Rebel Moon Chapter Two: Curse of Forgiveness’

‘Rebel Moon’ เวอร์ชัน ‘The Director’s Cut’ นี้ ได้รับเรต R ในขณะที่ภาพยนตร์เวอร์ชันแรกนั้นได้เรต PG-13 ซึ่งแสดงให้เห็นว่าผู้กำกับสามารถใส่องค์ประกอบแและฉากแอ็กชันความรุนแรงสูงที่เขาสร้างสรรค์ลงในภาพยนตร์ได้อย่างเต็มที่ ซึ่งจะเปลี่ยนโทนเรื่องจากเวอร์ชันแรกไปอย่างสิ้นเชิง

อีกสิ่งที่น่าสนใจคือ สไนเดอร์จะเพิ่มความยาวของภาพยนตร์ไปถึงระดับใด เนื่องจากเวอร์ชันแรกอย่าง ‘Part One: A Child of Fire’ มีความยาวถึง 2 ชั่วโมง 14 นาที และ ‘Part Two: The Scargiver’ ก็มีความยาวถึง 2 ชั่วโมง 2 นาที เข้าไปแล้ว ซึ่งส่วนใหญ่ใช้ในการวางโครงสร้างพื้นฐานของจักรวาล ‘Rebel Moon’ ให้แข็งแรงที่สุด แต่ด้วยการเดินเรื่องที่เนิบช้าและขาดความสมเหตุสมผลในบางส่วน ทำให้ภาพยนตร์ทั้ง 2 ภาค ถูกวิจารณ์ในแง่ลบเป็นอย่างมาก

คะแนนของ ‘Rebel Moon’ ทั้ง 2 ภาค บน Rotten Tomatoes

เรื่องคะแนนจากนักวิจารณ์คะแนนจากผู้ชม
Rebel Moon – Part One: A Child of Fire (2023)21%57%
Rebel Moon – Part Two: The Scargiver (2024)15%48%

หากสไนเดอร์สามารถแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นกับภาพยนตร์เวอร์ชันแรกทั้ง 2 ภาคได้ จะพิสูจน์ว่าเขาเป็นหนึ่งในผู้กำกับที่มีศักยภาพในการเล่าเรื่องระดับมหากาพย์ด้วยงานด้านภาพสุดอลังการที่ยอดเยี่ยมที่สุดคนหนึ่งของฮอลลีวูด หลังจากที่เขาทำให้ ‘Zack Snyder’s Justice League’ เมื่อปี 2021 ได้คะแนนวิจารณ์บน Rotten Tomatoes ไปถึง 71% ในขณะที่ ‘Justice League’ เวอร์ชันแรกของเขาเมื่อปี 2017 ที่ถูก Warner Bros. นำไปถ่ายทำใหม่ ได้คะแนนวิจารณ์บน Rotten Tomatoes เพียง 40% เท่านั้น