แม้ตอนนี้เขาจะขึ้นชื่อเป็นนักแสดงสายดุที่มีผลงานแนวโหด ๆ แบด ๆ ออกมาอยู่เรื่อย ๆ รวมถึงช่วงหลังที่มักจะรับบทเป็นบาทหลวงปราบผีด้วย แต่ผลงานเอกของนักแสดงรุ่นใหญ่ชาวออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ อย่าง รัสเซลล์ โครว์ (Russell Crowe) ก็คงหนีไม่พ้นบทบาทแม่ทัพ แม็กซิมัส เดซิมัส เมอริเดียส (Maximus Decimus Meridius) ในหนังมหากาพย์พีเรียดดราม่าสุดยิ่งใหญ่ ‘Gladiator’ (2000) และถือเป็นอีกหนึ่งผลงานเอกจากผู้กำกับรุ่นใหญ่ ริดลีย์ สก็อตต์ (Ridley Scott) ด้วยเช่นกัน

แต่ก็อย่างที่ทราบกันดีว่า ช่วงปลายปี เรื่องราวเหล่านั้นกำลังจะถูกสานต่อเป็นครั้งแรกในรอบ 24 ปีในชื่อ ‘Gladiator 2’ ที่หลายคนก็คงสงสัยว่า ปู่สก็อตต์วัย 86 ปีไปเอาแรงมาจากไหน เพราะปู่เพิ่งเสร็จงานจากหนัง Biopic ฟอร์มยักษ์ ‘Napoleon’ (2023) มาหมาด ๆ และนึกสนุกอย่างไรถึงไปหยิบเอาหนังขึ้นหิ้งของตัวเองมาสร้างภาคต่อ

อีกคนที่เป็นห่วงในชะตากรรมของ ‘Gladiator 2’ ไม่น้อยก็คือตัวของโครว์ ผู้คว้ารางวัลออสการ์ สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมตัวแรกในชีวิตจากหนังเรื่องนี้ ที่แม้ว่าเขาจะไม่ได้กลับมาแสดงในภาตต่อ (เพราะแม็กซิมัสตุยไปแล้วตั้งแต่ภาคแรก จะเอากลับมาก็ใช่เรื่อง)

จากการสัมภาษณ์ในรายการ YouTube ‘Kyle Meredith With…’ เขาได้กล่าวยกย่องบรรดาทีมงานที่ร่วมสร้างสรรค์หนังระดับตำนานเรื่องนี้ขึ้นมา และแสดงความกังวลในการเสี่ยงสร้างภาคต่อหนังที่กลายเป็นตำนานไปแล้วเรื่องนี้

Russell Crowe Gladiator

“การที่ผมได้เห็นงานของริดลีย์ในฐานะผู้กำกับภาพยนตร์ อาร์เธอร์ แม็กซ์ (Arthur Max) ในฐานะผู้ออกแบบงานสร้าง และแจนตี เยตส์ (Janty Yates) ในฐานะผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย รวมถึงขนาดของตัวหนัง และทีมสตันต์ มันทำให้ผมรู้สึกเจียมเนื้อเจียมตัวมาก ๆ”

“การได้กลับมาดูหนังเรื่องนั้นอีกครั้ง มันทำให้ผมรู้สึกน่าอายนิด ๆ เพราะในคืนงานรางวัลออสการ์ ผมคิดว่าผมได้บอกกับผู้คนในงานว่าพวกเขาให้รางวัลคนผิด เพราะสำหรับผม ริดลีย์ สก็อตต์ สมควรจะได้รับรางวัลออสการ์จากหนังเรื่องนั้นต่างหาก”

“แต่ผมเองก็ยอมรับว่ารู้สึกค่อนข้างไม่สบายใจนิดหน่อย หลังจากที่รู้ว่าพวกเขากำลังจะสร้างภาคต่อ เพราะว่า (ตัวละครแม็กซิมัส) ของผมมันตายไปแล้ว และผมเองก็ไม่ได้มีสิทธิ์พูดอะไรในสิ่งที่มันจบไปแล้ว”

“แต่มันก็มีบางอย่างที่ผมได้ยินมาแล้วถึงกับร้องว่า ‘เอ่อ ไม่นะ ไม่ ๆ ๆ ทำนองคลองธรรมของตัวละครมันไม่ควรจะเป็นแบบนั้นสิ’ แต่ผมคงพูดอะไรไม่ได้ มันไม่ใช่ที่ที่ผมจะพูดได้ ผมตายไปแล้ว แบบนั้นคงต้องมารอดูกันอีกทีว่ามันจะออกมาเป็นยังไง”

‘Gladiator’ กลายเป็นหนังที่ประสบความสำเร็จในทุกด้าน ทั้งคำชมในด้านการนำเสนอที่ถึงพร้อมทั้งด้านบท ดราม่าที่ทรงพลัง งานแอ็กชัน และงานโปรดักชันที่ทำถึง กวาดรายได้ถล่มทลายถึง 465 ล้านเหรียญ และได้เข้าชิงรางวัลออสการ์มากถึง 12 รางวัล และคว้ามาได้ 5 รางวัล ที่รวมทั้งรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และรางวัลนักแสดงนำชายจากฝีมือของโครว์ และหนังเรื่องนี้ก็ส่งให้โครว์และสก็อตต์กลายเป็นนักแสดงคู่บุญที่ทำงานร่วมกันในหนังเรื่องถัดมาอีกมากมาย ที่ดังที่สุดเรื่องหนึ่งก็คือ ‘American Gangster’ (2007)

แม้ว่า Paramount Pictures จะเคยประกาศแผนการสร้างภาคต่อมาตั้งแต่ปี 2001 แล้ว แต่ด้วยเหตุผลในแง่ที่เรื่องราวของภาคแรกที่จบอย่างสมบูรณ์แบบ ตัวละครนำทั้งแม็กซิมัส รวมทั้งจักรพรรดิคอมโมดัส ผู้กระทำการปิตุฆาตและขึ้นครองบัลลังก์ ที่รับบทโดย วาคีน ฟีนิกซ์ (Joaquin Phoenix) ในเรื่องก็ตายไปหมดแล้ว รวมทั้งเหตุผลในเชิงธุรกิจ หลังจากเจ้าของลิขสิทธิ์เดิมอย่าง DreamWorks ได้ขายลิขสิทธิ์ให้กับ Paramount ไปแล้วตั้งแต่ปี 2006 การสร้างภาคต่อจึงไม่ได้รับการพูดถึงอีกเลย

กว่าจะได้เริ่มสร้างภาคต่ออีกครั้ง ก็ต้องรอมายาวนานจนถึงปี 2018 โดยได้เดวิด สการ์ปา (David Scarpa) ผู้เขียนบทที่เคยร่วมงานกับสก็อตต์มาแล้วทั้งในหนังทริลเลอร์อาชญากรรม ‘All the Money in the World’ (2017) และล่าสุดใน ‘Napoleon’ มาทำหน้าที่เขียนบทภาคต่อ แต่ด้วยความที่ตัวละครในภาคแรกตายหมดแล้ว ตัวหนังเลยข้ามไปยังช่วงเวลา 25 ปี หลังจากเหตุการณ์ในภาคแรกแทน

Russell Crowe Joaquin Phoenix Gladiator

ตัวหนังจะเล่าเรื่องราวผ่านตัวละครลูเซียส เวรุส (Lucius Verus) บุตรชายของลูซิลลา ผู้มีความชื่นชอบในตัวของแม็กซิมัส จนทำให้น้าชายอย่างคอมโมดัสเกิดความริษยา ที่บัดนี้เติบโตเข้าสู่วัยหนุ่มแล้ว โดยผู้รับบทลูเซียสในวัยหนุ่มก็คือ นักแสดงหนุ่ม พอล เมสคาล (Paul Mescal) นักแสดงจากหนังอินดี้ ‘Aftersun’ (2023) และลิมิเต็ดซีรีส์ ‘Normal People’ (2020) พร้อมด้วยนักแสดงอีกคับคั่ง อาทิ เดนเซล วอชิงตัน (Denzel Washington), เพโดร พาสคาล (Pedro Pascal) และโจเซฟ ควินน์ (Joseph Quinn)

แม้ว่าการถ่ายทำจะเริ่มขึ้นมาตั้งแต่ปี 2023 แล้ว แต่ตัวหนังเองก็เจอเรื่องสะดุดอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะงบประมาณที่บานปลายไปเกือบเท่าตัวจาก 165 ล้านเหรียญ ขึ้นเป็น 310 ล้านเหรียญ เพราะต้องประสบปัญหาเกี่วกับอุบัติเหตุของทีมงานและสตันต์แมน รวมทั้งความล่าช้าจากเหตุการณ์ประท้วงนัดหยุดงานของ SAG-AFTRA หลังจากที่ถ่ายทำหนังไปแล้วส่วนหนึ่ง ซึ่งความล่าช้านี้ทำให้สตูดิโอต้องจ่ายค่าชดเชยประมาณ 600,000 เหรียญต่อสัปดาห์

โครว์ นักแสดงหนุ่มใหญ่วัย 60 ปี ที่กำลังจะมีผลงานการรับบทเป็นบาทหลวงปราบผีในหนังสยองขวัญ ‘The Exorcism’ ที่กำลังจะเข้าฉายเร็ว ๆ นี้ และมีผลงานในหนังซูเปอร์ฮีโร ‘Kraven the Hunter’ รวมทั้งหนังชีวประวัติศิลปิน มาร์ก รอธโก (Mark Rothko) ในหนัง ‘Rothko’ ที่แม้ว่าตอนนี้เขาจะไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องราวบทต่อไปของนักสู้ในโคลิเซียมอีกแล้ว แต่หนังภาคต่อก็ชวนให้เขารู้สึกถึงการย้อนอดีตที่ทำให้เขารู้สึกอิจฉาเล็กน้อย

“อันนี้แบบขำ ๆ นะ มันทำให้ผมย้อนคิดถึงช่วงอายุตอนที่ผมแสดงหนังเรื่องนั้น และสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับผมหลังจากนั้น รวมทั้งการที่หนังเรื่องนี้เปิดประตูโอกาสให้กับผม มันเลยทำให้ผมรู้สึกแอบเศร้านิดหน่อย อันนี้คือพูดแบบตรงไปตรงมานะครับ ผมมีความรู้สึกอิจฉานิดหน่อย เพราะผมจำได้ว่าตอนนั้นผมยังกระฉับกระเฉงอยู่”