‘Inside Out 2’ ทำเงินเปิดตัวสูงที่สุดนับตั้งแต่ ‘Barbie’: ทั่วโลกทำไปเกือบ 300 ล้านเหรียญ

Variety ได้รายงานว่า ‘Inside Out 2’ ทำรายได้เปิดตัวสุดสัปดาห์แรกในสหรัฐฯ (14 – 16 มิถุนายน 2024) ไป 155 ล้านเหรียญ ซึ่งเป็นรายได้เปิดตัวที่สูงที่สุดในปี 2024 นี้ แซงหน้า ‘Dune: Part Two’ ที่ทำไว้ 82.5 ล้านเหรียญ และเป็นรายได้เปิดตัวที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ ‘Barbie’ ที่ทำไว้ 162.02 ล้านเหรียญ เมื่อเดือนกรกฎาคม 2023 รวมถึงเป็นภาพยนตร์แอนิเมชันที่ทำรายได้เปิดตัวสูงสุดตลอดกาลลำดับที่ 2 รองจาก ‘Incredibles 2’ ที่ทำไว้ 182.7 ล้านเหรียญ เมื่อเดือนกรกฎาคม 2018

ในส่วนของรายได้ต่างประเทศนั้นอยู่ในระดับน่าประทับใจเช่นกัน อยู่ที่ 140 ล้านเหรียญ ซึ่งทำลายสถิติเดิมของ ‘Frozen II’ (2019) ที่ทำไว้ 134 ล้านเหรียญ ทำให้รายได้รวมทั่วโลกสุดสัปดาห์แรกนั้นอยู่ที่ 295 ล้านเหรียญ ซึ่งถือว่าสูงมากรองจาก ‘The Super Mario Bros Movie’ (2023) ที่ทำไว้ถึง 377 ล้านเหรียญ

‘Inside Out 2’ ใช้ทุนสร้างประมาณ 175 – 200 ล้านเหรียญ และมีจุดคุ้มทุนที่ประมาณ 400 ล้านเหรียญ ซึ่งหมายความว่า ‘Inside Out 2’ กำลังจะเข้าสู่เส้นทางทำกำไรจากการฉายเพียงแค่สัปดาห์แรกเท่านั้น และคาดว่าจะทำรายได้ทั่วโลกแซงหน้า ‘Inside Out’ ภาคแรกเมื่อปี 2015 ที่ทำไว้ 857.6 ล้านเหรียญ ได้

นอกจากนี้ ‘Inside Out 2’ ยังได้รับคำชื่นชมอย่างสูง โดยได้คะแนนจากฝั่งนักวิจารณ์บน Rotten Tomatoes ในระดับสูงถึง 92% จากนักวิจารณ์จำนวน 213 คน และได้คะแนนจากผู้ชมทั่วไปสูงถึง 96% จากผู้ชมมากกว่า 1,000 คน ซึ่งยิ่งตอกย้ำคุณภาพงานสร้างของภาพยนตร์แอนิเมชันล่าสุดของ Pixar เรื่องนี้ และมีความเป็นไปได้ว่าจะติด 1 ใน 5 ภาพยนตร์แอนิเมชันของ Pixar ที่ทำรายได้ทั่วโลกสูงสุดตลอดกาล เช่นเดียวกับ ‘Finding Dory’ (1,029.2 ล้านเหรียญ), ‘Toy Story 3’ (1,067.3 ล้านเหรียญ), ‘Toy Story 4’ (1,073.8 ล้านเหรียญ) และ ‘Incredibles 2’ (1,243.2 ล้านเหรียญ)

รองลงมาคือภาพยนตร์แอ็กชันภาคต่ออย่าง ‘Bad Boys: Ride or Die’ ที่เก็บเพิ่มในสุดสัปดาห์ที่ 2 ไปอีก 33 ล้านเหรียญ ซึ่งลดลงจากสัปดาห์แรกเพียง 41.6% เท่านั้น และทำให้รายได้รวมทั่วโลกนั้นอยู่ที่ 214.6 ล้านเหรียญ จากทุนสร้าง 100 ล้านเหรียญ และจุดคุ้มทุนประมาณ 200 ล้านเหรียญ โดย ‘Bad Boys: Ride or Die’ เตรียมจะเข้าฉายในประเทศญี่ปุ่นและจีนในสัปดาห์นี้ด้วย ซึ่งจะส่งเสริมให้รายได้ทั่วโลกนั้นเพิ่มสูงขึ้นไปมากกว่านี้อีก

5 อันดับ บ็อกซ์ออฟฟิศสหรัฐฯ (14 – 16 พฤษภาคม 2024)