ก่อนการเกิดขึ้นของจักรวาล Marvel Cinematic Universe ลิขสิทธิ์คาแรกเตอร์ตัวการ์ตูนและเรื่องราวที่อยู่ภายใต้ Marvel Comics ถูกกระจายให้สตูดิโอภาพยนตร์ค่ายต่าง ๆ หยิบนำไปสร้างในรูปแบบหนังไลฟ์แอ็กชันมากมาย และหนึ่งในคาแรกเตอร์ที่ประสบความสำเร็จ มีแฟน ๆ ชื่นชอบมากมายก็คงหนีไม่พ้นไตรภาคฮีโรครึ่งแวมไพร์ ‘Blade’ ของสตูดิโอ New Line Cinema ที่ ณ ตอนนี้ได้กลับเข้าสู่จักรวาล MCU เต็มตัว
แต่ดูเหมือนจะเป็นความฝันที่ยังไม่เป็นจริงเสียที เพราะโปรเจกต์ Blade ฉบับ MCU ที่ได้นักแสดงเจ้าของ 2 รางวัลออสการ์ มาเฮิร์ซชาลา อาลี (Mahershala Ali) มารับบทเป็นฮีโรคนครึ่งแวมไพร์ หรือเดอะ เดย์วอล์กเกอร์ (The Daywalker) กลับต้องประสบปัญหาวิบากกรรม ติดหล่มแล้วติดหล่มอีก จนทำให้ทุกวันนี้ก็ยังไม่มีโอกาสได้เห็นทีเซอร์หรือตัวอย่างแรกเสียที และไม่รู้ว่าจะเสร็จทันได้ฉายตามโปรแกรมที่วางไว้ช่วงปลายปี 2025 หรือไม่
หลังจากที่เพิ่งเสียผู้กำกับคนล่าสุดไปหมาด ๆ นักแสดงต้นฉบับนักล่าแวมไพร์ อีริก บรูกส์ (Eric Brooks) อย่าง เวสลีย์ สไนปส์ (Wesley Snipes) วัย 61 ปี ได้ออกมาพูดถึงโปรเจกต์ ‘Blade’ ของ MCU ที่ล่าช้ามาอย่างยาวนาน แถมล่าสุดยังติดหล่มจากการที่ผู้กำกับถอนตัวไปอีกต่างหาก เจ้าตัวเลยขอแอบจิกเล็กจิกน้อยผ่านโพสต์ในบัญชี X ของเขาเอง
“Blade, คุณพระคุณเจ้าช่วย 👀 พวกเขายังคงมองหาท่าไม้ตายกันอยู่สินะ ขับสกีหิมะบนถนนก็งี้แหละ ลำบากหน่อย คิดว่าเดย์วอล์กเกอร์มันคงจะทำให้อะไร ๆ ง่ายขึ้นสินะ”
ภาคแรก ‘Blade’ (1998) ผลงานกำกับของ สตีเฟน นอร์ริงตัน (Stephen Norrington) ประสบความสำเร็จจากการได้รับคำชื่นชมอย่างล้นหลาม ในการผสมผสานหนังฮีโรเข้ากับแนวหนังแอ็กชันและสยองขวัญ ทำรายได้ทั่วโลกกว่า 131 ล้านบาท New Line Cinema จึงตัดสินใจเข็นภาคต่อ ‘Blade II’ (2002) ที่ได้ กีเยร์โม เดล โตโร (Guillermo del Toro) มากำกับ ที่ก็ยังคงทำรายได้สวยงามด้วยตัวเลข 155 ล้านเหรียญ
ก่อนจะปิดไตรภาคด้วย ‘Blade: Trinity’ (2004) ที่ได้ เดวิด เอส. โกเยอร์ (David S. Goyer) มือเขียนบทจาก 2 ภาคแรกลงมากำกับเองเป็นครั้งแรก แม้ว่าจะยังทำรายได้ในระดับค่อนข้างดีที่ 128 ล้านเหรียญ แต่ตัวหนังกลับโดนวิจารณ์อย่างหนัก ซึ่งปัญหาส่วนหนึ่งที่ทำให้ตัวหนังออกมาย่ำแย่ผิดฟอร์มจาก 2 ภาคแรกก็คือพฤติกรรมของสไนปส์ที่แจ้งเกิดจากแฟรนไชส์นี้นั่นเอง
มีข่าวเกี่ยวกับพฤติกรรมและวีรกรรมของเขาในกองถ่าย ‘Blade: Trinity’ ออกมากมาย มีรายงานว่าสไนปส์เองไม่พอใจบทที่โกเยอร์เขียน แต่แล้วผู้กำกับคนแรก โอลิเวอร์ เฮิร์ซบีเกิล (Oliver Hirschbiegel) ขอถอนตัวไปกำกับ ‘Downfall’ (2004) แทน โกเยอร์จึงต้องลงมากำกับเอง และนั่นก็เลยทำให้สไนปส์ที่ควบตำแหน่งโปรดิวเซอร์ด้วย พยายามแสดงออกด้วยการไม่จะสื่อสารกับโกเยอร์ แต่เลือกใช้วิธีเขียนกระดาษ Post-It แปะให้ทีมงานทุกคนอ่าน พร้อมกับลงชื่อว่า Blade เพื่อแสดงออกถึงอำนาจสั่งการของเขา
นอกจากนี้ ยังมีการเปิดเผยถึงพฤติกรรมสุดยี้ของสไนปส์ออกมาอีกเพียบ ทั้งการสูบกัญชาและดื่มสุราจนไม่ยอมออกมาจากรถเทรลเลอร์ เริ่มมีปัญหาทะเลาะเบาะแว้งกับผู้กำกับ และที่เลวร้ายไปกว่านั้นคือ ในภาคนี้มีนักแสดงเบอร์รองในเวลานั้นทั้ง ไรอัน เรย์โนลด์ส (Ryan Reynolds) และเจสสิกา บีล (Jessica Biel) มารับบทสมทบ ก็มีรายงานว่า สไนปส์มักพูดจาและปฏิบัติตัวไม่ดีกับทั้งคู่ จนเรย์โนลด์สปฏิเสธที่จะเข้าฉากร่วมกับเขา แถมยังก่อเหตุลวนลามบีลในกองถ่ายอีก ข่าวคราวเหล่านี้ส่งผลให้สไนปส์ถูกฮอลลีวูดแบน ก่อนจะหันไปเล่นหนังเกรด B และหนังแผ่น DVD ในเวลาต่อมา
ส่วนโปรเจกต์หนัง ‘Blade’ ฉบับรีบูตของ MCU เริ่มมีการพัฒนาบทมาตั้งแต่ปี 2013 หลังจากลิขสิทธิ์ที่ New Line Cinema ถือครองกลับมาสู่ Marvel Studios จนกระทั่งในปี 2019 ในงาน San Diego Comic-Con มีการประกาศว่าจะมีการรีบูตหนัง ‘Blade’ เป็นครั้งแรก โดยได้อาลีมารับบทฮีโรคนครึ่งแวมไพร์ โดยตอนแรกวางให้ บาสซัม ทาริค (Bassam Tariq) เป็นผู้กำกับ และสเตซี โอเซอิ-คุฟฟูร์ (Stacy Osei-Kuffour) มือเขียนบทมินิซีรีส์ ‘Watchmen’ (2019) ของ HBO มาเขียนบทให้ ส่วนอาลีก็ไปอุ่นเครื่องด้วยการมีเครดิตในเสียงที่ปรากฏในฉาก End-Credits หนัง ‘Eternals’ (2021)
แต่สุดท้ายทั้งตารางงาน และความแตกต่างในความคิดสร้างสรรค์ ปี 2022 ทาริคได้ถอนตัวออกจากการเป็นผู้กำกับ และขึ้นไปทำหน้าที่โปรดิวเซอร์แทน รวมทั้งมีรายงานว่าอาลีไม่พอใจในบทเป็นอย่างมาก ตัวหนังถูกเลื่อนไปฉายปลายปี 2023 ก่อนจะได้ยานน์ เดอม็องจ์ (Yann Demange) มากำกับแทน
แต่ด้วยปัญหาเกี่ยวกับบทที่ยังคงเรื้อรังมานาน ทำให้ในระหว่างนี้มีการเปลี่ยนมือคนเขียนบทเข้ามาปรับแก้มากมาย ตั้งแต่ ไมเคิล สตาร์เบอรี (Michael Starrbury), นิก พิซโซลาตโต (Nic Pizzolatto) ครีเอเตอร์ซีรีส์ ‘True Detective’ และไมเคิล กรีน (Michael Green) มือเขียนบท ‘Logan’ (2017) และ ‘Blade Runner 2049’ (2017) แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ถ่ายทำ เพราะติดเหตุการณ์การประท้วงนัดหยุดงานของนักเขียนบทและนักแสดงฮอลลีวูดในปี 2023 ทำให้ตัวหนังถูกเลื่อนตารางฉายเป็นวันที่ 7 พฤศจิกายน 2025 แทน
จนในที่สุดเมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา มีรายงานว่าเดอม็องจ์ได้ถอนตัวจากการกำกับเรื่องนี้ไปอีกราย ทำให้ตอนนี้ตำแหน่งผู้กำกับและผู้ควบคุมโปรเจกต์ว่างลงอีกครั้ง พร้อมกับการเปลี่ยนมือเขียนบท (อีกครั้ง) เป็นอีริค เพียร์สัน (Eric Pearson) ผู้เขียนบท ‘Thor: Ragnarok’ (2017), ‘Black Widow’ (2021) และ ‘The Fantastic Four’ ฉบับ MCU และมีข่าวว่าอาลีได้เจรจารับบทใน ‘Jurassic World 4’ ที่ตอนนี้เริ่มถ่ายทำไปแล้วด้วยอีกต่างหาก จนชวนให้นึกไม่ออกว่าจะได้กลับมาปราบแวมไพร์อีกเมื่อใด
ด้วยปัญหามากมายขนาดนี้ รวมทั้งการที่ตัวหนังถูกวางให้เป็นหนังเรต R เป็นเรื่องที่ 2 ของ MCU ต่อจาก ‘Deadpool & Wolverine’ ที่มีการจำกัดอายุผู้ชม และพยายามจะใช้ทุนสร้างไม่ให้เกิน 100 ล้านเหรียญ ซึ่งนับว่าเป็นหนังที่ใช้ทุนสร้างน้อยที่สุดของ MCU คงต้องรอดูกันต่อไปว่าสุดท้ายแล้วเก้าอี้ผู้กำกับที่ว่างลงจนต้องหาผู้กำกับคนที่ 3 มาแทน จะทำให้หนังจำต้องเลื่อนโปรแกรมฉายออกไปอีก และที่สำคัญที่สุดก็คือ คุณภาพตัวหนังจะออกมาดีแบบเดียวกับต้นฉบับอย่างที่แฟน ๆ คาดหวังไว้หรือไม่
แม้จะแอบแซะหนังอยู่กลาย ๆ แต่สไนปส์ก็เคยให้สัมภาษณ์เอาไว้ในปี 2019 เกี่ยวกับความไม่คิดมาก หลังจากที่ Marvel ได้ประกาศว่าจะมีการรีบูตหนังแจ้งเกิดของเขา
“ถึงทุกคนที่เป็น Daywalker ที่กำลังเสียสติอยู่ตอนนี้ ใจร่ม ๆ ก่อนเด้อออ แม้ว่าข่าวนี้มันจะน่าประหลาดใจหน่อย แต่มันก็เป็นเรื่องดีนะ นี่แหละธุรกิจแห่งความบันเทิง ! ขอสันติสุขจงมีแก่ทีมงาน MCU ผมจะรอติดตามอยู่เสมอ ผมเคารพในความยิ่งใหญ่ของสแตน ลี (Stan Lee) และขอแสดงความยินดี กล่าวสลามให้กับมาเฮิร์ซชาลา อาลี ศิลปินผู้งดงามและเปี่ยมพรสวรรค์ ผมรอคอยที่จะเห็นผลงานของเขา และหวังว่าเราจะได้ร่วมงานกัน อินชาอัลลอฮ์”
“ขอขอบคุณแฟน ๆ ที่ให้การสนับสนุนเสมอมาอย่างไม่สิ้นสุด ฉะนั้นไม่ต้องเป็นห่วงหรอก นี่ไม่ใช่จุดจบของเรื่องราว ยินดีต้อนรับชาว Daywalker”