ดั๊ก ไลแมน (Doug Liman) ผู้กำกับ ‘The Bourne Identity’ (2002), ‘Mr. & Mrs. Smith’ (2005) และ ‘Edge of Tomorrow’ (2014) ได้ให้สัมภาษณ์กับ Total Film เพื่อโปรโมต ‘The Instigators’ ภาพยนตร์แอ็กชันจารกรรมคอเมดีเรื่องใหม่ที่เขากำกับให้ Apple TV+ และได้ถูกถามเกี่ยวกับความคืบหน้าของโปรเจกต์ ‘Edge of Tomorrow 2’ ที่เงียบหายไปหลายปี
เขาได้ยืนยันว่า Warner Bros. ต้องการทราบว่าจะเริ่มสร้าง ‘Edge of Tomorrow 2’ เมื่อไร ซึ่งถือได้ว่าเป็นพัฒนาการที่น่าตื่นเต้นที่สุดของโปรเจกต์นี้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้
ผมคิดว่าไม่มีคำชมต่อภาพยนตร์เรื่องใดดีไปกว่าการที่มีคนเรียกร้องให้สร้างภาคต่อ ตอนนี้ 'Road House' ถูกเรียกร้องให้สร้างภาคต่อ และสำหรับ 'Edge of Tomorrow' นั้น ก็ได้รับคำชื่นชมจาก Warner Bros. ด้วยการถามสั้น ๆ ว่า "คุณจะเดินหน้าสร้างภาคใหม่เมื่อไร"
‘Edge of Tomorrow’ (2014) เป็นการแท็กทีมระหว่างไลแมนและทอม ครูซ (Tom Crusie) ซึ่งดัดแปลงจากนิยายจากประเทศญี่ปุ่นเรื่อง ‘All You Need is Kill’ ของฮิโรชิ ซากุระซากะ (Hiroshi Sakurazaka) เล่าเรื่องของนายทหารที่ต้องติดอยู่ในลูปเวลาหลังจากได้รับสารพิเศษจากสิ่งมีชีวิตต่างดาวที่เขาฆ่าในสนามรบ ซึ่งเขาได้ใชัพลังวิเศษนี้หาจุดเปลี่ยนเพื่อยุติสงครามนี้
‘Edge of Tomorrow’ ทำรายได้ทั่วโลกไปในระดับกลาง ๆ เพียง 370.5 ล้านเหรียญ จากทุนสร้างที่สูงถึง 178 ล้านเหรียญ แต่ได้รับคำชื่นชมจากผู้ชมในวงกว้างจนมีการเรียกร้องให้สร้างภาคต่อมาโดยตลอด
‘Edge of Tomorrow 2’ เป็นโปรเจกต์ที่เต็มไปด้วยปัญหามากมาย จนทำให้การพัฒนาต้องหยุดชะงักเป็นระยะในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา โดยไลแมน, ครูซ และคริสโตเฟอร์ แมคควอรี (Christopher McQuarrie) ผู้ร่วมเขียนบท ได้เปิดเผยว่าพวกเขามีไอเดียสำหรับภาคต่อแล้ว ซึ่งจะเป็น “ภาคต่อที่เป็นเหมือนภาคเล่าเรื่องจุดเริ่มต้นไปพร้อมกัน” แต่ทีมเขียนบทได้ถูกเปลี่ยนหลายครั้ง เริ่มตั้งแต่ โจ ชราพเนล (Joe Shrapnel) และแอนนา วอเทอร์เฮาส์ (Anna Waterhouse) จาก ‘Snake Eyes: G.I. Joe Origins’ (2021) จากนั้นได้เปลี่ยนมาเป็น แมทธิว โรบินสัน (Matthew Robinson) ผู้ร่วมเขียนบท ‘Love and Monsters’ (2020) เพื่อปรับแก้บทในปี 2019 และเสร็จสิ้นไปเมื่อเดือนตุลาคม 2023 ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ยังมีปัญหาจากการที่สตูดิโอยังไม่เชื่อมั่นที่จะลงทุนในโปรเจกต์นี้อย่างเต็มตัว และตารางงานที่แน่นมากของครูซและเอมิลี บลันต์ (Emily Blunt) ที่ส่งผลให้โปรเจกต์เกิดความล่าช้าเช่นกัน
ในปัจจุบัน บลันต์เป็นนักแสดงที่ประสบความสำเร็จในภาพยนตร์ฟอร์มใหญ่หลายเรื่อง เช่น ‘Oppenheimer’ (2023) และ ‘The Fall Guy’ (2024) เป็นต้น และกำลังแสดงนำในโปรเจกต์ใหม่หลายตัว ในขณะที่ครูซนั้น กำลังยุ่งกับการสร้าง ‘Mission: Impossible’ ภาคสุดท้าย และเตรียมจะแสดงนำในภาพยนตร์ใหม่ของ อาเลฆันโดร กอนซาเลซ อิญญาร์ริตู (Alejandro G. Iñárritu) ผู้กำกับ ‘The Revenant’ (2015)
แต่ด้วยความที่ครูซได้เซ็นสัญญาใหญ่กับ Warner Bros. จึงอาจมีส่วนทำให้โปรเจกต์ ‘Edge of Tomorrow 2’ ได้รับการพัมนาอย่างจริงจังมากขึ้นในอนาคต