แม้จะไม่ใช่หนังที่ประสบความสำเร็จสูงสุดบน Box Office หรือเป็นหนังที่ได้รับคำชื่นชมจากนักวิจารณ์ท่วมท้น แต่คะแนน 85% ของผู้ชมจากเว็บไซต์ Rotten Tomatoes ก็เป็นตัวบ่งบอกถึงความนิยมชมชอบของผู้ชมที่มีต่อ ‘The Notebook’ (2004) หนังรักที่ดัดแปลงจากนิยายโรแมนติกขายดีอีกเล่มของนิโคลัส สปาร์กส์ (Nicholas Sparks) ที่เล่าเรื่องราวความรักของโนอาห์ ชายหนุ่มยากจน กับแอลลี หญิงสาวลูกมหาเศรษฐีที่ต้องแยกจากกันด้วยฐานะและความแตกต่างทางสังคม ก่อนที่ทั้งคู่จะได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง โดยมีสมุดบันทึกเป็นสื่อกลางของความรัก
นอกจากจะเป็นหนังรักที่หลายคนชื่นชอบแล้ว ก็ยังเป็นหนังแจ้งเกิดของพระเอกนัยน์ตาโศก ไรอัน กอสลิง (Ryan Gosling) ที่ตอนนี้กลายเป็นนักแสดงแถวหน้าไปแล้ว และการแสดงอันยอดเยี่ยมของนางเอกสาว ราเชล แม็กอดัมส์ (Rachel McAdams) ที่ยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน แม้ว่าเบื้องหลังจะไม่ได้โรแมนติกเลย เพราะทั้งกอสลิงและแม็กอดัมส์กลับมีปัญหาดราม่าไม่กินเส้นกันนอกจอ แต่ที่เล่นเอางงก็คือ พอผ่านดราม่ามาได้ ทั้งคู่ก็กลายมาเป็นคู่รักนอกจออยู่ช่วงหนึ่งเสียด้วย
ในวาระที่ปี 2024 นี้ เป็นปีที่หนัง ‘The Notebook’ มีอายุครบ 20 ปีพอดี เว็บไซต์ Entertainment Weekly ได้สัมภาษณ์ นิก แคสซาเวตส์ (Nick Cassavetes) ถึงเบื้องหลังแง่มุมต่าง ๆ ของหนังเรื่องนี้ และเรื่องหนึ่งที่เขาออกมาเปิดเผยก็คือ เขารู้สึกอยากขอโทษกอสลิงและแม็กอดัมส์ ในฐานะที่เขาเคยเปิดเผยเรื่องนี้กับสื่อจนกลายเป็นข่าวดังเมื่อ 10 ปีที่แล้ว
“ครั้งสุดท้ายที่ผมให้สัมภาษณ์ในเรื่องนี้ ผมเผลอเปิดเผยเรื่องนั้นออกมา ซึ่งผมเสียใจมากที่ทำแบบนั้นไป ทุกคนถามผมว่า ‘ทำไมคุณถึงเล่าเรื่องนั้นล่ะ ?’ ผมบอกแค่ว่าผมก็ไม่รู้เหมือนกัน มันเป็นวันหนึ่งที่ผมไม่ค่อยจะสบอารมณ์อะไรแบบนี้ แต่ถ้าพวกคุณอยู่ตรงนี้ ผมก็อยากจะขอโทษพวกคุณด้วย ผมไม่ควรจะเปิดเผยเรื่องนั้นออกมาเลย”
เมื่อปี 2014 ในวาระครบรอบ 10 ปีของหนังเรื่องนี้ แคสซาเวตส์ได้เล่าเบื้องหลังกับเว็บไซต์ VH1 ตั้งแต่เหตุผลของการเลือกนักแสดงหน้าใหม่อย่างกอสลิงมารับบท โนอาห์ แคลฮอน เพราะต้องการพระเอกที่ดูไม่หล่อเป็นดารา แต่ต้องดูเป็นคนธรรมดาติดดิน รวมทั้งเขายังเปิดเผยบรรยากาศความดราม่าความขัดแย้งของทั้งคู่ โดยเฉพาะเหตุการณ์ที่กอสลิงถึงกับออกปากไล่แม็กอดัมส์กลางกองถ่าย
“มันอาจไม่ใช่เรื่องที่ผมควรจะเล่านะครับ แต่พวกเขาไม่ค่อยลงรอยกัน ในวันหนึ่งของการถ่ายทำ ไรอันเดินเข้ามาหาผม เขากำลังร่วมถ่ายกับราเชล มีทีมงานอยู่ในกอง 150 คนในฉากใหญ่ฉากนั้น เขาเรียกผมไปแล้วพูดว่า ‘นิก มานี่หน่อยสิ’ แล้วเขาก็พูดว่า ‘คุณช่วยพาเธอออกไปจากที่นี่ แล้วก็พานักแสดงคนอื่นมาต่อบทนอกกล้องกับผมแทนได้ไหม’ ผมเลยถามว่า ‘อะไรนะ ?’ เขาบอกว่า ‘ผมทำไม่ได้ว่ะ ผมทำงานกับเธอไม่ได้จริง ๆ โคตรจะเสียเวลาเลย…'”
แคสซาเวตส์เล่าถึงช่วงเวลาตึงเครียดที่ลุกลามเข้าไปถึงห้องประชุม และบรรยากาศที่ค่อย ๆ ผ่อนคลาย
“พวกเราเข้าไปในห้องกับโปรดิวเซอร์ พวกเขาเริ่มตะโกนใส่กัน ผมเดินออกไปสูบบุหรี่หนึ่งมวน แล้วบางคนก็พูดว่า ‘เอาล่ะ งั้นเรามาทำแบบนี้ก็แล้วกัน’ แล้วหลังจากนั้นทุกอย่างก็ค่อย ๆ ดีขึ้นมา พวกเขาเดินออกมา ผมคิดว่าไรอันคงเคารพเธอในการยืนหยัดเพื่อตัวละครที่เธอรับบท และราเชลเองก็ดูมีความสุขที่ได้พูดสิ่งที่เธอคิดออกมา ส่วนที่เหลือของการถ่ายทำก็เลยอาจจะไม่ได้ถึงกับราบรื่น แต่ก็ถือว่าดีกว่าเดิม”
ความไม่น่าเชื่อของเรื่องดราม่าที่เกิดขึ้นก็คือ นอกจากทั้งกอสลิงและแม็กอดัมส์จะสามารถลดความขัดแย้ง และกลับมาทำงานร่วมกันได้จนตลอดรอดฝั่งแล้ว แต่ความขัดแย้งนั้นยังเปลี่ยนแปลงกลายเป็นความรัก ในปี 2005 ทั้งคู่เปิดตัวว่ากำลังคบหากันนอกจอ
ความรักของทั้งคู่หวานแหววจนถึงขั้นได้มีโอกาสขึ้นไปรับรางวัลสาขาฉากจูบยอดเยี่ยม จากเวที MTV Movie Awards ปี 2005 และทั้งคู่ยังโชว์กระโดดจูบกลางเวทีจนคนในงานอิจฉา ก่อนที่จะแยกทางกันในปี 2007 เคยกลับมาคบหากันช่วงสั้น ๆ อีกครั้งในปี 2008 และกลายมาเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันในเวลาต่อมา
แคสซาเวตส์ได้มีโอกาสเล่าถึงช่วงเวลาที่ความขัดแย้งสลายหายไป และกลายเป็นความรักของอดีตคู่รักนักแสดงนำที่เคยได้ชื่อว่าหวานที่สุดคู่หนึ่งของฮอลลีวูดในเวลานั้น
“พวกเขาตกหลุมรักกัน และก็กลายเป็นคู่รักที่ยอดเยี่ยมและเต็มไปด้วยความร้อนแรง ผมคิดว่าพวกเขายังคงรักกันและยังมีความเคารพซึ่งกันและกันอยู่ แต่ในตอนแรกมันไม่ได้เป็นแบบนั้น พวกเขาใช้เวลานานพอสมควรที่จะปรับตัวเข้าหากัน แต่พวกเขาทั้งคู่เป็นนักแสดงที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลก บางอย่างที่ผมขอให้พวกเขาแสดงออกมามันเป็นอะไรที่ยากมาก แต่ก็ไม่มีอะไรที่พวกเขาจะทำไม่ได้”
นอกจากนี้ในฐานะผู้กำกับ แคสซาเวตส์ยังยกเครดิตให้กอสลิง และแม็กอดัมส์ นักแสดงที่มีพลังงานอันเหลือล้น ที่ทำให้ตัวหนังกลายมาเป็นหนังโรแมนติกที่มีผู้ชมชื่นชอบและยังคงรับชมมาจนถึงปัจจุบัน
“ถ้าคุณอยากรู้ว่าทำไม ‘The Notebook’ ถึงได้รับการยกย่องว่าเป็นภาพยนตร์รักคลาสสิก คำตอบก็คือ ไรอัน กอสลิง และราเชล แม็กอดัมส์ นั่นแหละที่เป็นทั้งจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดของมัน”